ตรัง วัวชนหรือโคชนนัดหยุดโลก รับลมหนาว(ลมงานเหลิม) เดิมพันสูง 4 ล้านบาท คู่เอกชนกันนาน 2 ชม. เจ้าของวัวทั้งสองฝ่ายเจรจายุติการแข่งขัน เพราะวัวทั้งคู่ไม่มีตัวไหนยอมแพ้ ไม่ยอมถอยหนีคู่ต่อสู้ ยังยืนพร้อมสู้ในสนามตลอดเวลา
เมื่อเข้าสู่ช่วงเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ช่วงนี้จังหวัดตรังและภาคใต้มีปริมาณฝนที่ลดลง และมีลมพัดเย็นสบาย ซึ่งชาวตรังเรียกกันติดปากว่าลมงานเหลิม (งานเฉลิม) ซึ่งเป็นช่วงเข้าสู่การจัดงานประจำปีที่สำคัญ คือ งานฉลองรัฐธรรมนูญและเฉลิมพระชนมพรรษา (จัด 5-14 ธันวาคมของทุกปี) เป็นงานประเพณีที่จัดสืบทอดกันมาตั้งแต่ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 และมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญ คนจังหวัดตรังจึงจัดงานเฉลิมฉลองรัฐธรรมนูญขึ้นมาจัดในช่วงเดือนธันวาคม ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นงานฉลองรัฐธรรมนูญและงานกาชาด ซึ่งถือเป็นงานใหญ่ของจังหวัดตรัง และในช่วงจังหวะเดียวกันนี้ในจังหวัดตรัง จึงถือโอกาสจัดกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ ขึ้นในห้วงเวลานี้เช่นกัน เช่น ฟุตบอลประเพณีงานเฉลิมพระชนมพรรษา การแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน โคชน – ไก่ชน นัดพิเศษต่าง ๆ ที่มีบรรดาเซียนวัวชนจากทั่วสารทิศในภาคใต้เดินทางมาร่วมแข่งขัน
โดยที่สนามกีฬาชนโคบ้านนาบินหลา ตำบลนาบินหลา อำเภอเมือง จังหวัดตรัง “ ได้จัดแข่งชนโคนัดพิเศษในช่วงเทศกาลงานเฉลิม ซึ่งจัดในวันที่ 4 , 5 และ 9 พฤศจิกายน 2565 โดยการแข่งขันชนโคทั้ง 3 วัน มีเซียนโคชนจากจังหวัดต่าง ๆ ในภาคใต้มารวมตัวกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งในช่วงนี้มีการชนโคมากกว่าช่วงอื่นของปี โดยการชนโคในรอบเดือนพฤศจิกายน 2565 ของสนามชนโคแห่งนี้ มีโคชนเข้าแข่งขัน จำนวน 30 คู่
และ ไฮไลท์การแข่งขันของเดือนพฤศจิกายนนี้ คือ การแข่งขันโคชนคู่พิเศษเดิมพันสูงสุดถึง 4 ล้านบาท เป็นการพบกัน ระหว่าง เจ้าดุกด้างออกญาปราบศึก หรือโรโบค็อป ของค่ายโคโรโบค็อป จังหวัดตรัง (เคยชนชนะการชนโคจากสุโขทัยรับเงินเดิมพัน 38 ล้านบาทมาแล้ว) พบกับ เจ้านิลมหากาฬ จากค่ายโคนายเที่ยง จตุมาศก่อสร้าง จังหวัดนครศรีธรรมราช (โคดาวรุ่งลีลาการชนดีเยี่ยม ) โดยการแข่งขันคู่นี้เมื่อนำวัวลงสนามแฟนวัวชน่างส่งเสียงเชียร์กันอย่างดัง ใช้เวลาแข่งนาน 2 ชั่วโมง โคทั้งคู่ต่างชนกันเพื่อหวังเป็นตัวชนะ ท่ามกลางเสียงโห่และเสียงเชียร์ลั่นสนาม และ ได้บาดแผลกันทั้งคู่ เจ้าดุกด้างออกญาปราบศึก ชนจนปลายเขาหัก เลือดอาบ แต่ไม่ยอมแพ้หรือวิ่งหนีแต่อย่างใด ส่วนเจ้านิลมหากาฬ ถูกคมเขาของคู่ต่อสู้เฉือนบริเวณโคนใบหูเป็นแผลฉกรรจ์ แต่เจ้าโคชนทั้งคู่มีพละกำลังเหลือหลาย ไม่มีใครยอมใคร โคทั้ง 2 ตัว ไม่ได้มีการวิ่งหนี ซึ่งตามกติกาหากตัวใดตัวหนึ่งวิ่งหนีก็ถือว่าแพ้ และ ในที่สุดเจ้าของโคชนทั้งสองฝ่ายเจรจายุติการแข่งขันลง เพราะโคชนทั้ง 2 ตัวไม่มีใครวิ่งหนียืนอยู่ในสนาม เป็นผลให้ทั้งคู่เสมอกัน ใช้เวลาชนนาน 2 ชั่วโมง
อย่างไรก็ตามนอกจากคู่เอกของการแข่งขันในแต่ละวัน ยังมีคู่ประกอบอีกหลายคู่ จึงทำให้บรรยากาศในสนามแข่งขันคึกคักตั้งแต่เช้ายันเย็น มีบรรดาเซียนโคชนหลั่งไหลเข้ามาชมการแข่งขันกันเป็นจำนวนมาก ทำให้การค้าขายรอบสนามชนโคคึกคัก โดยชาวบ้านได้นำเข้าของสินค้าต่าง ๆ ทั้งอาหาร อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับวัวชน หญ้าสำหรับเป็นอาหารโค มาจำหน่าย ธุรกิจบ้านพักโคชนหรือโรงแรมโคชนก็ถูกจองเต็มทุกหลัง รวมไปถึงชาวบ้านที่มีที่ดินใกล้กับสนามชนโค ก็ได้มีรายได้จากการรับฝากรถ
