X

 “สมชาย โล่สถาพรพิพิธ”บ้านใหญ่ตรังหลังใหม่ มองผลเลือกตั้ง ปชป.ต้องรีแบรนด์ “ดีแต่พูด” ใช้ไม่ได้แล้ว 

 “โกหนอ-สมชาย โล่สถาพรพิพิธ” บ้านใหญ่ตรังหลังใหม่ มองผลเลือกตั้ง ปชป.ต้องรีแบรนด์ “ดีแต่พูด-ด่าคนอื่น” ใช้ไม่ได้แล้ว 

หลังผลการเลือกตั้ง 14 พ.ค.66 ซึ่งผลการเลือกตั้งของพรรคประชาธิปัตย์  4 เขตในจังหวัดตรัง ปรากฎว่าสามารถรักษาเก้าอี้ไว้ได้ 2 เขต คือ นางสาวสุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ เขต3 และ นายกาญจน์ ตั้งปอง เขต 4 ซึ่งทั้งสองเขตนี้มีนายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ หรือ โกหนอ ซึ่งทำหน้าที่เป็นหัวคะแนนหลักให้ว่าที่ ส.ส.ทั้ง 2 คน ซึ่งภาพรวมทั้งประเทศพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้มาเพียง 24 ที่นั่ง

นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ ได้ให้สัมภาษณ์สื่อหลังผลการเลือกตั้งผ่านไป  และมีกระแสจับมือดีลกับพรรคก้าวไกล รวมทั้งข่าวย้ายพรรคไปอยู่เพื่อไทย รวมทั้งมีการโจษจันกันหนาหูว่าบ้านใหญ่หลังใหม่เกิดขึ้นที่บ้านโล่สถาพรพิพิธ  ซึ่งนายสมชายได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว และ ให้ความคิดเห็นว่าหลังจากนี้ประชาธิปัตย์ ต้องรีแบรนด์ จะดีแต่พูดหรือด่าคนอื่นไม่ได้แล้ว

นายสมชาย บอกว่า ที่มีข่าวว่าทางปชป.ดีลกับก้าวไกลในการร่วมจัดตั้งรัฐบาล จริงๆ ตนไม่ได้มีตำแหน่งอะไรในพัก แล้วก็ไม่ได้มีบทบาทในกำหนดทิศทางของพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะไปร่วมกับใครหรือไม่อย่างไร แต่ในฐานะที่เป็นหัวคะแนน เป็นอดีตส.ส.ประชาธิปัตย์ จ.ตรัง ที่ได้ดูแลเขต3 และ 4 จนประสบความสำเร็จก็ต้องถือโอกาสขอบคุณประชาชนในทั้งสองเขต แต่ในเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีส.ส.24 เสียง จะไปเข้าร่วมกับพรรคก้าวไกล เพื่อยกมือสนับสนุนพรรคก้าวไกลโหวตนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น เป็นเรื่องของกรรมการบริหารพรรค ซึ่งจะมีการประชุมเลือกกันใหม่ในวันที่ 24 พ.ค.นี้ แต่โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นไปได้ยากเพราะพรรคประชาธิปัตย์ได้หาเสียงว่าจะเทิดทูนชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ แต่หากก้าวไกลจะแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา112 ผมคิดว่าเป็นไปได้ยาก เพราะประชาธิปัตย์ยืนหยัดมาแบบนี้ตลอด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ที่จะเลือกในวันที่ 24 นี้ ซึ่งส่วนใหญ่คนประชาธิปัตย์ไม่อยากให้ร่วมกับพรรคที่แก้ไขมาตรา 112 แต่กระแสสังคมจะเรียกร้อง กระแสสังคมที่ว่านั้นมาจากหลายฝ่าย ต้องขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จะเลือกหรือตัดสินใจอย่างไร เรื่องนี้ต้องรอบคอบ หลังจากผลการเลือกตั้งออกมาคุณเฉลิมชัยก็ต้องออกนะตามสัญญาประชาคมที่ได้ให้ไว้ ว่าหากได้ที่นั่งส.ส.น้อยกว่าเดิมจะเลิกเล่นการเมือง ตนคิดว่านายเฉลิมชัยมารับตำแหน่งอะไรไม่ได้ ทั้งตำแหน่งในพรรคและตำแหน่งในรัฐบาล แต่ต้องยอมรับความจริงที่ว่านายเฉลิมชัยยังต้องดูแลสมาชิกพรรคอยู่

หลังจากนี้ตนมองว่าประชาธิปัตย์ต้องรีแบรนด์ใหม่ทั้งหมด จะเอาแต่ด่าคนอื่น เอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่นคงไม่ได้แล้ว ต้องปรับแนวทางใหม่ทั้งหมด ถ้าดีแต่พูดคงมันไปไม่รอด เพราะบริบททางการเมืองเดี่ยวนี้มันเปลี่ยนใหม่ หลังจากที่ คสช.ยึดอำนาจมา 8 ปี มันเปลี่ยนไปหมดแล้ว มีคนรุ่นใหม่เกิดขึ้นเยอะ ควรจะไปในรูปแบบของออนไลน์มากกว่า

เขต3และ 4 ที่ผมดูแลและเป็นหัวคะแนนให้ แต่เราก็รอดผ่านมาได้ ก็ด้วยความสนิทสนม ความคุ้นเคย ความผูกพันกับผู้นำองค์กรต่างๆ เช่น ผู้นำท้องที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นายกอบต.ต่างๆ ซึ่งได้ช่วยกันพาให้ผ่านพ้นมาได้

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในอนาคตหากคุณสมชายยังช่วยพรรค ในเขต 1 และ 2 คุณสมชายจะส่งผู้สมัครลงไปแย่งเก้าอี้ ส.ส.กลับมาเป็นของประชาธิปัตย์หรือไม่

นายสมชาย บอกว่า ถ้าร่วมมือสามัคคีกันหมด จ.ตรังยังไปได้ แต่ตอนนี้ต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่ามันแตกแยกกันจนเป็นช่องโหว่ เป็นรอยร้าวให้พรรคอื่นมาแทรกได้ ความไม่สามัคคีกันและเมื่อมีปัญหาระหว่างกันก็ไม่มีคนมาเคลียร์ หรือ มาประสานงาน ทำไมต้องมาแยกมาแย่งกัน ตัวอย่างเรื่องการเลือกตั้งนายกอบจ.ตรัง ทำไมผู้ใหญ่ไม่มาเคลียร์ สุดท้ายต้องมาแข่งกันจนก่อให้เกิดความแตกแยก ผมว่ามาจากจุดนี้สำคัญที่สุด และเราจะไม่เห็นแลนด์สไลด์ในเขต2 ที่ส่งผลมาจากการเลือกตั้งนายกอบจ.ตรัง ต้องยอมรับความเป็นจริง มีใครจะคาดคิดว่าส.ส.7 สมัย จะได้คะแนนเลือกตั้งแค่หมื่นกว่าคะแนน และคู่แข่งที่เคยได้แค่ 5,000 คะแนน กลับมาได้คะแนนถึง 60,000 กว่าคะแนน จะเห็นได้ว่าอะไรก็เปลี่ยนแปลงหมด ฉะนั้นต่อไปเราจะดีแต่พูดไม่ได้แล้ว ต้องทำด้วย


กระแสประชาธิปัตย์ปัจจุบันลดลง ในอดีตคนจ.ตรังที่ไม่เลือกประชาธิปัตย์มีประมาณ 50,000 คน ไม่ว่าจะลงนายกอบจ.ตรัง หรือส.ส.ก็แล้วแต่ แต่เดี่ยวนี้คนไม่เลือกประชาธิปัตย์มีมากถึง 2 แสนคน เมื่อก่อนคนเฒ่าคนแก่ในจังหวัดตรังจะโทรไปหาลูกหลานที่กทม.หรือต่างจังหวัด ว่าให้เลือกประชาธิปัตย์ แต่ตอนนี้กลับกันคนตรังที่อยู่กทม.กลับโทรมาบอกพ่อแม่ พี่น้อง ว่าให้เลือกพรรคอื่น นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งบางคนยังไม่รู้แต่นี่คือข้อเท็จจริง

การกอบกู้สถานการณ์กลับมาได้ 2 ที่นั่ง แต่เขต1 และ 2 กลับต้องเสียให้พักการเมืองอื่น ตนมองว่าเกิดจากความแตกแยกในจังหวัดตรัง แล้วไม่มีใครมารับผิดชอบดูแลหรือไกล่เกลี่ยเพื่อให้เป็นเนื้อเดียวกัน ปล่อยปัญหาให้คาราคาซังและขยายวงกว้างขึ้น ทำให้แต่ละคนโดดเดี่ยวโดนโจมดีได้ง่าย ซึ่งหากเป็นเนื้อเดียวกันในจังหวัดตรังใครจะมาตีประชาธิปัตย์คงยาก

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หลังเลือกตั้งได้คุณกับนายชวนบ้างหรือไม่ และ ได้คุยกับนายทวี สุระบาล ว่าที่ ส.ส.เขต2 ในฐานเพื่อนเก่ามั้ย

นายสมชาย บอกว่า กับนายชวนตนไม่ได้เจอท่านชวนเลย ท่านคงมีภาระกิจ , ส่วนนายทวี สุระบาลเขาได้โทรศัพท์มาขอบคุณ ซึ่งผมว่าผมไม่ได้ช่วยอะไรนายทวีเลย แต่โทรมาขอบคุณผมคนเดียว ซึ่งผมเริ่มต้นจากรวมพลคนไม่เอาสาทิตย์ แต่ตอนหลังผมก็ไม่ได้เข้าไปในเขต2 เลยนะ แต่มันอาจจะเป็นผลพวงที่เกาะเกี่ยวกันมาตลอด

 

 

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน