ตรัง – นายก อบจ.ตรังชี้แจงกรณีคนงานลอบตัดไม้ยางขาย ยอมรับคนงานทำนอกเหนือคำสั่ง และอยู่ระหว่างขั้นตอนให้คณะกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ ขณะที่ชาวบ้านไม่มั่นใจการสอบสวนข้อเท็จจริงของ อบจ.ก็ได้เข้ายื่นเรื่องร้องต่อ ปปช.จ.ตรัง ให้ดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
จากกรณีชาวบ้านร้องสื่อ กรณีสวนยางพาราของอบจ.ตรัง จำนวน 2 แปลง เนื้อที่ 10 ไร่ ถูกลักลอบตัดต้นยางเพื่อนำไปขาย มูลค่าความเสียหายไม่น้อยกว่า 2 แสนบาท ซึ่งชาวบ้านระบุว่าเป็นการกระทำของคนภายในอบจ.ตรัง เป็นคนตัดไม้อย่างดังกล่าว เนื่องจากมีการนำรถแบคโฮ ซึ่งเป็นเครื่องจักรกลของอบจ.และน้ำมันหลวงเข้ามาทำงานในสวนยางดังกล่าว
ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้สื่อข่าวไปลงพื้นที่ไปดูสวนยางที่มีการร้องเรียน ซึ่งตั้งอยู่ถนนช่องหาญ-เขาดิน ม.3 ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ จ.ตรัง โดยจุดที่พบการตัดไม้ยางออกไป แบ่งเป็น 2 จุด จุดแรก เนื้อที่ประมาณ 5 ไร่เศษ อยู่ริมถนนช่องหาญ-เขาดิน และ จุดที่ 2 เนื้อที่ประมาณ 3 ไร่เศษ ซึ่งอยู่ห่างจากถนนเข้าไปประมาณ 500 เมตร ซึ่งทั้ง 2 จุด ต้นยางถูกตัดโค่นออกไปหมดแล้ว เหลือแค่ที่ดินว่างเปล่า และแปลงแรกมีการปลูกผักสวนครัว เช่น มะเขือ ตะไคร้ พริก ในที่ดินว่างดังกล่าว
นายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ นายกอบจ.ตรัง ได้ยอมรับกับผู้สื่อข่าวว่ามีการลักลอบตัดไม้จริง ซึ่งก่อนหน้านี้ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่อบจ.ตรัง ประสานกับที่ดินอ.วังวิเศษ เพื่อสำรวจแนวเขตของสวนยางพารา และสวนปาล์มน้ำมันของอบจ.ตรัง แต่เมื่อไปทำแนวเขต คนของอบจ.ตรังกลับนำเครื่องจักรกล รวมทั้งน้ำมันรถของ อบจ.ไปตัดโค่นไม้ยางพาราโดยพลการ
ข่าวน่าสนใจ:
- ตรัง แล้งหนักในรอบ 5 ปี ฝนหลวง 2 รอบเอาไม่อยู่ อบจ.ตรัง งานล้นเร่งขุดบ่อน้ำตื้น-แจกน้ำ 5 หมื่นลิตรต่อวัน
- แห่งเดียวในไทย พลังศรัทธาชาวตรังนับพัน ร่วมชักพระเดือน 5 วัดควนขัน สืบสานประเพณียาวนานกว่า 210 ปี
- ตรัง "แอน ทองประสม" ยกกองถ่ายหนึ่งในร้อยลงตรัง นำทัพซุปตาร์ ญาญ่า-ต่อ ธนภพ ปักหมุดเกาะกระดาน นาหมื่นศรี แหลมหยงสตาร์
- ชาวระนอง เตรียมคึกคัก!! สนข. ศึกษาโครงการ "ไทยแลนด์ริเวียร่า ( Thailand Riviera)" หนุนท่องเที่ยว 6 จังหวัด
นายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ กล่าวว่า ตอนที่ตนเข้ามารับตำแหน่งนายกอบจ.ตรัง ตนก็อยากทราบว่าที่ดินของอบจ.ตรัง ที่ ต.วังมะปรางเหนือ อ.วังวิเศษ มีเนื้อที่จำนวนกี่ไร่ เพราะบางคนบอกว่ามีเนื้อที่ 800 ไร่ บางคนก็บอกว่ากว่า 1,000 ไร่ และเพื่อความชัดเจนจึงได้มอบหมายเลขานุการส่วนตัวประสานกับเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินอ.วังวิเศษ เพื่อเข้าไปรังวัดแนวเขตเพื่อให้สามารถทราบจำนวนเนื้อที่และอาณาเขตที่ชัดเจน ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้ทราบเนื้อที่ที่ดินอย่างชัดเจนว่ามีเนื้อที่ 900 กว่าไร่ ดังนั้น เพื่อป้องกันการบุกรุกจึงสั่งการให้นำเครื่องจักรเข้าขุดแนวเขตล้อมรอบทั้ง 4 ทิศ เพื่อป้องกันปัญหาการบุกรุกของชาวบ้าน และเป็นแนวป้องกันไฟป่าด้วย หลังจากนั้นตนก็ทราบเรื่องการตัดไม้ยางพาราตามที่เป็นข่าว
โดยหลังจากนั้นตนได้ตั้งกรรมการสอบสวน ตอนนี้กำลังดำเนินสอบสวนอยู่ยังไม่ทราบผล เพราะมีความเกี่ยวพันกับลูกน้องภายในด้วย และมีหลายคนตั้งข้อสังเกตุว่าตนยางพาราที่โดนตัดออกไปอยู่ในที่ดินที่มีต้นยางประปราย มีต้นไม้อื่นขึ้นแทรกมากกว่า ตามที่มีการรายงานมาระบุว่าพื้นที่ซึ่งเป็นปัญหาอยู่นั้น ไม่มีการตัดกรีด แต่อย่างไรเสียก็ถือว่าเป็นกระทำเกินอำนาจ ทำนอกเหนือคำสั่ง ตนจึงตั้งกรรมการสอบสวน ส่วนการตัดโค่นไม้ยางยางเพื่อนำไปขายแล้วนำเงินเข้ากระเป๋านั้น ตนมองว่าไม่น่าจะใช่วัตถุประสงค์หลัก เขาคงมองว่าไหนๆรถเครื่องจักรก็เข้าไปแล้ว น่าจะใช้ประโยชน์ให้เต็มที่ จึงให้รถจักรกลถางโค่นป่ารกร้างออก แต่หากนำต้นยางไปขายได้เงินมาก็คงจะมีการมุบมิบเข้ากระเป๋าบ้าง จึงเป็นที่มาของการตั้งกรรมการสอบสวน ซึ่งจากการสอบสวนที่ดินที่ถูกตัดต้นยางออกไป ทั้ง 2 แปลง พบว่าที่ดินแปลงที่อยู่ติดถนน คือ เนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ มีจำนวนต้นยางจำนวนน้อยมาก ส่วนอีกแปลงที่อยู่ถัดไปด้านในมีต้นยางจำนวนมากกว่า แต่เป็นต้นยางที่หมดสภาพ ต้นยางที่ไม่สามารถให้น้ำยางได้แล้ว หรือภาษาชาวบ้านเรียกว่าต้นยางตายนึ่ง ซึ่งการกระทำในเหตุการณ์นี้ มีผู้เกี่ยวข้องได้แก่ ผู้จัดการสวนยาง และ คนงาน 4 คน โดยมีนายช่าง อบจ.ตรังขณะนั้นเข้าไปดู และเป็นผู้นำรถไปขนไม้ยางพาราออกจากสวน
ทั้งนี้ มีการทำเงินที่ได้จากการขายไม้ยาง มาส่งให้กับอบจ.ตรัง จำนวน 8 ต้น เป็นเงินรวมจำนวน 3,700 บาท แต่จะเป็นเงินที่ตรงกับข้อเท็จจริง หรือตามที่ได้ตัดโค่นจริงหรือไม่ ก็ไม่ทราบได้ เพราะทุกคนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งการตรวจสอบนั้นคงจะทราบข้อเท็จจริงเรื่องจำนวนไม้ที่นำไปขาย และจำนวนเงินที่ได้จากการขายไม้ยางพารา โดยคณะกรรมการสอบสวนที่อบจ.ตรัง แต่งตั้งขึ้นมีผู้สันทัดเกี่ยวกับเรื่องการซื้อขายไม้ยางพารารวมอยู่ด้วย นำโดยนายโชคดี คีรีกิ้น รองนายกอบจ.เป็นผู้รับผิดชอบ ทั้งนี้ โทษมีตั้งแต่การไล่ออก ปรับ หรือ เรียกเงินคืน ก็แล้วแต่ ซึ่งตนจะลงโทษอย่างแน่นอนเพื่อให้หลาบจำ
อย่างไรก็ตาม นายกองค์การบริการส่วนจังหวัดตรัง ระบุว่า ตามขั้นตอนตัดโค่นยางพารานั้น ปกติมีระเบียบที่ชัดเจน โดยมีคณะกรรมการจัดสรรผลประโยชน์เป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งหากจะตัดโค่นต้องมีการเรียกประชุม ต้องมีมติ มีการกำหนดราคากลาง ประกาศให้หาผู้เสนอราคา โดยราคากลางได้มาจากการตรวจสอบคุณภาพเนื้อไม้ ขนาดของลำต้น รูปทรงของลำต้น และจำนวนต้นยางพาราทั้งหมด ยืนยันอย่างลูกผู้ชายจะดำเนินการทุกอย่างอย่างตรงไปตรงมา คนที่ทำผิดก็จะต้องรับโทษตามที่เห็นสมควร จะไม่เข้าด้วยช่วยเหลือใคร เหมือนที่สังคมอาจหวาดระแวงว่าจะช่วยเหลือกัน ยืนยันจะไม่เข้าด้วยช่วยเหลือใครอย่างเด็ดขาด ขอให้ประชาชนสบายใจได้
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้ตรวจสอบหลักฐานการนำเงินที่ได้จากการขายไม้ยางส่งคืนให้กับ อบจ.ตรัง เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2565 เป็นไม้ยางพาราที่ได้จากแปลงที่ 29 บน ( จากเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ ) รวมจำนวน 8 ต้นเท่านั้น เป็นเงินรวม 3,700 บาท ส่วนอีกแปลงเนื้อที่กว่า 3 ไร่นั้น ไม่มีการนำเงินส่ง อบจ.ตรัง ที่สำคัญเมื่อตรวจสอบเอกสารที่ผู้จัดการสวนปาล์มและสวนยางพารารายงานต่อนายก อบจ.ตรัง ว่าต้นยางพาราล้มอันเนื่องมาจากการทำแนวเขต รวมทั้งหนังสือการขออนุมัติดำเนินการจำหน่ายไม้ยางพารา โดยวิธีจำเพาะเจาะจง ที่สำนักปลัด อบจ.ตรัง เสนอต่อนายกอบจ.ตรัง จำนวน 8 ต้น จากแปลงที่ 29 เนื้อที่ 5 ไร่เศษดังกล่าว
พบพิรุธในหนังสือที่ระบุว่า ต้นยางพาราจำนวน 8 ต้นที่ล้ม และจะขออนุมัติขายนั้น กล่าวอ้างหนังสือผู้จัดการสวน ว่าระหว่างวันที่ 9-10 มิถุนายน 2565 อบจ.ตรัง นำรถแบ็คโฮเข้าไปในสวนปาล์มน้ำมันและสวนยางพาราของ อบจ.ตรัง แปลงตำบลวังมะปราง เพื่อปรับสภาพแนวรอยต่อระหว่างสวนปาล์มน้ำมันและสวนยางพาราให้เห็นเป็นแนวเขตที่ชัดเจนระหว่างสวนปาล์มน้ำมันและสวนยางพาราดังกล่าว โดยในขณะที่ได้มีการทำแนวเขตดังกล่าวนั้น ทำให้ต้นยางพาราแปลงที่ 29 จำนวน 8 ต้น ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 40 เซนติเมตร ล้ม จึงประสงค์จะจำหน่ายนำเงินเป็นรายได้ของ อบจ.ตรัง อ้างต้นยางพาราทั้ง 8 ต้น หักโค่นขณะเข้าไปทำแนวเขตที่ชัดเจนระหว่างสวนปาล์มน้ำมันกับสวนยางพารา ทั้งๆที่ความเป็นจริงสวนยางพาราที่ถูกตัดโค่น แปลงที่ 29 บนเนื้อที่ 5 ไร่ดังกล่าว ไม่ได้อยู่บริเวณรอยต่อแนวเขตสวนยางพารากับสวนปาล์มน้ำมัน และไม่ได้อยู่ติดแนวเขตโดยรอบสวนปาล์มน้ำมันและยางพาราของอบจ. ตามที่นายกอบจ.สั่งการให้มีการทำแนวเขตโดยรอบแต่อย่างใด แต่เป็นการตัดโค่นจากแปลงยางพาราที่อยู่พื้นที่ชั้นใน และอยู่ติดถนนใหญ่และถนนภายในแปลง รายงานดังกล่าวจึงน่าจะเป็นรายงานที่ผู้แลสวนรายงานเท็จเข้ามาให้สำนักงานปลัด โดยที่ทาง อบจ.ก็กล่าวอ้างข้อมูลดังกล่าวเสนอต่อนายก อบจ.ตรัง
ทั้งนี้ จากเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ ทางตัวแทนชาวบ้าน ซึ่งไม่มั่นใจในการตรวจสอบของนายก อบจ.ตรัง ว่าจะดำเนินการตรงไปตรงมาจริงหรือไม่ หรือเข้าด้วยช่วยเหลือผู้กระทำความผิดในเรื่องนี้หรือไม่ เพราะมองเป็นคนกันเองกันทั้งหมด จึงได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือต่อ ปปช.จ.ตรัง ให้ดำเนินการตรวจสอบในเรื่องนี้ด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: