X

ผบก.ภ.จว.ตรัง ยืนยันทำงานเชิงรุกร่วมมือหน่วยงานความมั่นคง เข้มเฝ้าระวังใช้อิทธิพลช่วงหาเสียง

ตรัง ผบก.ภ.จว.ตรัง ยืนยันทำงานเชิงรุกร่วมมือหน่วยงานความมั่นคง และตำรวจจังหวัดพื้นที่ใกล้เคียง เข้มเฝ้าระวังรักษาความสงบเรียบร้อยช่วงหาเสียงเลือกตั้งป้องกันการใช้กำลังอิทธิพล การข่มขู่คุกคาม หรือหาเสียงผิดกฎหมายในพื้นที่ ทั้งหัวคะแนน และตัวผู้สมัคร สแกนคนต่างถิ่นที่จะเข้ามาในพื้นที่ แต่เชื่อมั่นจะไม่เกิดความรุนแรงขึ้น ขณะที่ว่าที่ผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐยืนยันมีการใช้อิทธิพลดึงหัวคะแนน และมีการทำลายป้ายหาเสียงเลือกตั้งเกิดขึ้นแล้ว แต่ยืนยันจะไม่แจ้งความใด ๆ พร้อมทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ขอให้กกต.และทางตร.ดูแลผู้สมัคร การหาเสียงให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย และอย่าให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดมาให้ร้ายรังแกใคร ส่วนว่าที่ผู้สมัครพรรครวมไทยสร้างชาติ เผยนายกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับกระแสตอบรับดีมากในพื้นที่ จ.ตรัง แต่ห่วงการซื้อสิทธิ์ขายเสียง สมัยนี้การซื้อเสียงการใช้ระบบเอาเงิน มาใช้ในการหาเสียงเริ่มมีเยอะขึ้น มีการเรียกหัวคะแนนไป ให้เงินเป็นก้อนแล้วก็ให้ไปหาลูกบ้านมา ไปหาบัตรประชาชนมา ถือเป็นปัญหาอุปสรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นอย่างมาก

พล.ต.ต.เชาวลิต เลี้ยงสุพงศ์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดตรัง บอกถึงมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยในช่วงหาเสียงเลือกตั้งว่า ในช่วงหลังยุบสภาพบว่าว่าที่ผู้สมัครก็เร่งระดมออกหาเสียง ทางตำรวจก็ได้ชี้แจงให้ผู้กำกับการโรงพักทั้ง 16 สถานี รวมทั้งฝ่ายสืบสวนให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และให้ตรวจสอบติดตามว่าในพื้นที่มีสิ่งผิดปกติเกี่ยวกับการเลือกตั้งหรือไม่ เพื่อที่จะไม่ให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมองว่าไม่เป็นธรรมหรืออีกฝ่ายหนึ่งทำผิดกฎหมาย หรือมีการใช้ที่นอกเหนือกฎหมายให้สิทธิ์หาเสียงทั่วไปหรือไม่  เช่นการข่มขู่ คุกคาม หรือการเอาผู้มีอิทธิพลมาห้ามปรามไม่ให้หาเสียงเลือกตั้ง หากพบจะต้องเข้าตรวจสอบแล้วก็ดำเนินการตามกฎหมายทันที นอกจากนั้นทางตำรวจฝ่ายสืบสวนได้จับมือกับตำรวจสันติบาล ซึ่งก็ดูแลด้านความมั่นคงช่วยกันหาข่าว มีการตั้งจุดตรวจจุดสกัดหากมีการแจ้งจากฝ่ายข่าวเข้ามา หากไม่มีก็เป็นการตรวจป้องกันเหตุไปในตัว พร้อมกับทำงานเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกับกับชุดสืบสวน และตำรวจสันติบาลในจังหวัดรอบข้าง ทั้งสตูล พัทลุง นครศรีธรรมราช และกระบี่

ซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกัน ส่วนการประเมินสถานการณ์เชื่อว่าเป็นการหาเสียงตามสิทธิ์และกรอบของกฎหมาย น่าจะไม่มีเหตุการณ์อะไรรุนแรง ทั้งบรรดาว่าที่ผู้สมัครและแกนนำ หรือหัวคะแนนเสียง ถ้ามีฝ่ายข่าวหรือสิ่งบอกเหตุแจ้งมาก็จะใช้ตำรวจสันติบาลและฝ่ายสืบสวนเข้าตรวจสอบตรวจเช็คทันที เช่นเดียวกับกกต.และฝ่ายปกครองก็ทำงานประสานหารือแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ส่วนเรื่องของมือปืนรับจ้างในเขตพื้นที่จังหวัดตรัง ตอนนี้ไม่มีมือปืนรับจ้าง หากมีกระแสข่าวว่าจะมีบุคคลต้องสงสัยจากต่างถิ่นจะข้ามาในพื้นที่ทางตำรวจและสันติบาลจะเร่งติดตามเฉพาะตัวทันที

ส่วนทางด้านนายกิตติพงศ์ ผลประยูร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 ตรัง พรรคพลังประชารัฐ บอกว่า การแข่งขันทางการเมืองเป็นเรื่องปกติส่วนตัวเองก็เตรียมตัวที่จะทำงานด้านการเมืองมากปีครึ่งแล้ว จะมีความรุนแรงเกิดขึ้นคิดว่าเป็นเรื่องธรรมชาติมากกว่า ส่วนที่เห็นความเปลี่ยนแปลงแล้วตอนนี้คือ ส่วนของแกนนำหรือหัวคะแนนที่แย่งตัว ถูกโยก ทั้งนี้ ตนเองทำงานมาก่อนปีกว่า ดูแลทำงานกันมา แต่มีบางพรรคการเมืองที่ไม่ได้ใช้เวลามากมาย แต่ใช้วิธีการฉกฉวยแย่งชิงแกนนำ ซึ่งบางคนก็ไป บางคนก็ไม่ไป แต่พบว่าถูกแย่งไปประมาณ 30% ทั้งนี้ในส่วนของพฤติกรรมที่จะมาดึงแกนนำหรือหัวคะแนน ต้องยอมรับว่าอิทธิพลการเมืองท้องถิ่นในจังหวัดอิทธิพลนี้แน่นอนไม่มีใครจะมาปฏิเสธว่าไม่มี ทำให้แกนนำเกรงกลัวเรื่องอิทธิพล ไม่อยากจะมีปัญหากับบุคคลบางคน เพราะเกรงกลัว ซึ่งบางทีบุคคลเหล่านั้นอาจจะไม่ได้แสดงอิทธิฤทธิ์อะไรมากมาย แต่แกนนำเกรงกลัวกันไป มีอำนาจแฝงเช่นอำนาจเงินที่มาใช้ เพราะทุกคนก็ต้องการเงิน ซึ่งเงินยังซื้อได้ตลอดเวลา ส่วนการคุกคามข่มขู่เพื่อชีวิตนั้นเชื่อว่าตอนนี้ยังไม่มีแล้วก็เชื่อว่าจะไม่มีด้วย  ส่วนตัวก็ไม่ได้ประมาท แม้ว่าจะไม่มีแต่ก็ต้องคอยระมัดระวังตัวด้วย และพบมีการทำลายป้ายหาเสียงของตนเองแล้ว ตอนนี้ 4 ป้าย ทั้งถูกกรีด ทำลาย ตัดคอภาพ ของว่าที่ผู้สมัคร และของหัวหน้าพรรค พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ส่วนตัวเมื่อพบก็จะเปลี่ยนป้ายทันที และล่าสุดเมื่อวานนี้ก็โดนอีกที่ตำบลควนปริง ก็ไม่ได้คิดที่จะไปหากล้องวงจรปิด ไม่ได้คิดที่จะไปแจ้งความเอาผิดอะไร เพราะส่วนตัวถือว่าแค่คนคนเดียวประชากรเขตเมืองตรังต้อง 160,000 คน แค่คนคนเดียวหรือสองสามคนไปทำลายป้ายก็เป็นวิถีชีวิตวิถีของเค้าเองก็เลยปล่อยไปไม่เชื่อว่าจะไม่มีความรุนแรงมากไปกว่านี้ คงเป็นเชิงสัญลักษณ์มากกว่า  อยากจะบอกกับคนที่ทำว่าอย่าทำร้ายกันดีกว่า ไม่รู้จะทำอะไรกันไปทำไม เพราะป้ายหาเสียงไม่ได้มีชีวิตจิตใจ ส่วนตัววันก่อนไปเจอป้ายของพรรคเพื่อไทยล้มลงอยู่อยู่ก็เดินก็หยิบไปขึ้นมาตั้งให้เหมือนเดิมไม่ได้คิดว่าพฤติกรรมของตนให้ใครมาชื่นชมสนใจ คิดว่าเรื่องป้ายเป็นเรื่องปกติ ส่วนตัวไม่ได้คิดทำอะไรใคร ยึดถือทำงานการเมืองอย่างสันติวิธี ยึดถือทำงานการเมืองอย่างสร้างสรรค์ พูดคุยกันดีกว่า ทุกพรรคการเมืองที่ส่งตัวแทนลงแข่งขันเราจับมือ พูดคุยกันตลอดเวลา ก้าวข้ามความขัดแย้ง พูดคุยทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่ ส่วนกกต.ขอให้กวดขันบังคับใช้กฎหมายให้เข้มงวดมากขึ้น เชื่อว่าทุกคนมีโอกาสทำผิดกฎหมาย เชื่อว่ากกต.ไม่ได้คิดตั้งใจจับผิดใคร อาจจะมีฝ่ายการเมืองร้องเรียนกันเอง ฝ่ายกกต.ก็ทำงาน ขอให้กกต.ทำงานให้เข้มงวดมากขึ้น ส่วนทางด้านทางตำรวจอยากขอให้ช่วยดูแลผู้สมัครทุกคน อย่าให้ใครคนใดคนหนึ่ง หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งให้ร้ายมารังแก ซึ่งการให้ร้ายตอนนี้ก็พบการให้ร้ายกันแล้วทางในสื่อโชเชียล ส่วนตัวไม่ได้คิดจะไปโต้แย้งกับใคร เพราะคิดว่าการให้ร้ายกันในสื่อเป็นเรื่องธรรมดาเช่นกัน


ด้าน นายถนอมพงศ์ หลีกภัย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 ตรัง พรรครวมไทยสร้างชาติ บอกว่า สำหรับในช่วงก่อนที่จะมีการรับสมัครการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตอนนี้แต่ละพรรคก็เริ่มเดินหาเสียงกันแล้ว สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาติแคนดิเดตนายกประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับกระแสตอบรับดีมาก ต้องบอกตามตรงเลยว่าประชาชนยังนิยมในตัวของนายกประยุทธ์ หัวหน้าพรรค เนื่องจากผลงานแต่ละชิ้น ก็มีความเป็นชิ้นเป็นอัน ตั้งแต่ที่ตนเองเดินหาเสียง ชาวบ้านก็ไม่ได้รู้จักตนเอง ว่าเป็นส.ส.เขตคนไหน แต่ชาวบ้านบอกว่าจะใส่พรรคลุงตู่นี่คือที่มาที่ไปของประชาชนแถวปักษ์ใต้บ้านเรา เราว่ากระแสยังดีอยู่มาก
สำหรับความคาดหวังในการเลือกตั้งครั้งนี้ ตนเองคิดว่าได้เปอร์เซ็นต์ที่สูง แล้วตอนนี้เข้าช่วงในการเว้นวรรคการเลือกตั้งมานาน ซึ่งแต่ละพรรคมียุทธศาสตร์ในการเลือกตั้งที่ถือว่าดี แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราจะใช้วิธีการแบบไหน สำหรับการแข่งขันของเขต 1 ในจังหวัดตรังนั้นถือว่าเป็นการแข่งขันที่สูง จากที่ตนเองลงพื้นที่หาเสียงแม้แต่ในชนบทเอง มีการพูดถึงการเลือกตั้งในที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆนี้ มีการพูดจากันเยอะถือว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี ในเชิงการต่อสู้ระบบประชาธิปไตย
แนวทางการเดินหาเสียงของตนนั้นอันดับแรกก็จะเป็นการเดินพบปะชาวบ้าน การเข้าถึงประชาชนเป็นหลักของทุกพรรค ไม่ว่าพรรคไหน สร้างผลประโยชน์ที่ดีให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเดือดร้อนบำบัดทุกข์บำรุงสุข
สำหรับเรื่องที่น่าเป็นห่วงอยู่ตอนนี้มุมมองของตนเองก็คือการซื้อสิทธิ์ขายเสียง ในสมัยก่อนไม่เคยมีมาก่อน แต่สมัยนี้การซื้อเสียงการใช้ระบบเอาเงินมาใช้ในการหาเสียงเริ่มมีเยอะขึ้น ตนเองขอไม่เอ่ยถึงพรรคไหน เพียงแต่ทราบว่ามีการเรียกหัวคะแนนไป ให้เงินเป็นก้อนแล้วก็ให้ไปหาลูกบ้านมา ไปหาบัตรประชาชนมา ถือเป็นปัญหาอุปสรรคในการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นอย่างมาก

ในส่วนประเด็นของการข่มขู่คุกคามในพื้นที่ตนเองเชื่อว่ายังไม่ถึงขนาดนั้น ซึ่งการเลือกตั้งที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ระดับการเมืองเล็ก ๆ ไม่น่าจะเกิด แต่ถ้าหากเป็นที่อื่นตนเองไม่ทราบได้ สำหรับที่จังหวัดตรังไม่น่าจะเกิดขึ้น
ทั้งนี้ตนเองอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนในการรับผิดชอบ ช่วยกวดขันดูแลถือว่าเป็นการเอาเปรียบคู่ต่อสู้ เพราะการใช้เงินต่าง ๆ มันไม่ใช่ระบบประชาธิปไตย เมื่อลงทุนไปและเข้าไปสู่สภาฯ ชนะการเลือกตั้ง เชื่อว่าเมื่อมีการลงทุนก็ต้องมีการเอาทุนกลับ มันเป็นผลของระบบการเมืองไทย ที่มีระบบประชาธิปไตยเป็นหลัก สำหรับพรรครวมไทยสร้างชาตินั้นตนเองมีความมั่นใจเกินร้อย ซึ่งตนเองเชื่อในศักยภาพของตัวเอง ที่เคยเป็นนักการเมืองท้องถิ่นมาก่อน และเคยอยู่สมาชิกสภาเทศบาลนครตรังตั้งแต่ปี 2555 มาระยะเวลา 9 ปี และเป็นรองนายกเทศมนตรี มาระยะเวลา 2 ปี มีการได้พบปะชาวบ้าน พบเห็นความเดือดร้อนพี่น้องประชาชนและการดูแลประชาชน ถือว่าเราอยู่กับประชาชนมานาน เรามองเห็นชัดเจน ทำยังไงให้ประชาชนเมื่อเกิดความเดือดร้อนได้เข้าพบผู้หลักผู้ใหญ่ ในสภาหรือในส่วนกลาง เพราะเรามองเห็นจุดนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมาก และนี่คือช่องว่างที่ตนเองสามารถเชื่อมโยงได้

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน