หนึ่งปีได้กินเพียงครั้งเดียวของดีเมืองอุทัยธานี

ฝนตกชุกถึงฤดูทำนาหว่านข้าวเกษตรกรชาวนาจับปูนาขายรายได้เป็นกอบเป็นกำ ขณะเดียวกันเห็ดโคนราคาพุ่งขึ้นกิโลละ 800 บาท คนซื้อไม่บ่นเพราะหนึ่งปีได้กินเพียงครั้งเดียว

เวลา 06.00 น.วันที่ 10 ตุลาคม 2566 ที่ตลาดสดเทศบาลเมืองอุทัยธานีในช่วงเช้ามืดนั้นนอกจากจะมีบรรดาแม่ค้าที่มาขายกับข้าวและผักต่าง ๆ นอกจากนั้นยังมีเกษตรกรหรือชาวนายำปูนาที่จับได้ออกมาขายอีกด้วยซึ่งในช่วงฤดูกาลเริ่มทำนาข้าวหลังจากฝนเริ่มตกชุกแล้วเริ่มทำการหว่านข้าวหรือดำนาพบว่าในนาข้าวของตัวเองนั้นมีปูนาออกมาจากรูแล้วซึ่งหนึ่งปีปูนาจะออกมาผสมพันธ์ุกันในช่วงนี้แล้วก็ออกลูกเยอะมาก และปูนาในช่วงนี้เป็นช่วงที่มันของปูนานั้นอร่อยมากคนที่ชื่นชอบนั้นจะนำไปทำกับข้าวได้หลากหลาย เช่นน้ำพริกต่าง ๆ ต้มปูนาแล้วมากินกับข้าวสวยร้อน ๆ กับน้ำจิ้มซีฟู๊ดและนำไปดองซึ่งแม่ค้าที่นำมาวางขายนั้นก็เป็นชาวนาเองแล้วนำทั้งปูเป็น ๆ สด ๆ และปูที่ต้มแล้วมาขายพร้อมกับปูเป็น ๆ ที่ไต่อยู่ในกะละมังซึ่งก็มีคนที่สนใจมามุงซื้อกันตั้งแต่เช้าพอสายๆก็หมดแล้ว โดยปูที่ผ่านการดองหรือต้มมาแล้วนั้นจะขายอยู่ที่ถุงละ 20-30 บาทถึงหนึ่งปูมีอยู่ในถุงประมาน 5-6 ตัว ส่วนปูเป็น ๆ นั้น ขายกิโลกรัมละ 80-100 บาท แล้วแต่ขนาดของปูว่าตัวใหญ่หรือเล็กซึ่งมีให้เลือกอีกด้วยว่าชอบรับประทานแบบไหน

ขณะเดียวกันเห็ดโคนป่าในพื้นที่อำเภอลานสักและในอำเภอบ้านไร่ในช่วงนี้ออกออกในป่าเยอะมากจนผู้ที่ออกหานั้นมีรายได้จนยิ้มออกกันเลยทีเดียวโดยนางเล็ก ยงเยี่ยงพันธ์ อายุ 60 ปี แม่ค้าขายเห็ดโคนนั้นรับซื้อมาขายต่ออีกที โดยมีลูกค้าที่สั่งของเยอะมากซึ่งเห็ดโคนสดๆแบบหามาใหม่ ๆ มีดินติดมากับดอกเห็ดเลยซึ่งคนที่นำไปรับประทานหรือทำอาหารนั้นต้องไปทำการล้างดินออกเองให้สะอาดเสียก่อนในตอนนี้ราคาพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 700-800 บาทและส่วนใหญ่นั้นจะเป็นลูกค้าที่ชื่นชอบในการรับประทานเห็ดโคนเพราะรสชาติหอมอร่อยถึงแม้จะราคาจะแพงก็ไม่บ่นกันเพราะเข้าใจว่าคนหานั้นก็ลำบาก กว่าจะเดินเข้าป่าหามาแล้วมาขายให้กับบรรดาแม่ค้าอีกที ส่วนเห็ดโคนดองกิโลกรัมละ 500 บาท ซึ่งก็ขายดีมากเช่นกันซึ่งคนที่มาซื้อทั้งปูนาและเห็ดโคนต่างก็บอกว่าหนึ่งปีจะได้กินกันเพียงครั้งเดียวเท่านั้น จึงไม่เสียดายเงินที่ซื้อไปรับประทานกันเลย