X

(สัมภาษณ์พิเศษ) ขายความคิด พิชิตด้วยนโยบาย “พูดแล้วทำ” “ภูมิใจไทย” เขต 4 ตรัง “ดิษฐ์ธนิน ภาคย์อิชณน์” ขอคนตรัง “เปลี่ยน” .ลง

ขายความคิด พิชิตด้วยนโยบาย “พูดแล้วทำ” “ภูมิใจไทย” เขต 4 ตรัง “ดิษฐ์ธนิน ภาคย์อิชณน์” ขอคนตรัง “เปลี่ยน”

.

“การเลือกตั้งครั้งที่แล้วเป็นคำตอบแล้ว ในหลายจังหวัดและ เขต1 ตรัง ก็ได้นายนิพันธ์ ศิริธร จากพลังประชารัฐ ซึ่งก็สะท้อนออกมาด้วย ตอนนี้ผมลงพื้นที่หาเสียงได้บอกกับชาวบ้านว่า ในหลายจังหวัดมีจำนวน ส.ส.หลายคนจากหลายพรรคการเมือง ส.ส.จะแย่งกันทำพื้นที่ แย่งกันพัฒนา เพื่อต้องการขยายฐานให้ใหญ่ขึ้น การจะใหญ่ได้ต้องได้ใจประชาชน นี่เป็นโอกาสและเป็นข้อดีของการแข่งขัน คำว่า เปลี่ยน ผมใช้เป็นหัวใจสำคัญของการหาเสียง เขต1 มีการเปลี่ยนไปแล้ว ก็อยากให้ประชาชนเขต 4 เปิดโอกาสให้พรรคอื่นเข้ามา เกิดการแข่งขันสูงขึ้น พรรคไหนก็ได้ แต่ต้อง เปลี่ยน” 

“เอก-ดิษฐ์ธนิน ภาคย์อิชณน์” ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ตรัง เขต 4 พรรคภูมิใจไทย

.

สถานการณ์ทางการเมืองในพื้นที่จังหวัดอันดามันกำลังร้อนแรงน่าจับตายิ่ง ในสมรภูมิการต่อสู่กันระหว่าง 2 พรรคร่วมรัฐบาล ระหว่าง “พรรคประชาธิปัตย์” เจ้าของพื้นที่เดิมภาคใต้ กับ “พรรคภูมิใจไทย” ที่เข้ามาทำพื้นที่อย่างหนักหน่วง และสามารถทยอยเก็บแต้ม เติมเก้าอี้ส.ส.ในกลุ่มจังหวัดอันดามันในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาได้หลายที่นั่ง

.

โดยเฉพาะครั้งนี้ การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่นาน เซียนการเมืองวิเคราะห์ตรงกันว่า เที่ยวนี้ “ภูมิใจไทย” อาจสามารถกวาดส.ส.ในโซนอันดามันได้เกือบทั้งหมดก็เป็นได้ จากกระแส กระสุน และต้นทุนของ “พรรคประชาธิปัตย์” ที่คนใต้รับรู้กันดีว่า เริ่มลดน้อยถอยลง ขณะที่พรรคแกนนำอย่าง “พรรคพลังประชารัฐ” ในทางลับก็ไฟเขียว ปล่อยพื้นที่นี้ให้ “ภูมิใจไทย” ขับเคลื่อนดำเนินการ

.

มาที่จ.ตรัง เป็นเมืองหลวงการเมืองของประชาธิปัตย์มายาวนาน โดยครั้งที่ผ่านมาโดน “พรรคพลังประชารัฐ” แบ่งไปได้ 1 เก้าอี้ในเขต 1 คงได้ส.ส.ใน 2 เขตเลือกตั้งที่เหลือ และในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะกลับมาเป็น 4 เขต เลือกส.ส.ได้ 4 คนตามเดิม

.

และวันนี้ สงครามคนกันเองเพิ่งสงบลงไปหมาด โดยการทำโพลสำรวจความคิดเห็น เพื่อเฟ้นการตัวผู้สมัครในนามประชาธิปัตย์ แชมป์เก่าหลายสมัยอย่าง “สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล” อดีตส.ส.ตรังเขต 4 อ.กันตัง อ.ย่านตาขาวบางส่วน และอ.สิเกาบางส่วน และเลขานุการ “ชวน หลีกภัย” ประธานสภาผู้แทนราษฎร พ่ายผลโพลให้กับ “กาญจน์ ตั้งปอง” สท.เมืองกันตัง ที่ได้รับการผลักดันจาก “บ้านโล่สถาพรพิพิธ” โดยสองพ่อลูก “สมชาย โล่สถาพรพิพิธ” อดีตส.ส.ตรังเขต 3 และ “สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ” ส.ส.ตรังเขต 3 พรรคประชาธิปัตย์ คนปัจจุบัน และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์

.

หากไม่มีอะไรผิดพลาด แม้ “สมบูรณ์” ยังติดใจการทำโพลโดย “เดชอิศม์ ขาวทอง” รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คุมภาคใต้ ก็แน่นอนว่า “กาญจน์” จะต้องเป็นตัวแทนพรรครักษาพื้นที่ แต่ทว่า เขต 4 ตรัง ก็เป็นสนามขับเคี่ยวที่ดุเดือดถึงขั้น “สมชาย” เคยออกมาบอกว่าให้ระวังจะเป็น “หลุมดำ” ของประชาธิปัตย์

.

และผู้สมัคร “พรรคภูมิใจไทย” ซึ่งแท้จริงเป็นหลายของตระกูล “บ้านโล่สถาพรพิพิธ” เอง ก็มาแรงในเขตนี้ “เอก-ดิษฐ์ธนิน ภาคย์อิชณน์(นามสกุลเดิม โล่สถาพรพิพิธ)” ผู้เป็นลูกชายของพี่สาวแท้ๆของ “สมชาย” การเลือกตั้งที่ผ่านมา “ดิษฐ์ธนิน” ลงสมัครในนาม “พรรคพลังประชารัฐ” ในเขต 3 ชนกับ “สุณัฐชา” ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง และในคะแนนมาในระดับที่ไม่ขี้เหร่เลยทีเดียว แต่รอบนี้เขาเลือกใส่เสื้อสีน้ำเงินของ “ภูมิใจไทย” และย้ายเขต และเตรียมตัวเตรียมใจ ลงพื้นที่ทำพื้นที่มาล่วงหน้าหลายปีแล้ว

 

จึงไม่ง่ายนักสำหรับ “กาญจน์” ซึ่งยังเป็นคนหนุ่มใหม่ถอดด้ามในทางการเมือง ซ้ำยังต้องแบกรับภาระในสมรภูมิการแข่งขันสูง ท่ามกลางกระแสพรรคประชาธิปัตย์ ที่ต้องยอมรับว่าลดน้อยถอยลง

 

ช่วงบ่ายแก่ๆที่ร้านกาแฟ ว่างเว้นจากการลงพื้นที่ “ดิษฐ์ธนิน” ทยอยปอกเปลือกที่มาที่ไปของการตัดสินใจลงสนามเขต 4 ตรัง ในครั้งนี้ ไม่ใช่ฐานะหลานของบ้านใหญ่อำเภอย่านตาขาวของตระกูลโล่ฯ แต่ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร “พรรคภูมิใจไทย” เจ้าของสโลว์แกน “พูดแล้วทำ”

 

@พื้นที่จ.ตรัง พรรคภูมิใจไทย ตอนนี้มีผู้สมัครครบทั้ง 4 เขตหรือยัง

ดิษฐ์ธนิน : ตอนนี้ว่าที่ผู้สมัครที่ชัดเจน มี 1 เขต คือเขต 4 เนื่องจากต้องไปประชุมพรรคที่กรุงเทพเดือนละครั้ง เพื่อไปรับนโยบายจากทางพรรค ที่ตรังมีเพียงตนเขตเดียว ส่วนเขต 1 , 2 , 3 ตอนนี้มีการไปพูดคุยทาบทามกัน และมีผู้เสนอตัวทำงานกับพรรคภูมิใจจำนวนมากขึ้น เนื่องจากกระแสภูมิใจไทยทั้งประเทศมีกระแสบวก เนื่องจากพรรคมีนโยบายที่ดี เช่น นโยบายปลดล็อกกัญชา ที่สามารถทำได้จริง ทั้งมีการคาดหวังว่านายอนุทิน ชาญวีระกุล หัวหน้าพรรค ในการเลือกตั้งครั้งต่อไปมีโอกาสจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งดูจากจังหวัดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นจ.กาญจนบุรี กำนันบอย จ.พัทลุงได้อดีต ส.ส.มา ส่วนจ.สงขลา เขต3 ได้นายไพร พัฒโน อดีตนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ มาเป็นผู้สมัคร จ.ภูเก็ต เขต 3 มีนายเฉลิมรัฐ เก็บทรัพย์

.

ผมยังเชื่อมั่นว่าต่อไปกระแสข่าวลักษณะว่ามีคนจะย้ายเข้ามาภูมิใจไทย จะมีมากขึ้น จะทำให้คนอื่นๆที่มีความตั้งใจจะทำงานการเมือง เริ่มเข้ามาพิจารณาพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าจะเป็นอดีต ส.ส. หรือ คนที่มีความพร้อม เขาคิดว่าภูมิใจไทยน่าจะมีอนาคตในการเลือกตั้งครั้งต่อไป

.

@นโยบายไหนของภูมิใจไทย ที่สามารถจูงใจ และดึงคะแนนเสียงคนภาคใต้ได้

ดิษฐ์ธนิน : เนื่องจากพรรคภูมิใจไทยประสบความสำเร็จเรื่องการปลดล็อกกัญชา พรรคภูมิใจไทยจะพูดเรื่องนโยบายการเลือกตั้งครั้งต่อไป ประชาชนให้ความเชื่อถือมากขึ้น เราพูดแล้วเราทำจริง นโยบายต่อไปของพรรคจะมี 1. นโยบายภาษีบ้านเกิดเมืองนอน มีต้นแบบมาจากประเทศญี่ปุ่น โดยกำหนดให้ 30% ของภาษีที่เราจ่ายไปลงใน อปท.ไหน ซึ่งสามารถสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนได้ เช่น ภาคใต้มีทะเลขนาบทั้งสองฝั่ง มีรายได้จากการท่องเที่ยวปีละมหาศาล แต่ภาษีท่องเที่ยวทั้งหมดถูกเก็บเข้าสู่ส่วนกลาง กระทรวง ทบวง กรม ทำหน้าที่ทำงบฯแจกจ่ายทั่วประเทศ แต่ภาคใต้เสียเปรียบ เพราะพื้นที่เล็ก จำนวน ส.ส.มีน้อย ภาคอื่นๆ พื้นที่ใหญ่ จำนวน ส.ส.มาก โอกาสของการของบประมาณไปจ่ายในพื้นที่ของเขา

.

ภาคใต้เสียโอกาสมานาน เราเป็นเมืองท่องเที่ยวและสามารถจัดเก็บภาษีได้เยอะ แต่เงินกลับไปอยู่ในส่วนกลางและภาคอื่น หากนโยบายนี้ทำได้สำเร็จ พรรคภูมิใจไทยเราบอกได้เลยพูดแล้วทำ ความเชื่อมั่นของประชาชนต้องมาแน่ๆ กัญชาที่ว่ายากยังทำแล้ว จึงอยากให้เชื่อมั่นว่านโยบายภาษีบ้านเกิดเมืองนอนจะเกิดขึ้นแน่นอน และพรรคฯกำลังเดินไปสู่การเป็นพรรคที่ขายนโยบาย เช่นการเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคสีส้ม หาเสียงแบบไม่มีรูปผู้สมัคร มีเพียงหมายเลข และนโยบาย เขาได้คะแนนเสียง 30,000 กว่าคะแนน แสดงว่าประชาชนอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง เขาอยากได้นโยบาย และพรรคภูมิใจจะเป็นพรรคที่ไปถึงจุดนั้น

2. นโยบายพักหนี้ ปลอดดอก 3 ปี ยอดหนี้รวมไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อคน แต่ต้องเป็นหนี้ในระบบ ซึ่งเหตุผลที่กำหนดไว้ 3 ปี เพราะผู้ใหญ่ในพรรคมองว่าประเทศไทยประสบปัญหาโควิด 3 ปี เศรษฐกิจหยุดชะงัก และอีก 2 นโยบายตนจะขึ้นไปรับในเดือนกันยายน นี้

.

ก่อนหน้านี้ผมได้ผลักดันนโยบายนำพื้นที่แนวชายหาด 119 กิโลเมตรของจ.ตรัง เป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ตอนยื่นเรื่องไปยังหน่วยงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ตอนนี้ได้มีการทำหนังสือมายังจังหวัดตรังเพื่อประเมิน และหากผ่านความเห็นแล้ว จะมีงบมาวิจัย หากผ่านเกณฑ์ทั้งหมดใน 119 กิโลเมตร ชายฝั่งทะเลตรังจะได้รับการประกาศเป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน นี่ก็เป็นนโยบายส่วนตัวของผมเช่นกัน

.

ส่วนนโยบายยางพารา และ ปาล์ม เมื่อครั้งที่ผมสมัครในนามพรรคพลังประชารัฐ พรรคได้บอกให้นำนโยบายเกี่ยวราคายางมาหาเสียง แต่หลังการเลือกตั้งไม่สามารถทำได้ตามที่หาเสียงไว้ ผมคงจะไม่มีหน้าไปตอบกับชาวบ้าน จึงเป็นที่มาของเหตุผลที่ผมต้องย้ายมาอยู่ภูมิใจไทยในครั้งนี้ ทั้งที่พลังประชารัฐยังมีโอกาสในการเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหน้าซึ่งมีอยู่หลายปัจจัย เรื่องนโยบายผมคิดว่าถ้าเราไม่สามารถอยู่กับเขาได้ เขาไม่เห็นคุณค่า เขาไม่ให้เรามีบทบาทขับเคลื่อน เราก็ไม่มีโอกาสที่จะไปเดินการเมืองเพื่อจะเป็นที่รู้จักในเขต

.

เรื่องเขตเนื่องจากว่ามีการเพิ่มทีหลัง เขต 4 ประกอบด้วยอ.ย่านตาขาว 4 ตำบล , อ.กันตัง และ อ.สิเกา การลงสมัครครั้งที่แล้วในนามพรรค พปชร. เขต 3 จะมีด้วยกัน 4 อำเภอ คราวนั้นผมลงพื้นที่หนักๆ คือ อ.หาดสำราญ กับ อ.กันตัง ส่วน อ.ปะเหลียนเป็นบ้านเกิดของแม่ผม ผมคิดว่าตอนนั้นมีเวลาแค่ 4 เดือน หากบริหารจัดการไม่ดีจะเดินไม่ทัน ซึ่ง 4 อำเภอนั้นมีประชากร จำนวน 2.5 แสนคน จึงแบ่งเดิน ย่านตาขาวเป็นบ้านเกิดของผม จึงไม่ได้ลงพื้นที่มาก มารุกที่อ.หาดสำราญ กับ อ.กันตัง ตอนนั้นเป็นการเดินปฎิรูป หรือ ปฏิวัติ การเลือกตั้งผู้แทน ก่อนหน้านี้หากพูดถึงการเลือกตั้งจะมีการขึ้นป้ายหาเสียง โบกมือ ของผู้สมัคร

.

“ตอนนั้นผมแข่งกับพรรคปชป. คู่แข่งผมเป็นคนในตระกูล เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน และผมก็รู้ว่าคนในตระกูลโล่ฯของผม เขาทำการเมืองกันแข็งเกร่ง ผมต้องขยัน เอาความตั้งใจมาแลก จึงเป็นที่มาของการเดิน เดิน เดิน จนกระแสขึ้นมา จนเป็นที่รู้ในกันตัง และ หาดสำราญ โดยมีกันตังเป็นตัวหลัก มีประชากร 80,000 คน 4 ตำบลของย่านตาขาว ประชากร 28,000 คน สิเกาทั้งอำเภอ ประชากร 28,000 คน ฉะนั้นกันตังผมเป็นที่รู้จักแล้ว พอมาถึงการเลือกตั้งครั้งนี้ จึงทำให้เดินได้ง่ายขึ้น และผมเดินโดยใช้แนวทางเดิมมาเป็นปีๆแล้ว คนกันตังลึกๆ เขาอยากจะเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว และ หากผมตั้งใจจริง ไปพบปะเขา เขาจะพิจารณาเปลี่ยนได้ง่ายขึ้น”

@ในเรื่องความสัมพันธ์ครอบครัว เครือญาติ และประเด็นการแข่งขันทางการเมืองระหว่างพรรค จะแยกความสัมพันธ์ตรงนี้กันอย่างไร

ดิษฐ์ธนิน : ผมมองว่าแต่ละคนก็ต้องทำบทบาทและหน้าที่ของพรรค ทางน้าชายของผม(สมชาย โล่สถาพรพิพิธ) ผมก็เข้าใจท่าน เพราะทาง ส.ส.สุณัฐชา เขาก็เป็นผู้แทนและเป็นกรรมการบริหารพรรคด้วย บทบาทของพรรคเขาก็ต้องขับเคลื่อนให้ชัดเจน ถ้าผมตอบในฐานะที่ลงสมัครพรรคภูมิใจไทย ผมก็ต้องขับเคลื่อนให้ดีที่สุด แพ้หรือชนะเป็นอีกเรื่อง ผมคิดว่าหากผมทำดีที่สุด เชื่อว่าทางพรรคจะให้ความสำคัญกับผมในหลายๆบทบาทในครั้งต่อไป

.

@ในการเลือกตั้งนอกจากตัวผู้สมัคร นโยบายพรรค สรรพกำลังอื่น ที่สำคัฐคือการสนับสนุนจากผู้ใหญ่ของพรรคด้วย

ดิษฐ์ธนิน : ตอนนี้นอกจากที่ผมต้องไปประชุมกับพรรคเดือนละครั้ง ยังต้องมีการประชุมกลุ่มหรือการประชุมย่อยซึ่งจัดที่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งทางพรรคให้ความสำคัญ ในการประชุมย่อยเขาก็คาดหวัง ซึ่งจะพูดถึงรายละเอียดหลายๆ เรื่อง เช่น การวางแผน การเดิน การประสานกับรัฐมนตรีหากมีกิจกรรมที่เห็นว่าจะก่อให้เกิดการพัฒนา หรือสร้างกระแสการท่องเที่ยวในพื้นที่ได้ก็ให้ทำเรื่องส่งไปเพื่อพิจารณา ต้องยอมรับความจริงว่ารัฐมนตรีใดๆ ก็จะไปลงพื้นที่ เพื่อสร้างความนิยมให้พรรค นี่เป็นโอกาส

.

@เขต 4 ตรัง ภายใต้ความรับผิดชอบของ ดร.นาที รัชกิจปราการ และ นายพิพัฒน์ รัชกิจปราการ ท่านให้ความสำคัญมากแค่ไหน

ดิษฐ์ธนิน : ชัดเจนครับ(เสียงหนักแน่น) ตอนนี้ผมยังได้ร่วมประชุมกลุ่มเล็กซึ่งเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การเลือกตั้งแล้ว อยากให้มองย้อนหลังกับไป 4-5 เดือนก่อน รัฐมนตรีของภูมิใจไทย เช่น นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ , นางกนกวรรณ วิลาวรรณ จะลงมาจังหวัดตรังบ่อยมาก เกือบจะทุกเดือนด้วยซ้ำ ตรงนี้พรรคภูมิใจไทยเห็นว่า จ.ตรัง ก็เป็นเป้าหมายของพรรค

.

@ความยาก ง่าย ของเขต 4 ตรัง เป็นอย่างไร

ดิษฐ์ธนิน : ไม่ยากครับ ความท้าทายคือตอนนี้เนื่องจากว่าเขต 4 มีอำเภอสิเกา ซึ่งถือว่าใหม่สำหรับผม ฉะนั้นอยู่ที่ว่าผมจะมีเวลาลงพื้นที่สิเกามากน้อยแค่ไหน หากผมนำแนวทางของกันตังไปใช้กับสิเกา ก็เชื่อว่าต้องได้ใจคนสิเกา

.

@เดิมทีที่ภาคใต้เป็นพื้นที่ของพรรคปชป. จ.ตรังเป็นเมืองหลวงของปชป. มีอดีตนายกฯ 2 สมัย และเป็นประธานรัฐสภาคนปัจจุบัน รู้สึกเป็นอุปสรรคไหม

ดิษฐ์ธนิน : การเลือกตั้งครั้งที่แล้วเป็นคำตอบแล้ว ในหลายจังหวัดและ เขต1 ตรัง ก็ได้นายนิพันธ์ ศิริธร จากพลังประชารัฐ ซึ่งก็สะท้อนออกมาด้วย ตอนนี้ผมลงพื้นที่หาเสียงก็ได้บอกกับชาวบ้านว่า ในหลายจังหวัดมีจำนวน ส.ส.หลายคน จากหลายพรรคการเมือง ซึ่งส.ส.จะแย่งกันทำพื้นที่ แย่งกันพัฒนา เพื่อต้องการขยายฐานให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งการจะใหญ่ได้ต้องได้ใจประชาชน นี่เป็นโอกาสและเป็นข้อดีของการแข่งขัน คำว่า “เปลี่ยน” ผมใช้เป็นหัวใจสำคัญของการหาเสียง โดยเขต1 มีการเปลี่ยนไปแล้ว จึงอยากให้ประชาชนเขต 4 เปิดโอกาสให้พรรคอื่นที่เข้ามา เกิดการแข่งขันสูงขึ้น พรรคไหนก็ได้แต่ต้อง “เปลี่ยน”

.

@ภูมิใจไทยเห็นความสำคัญเรื่องการพัฒนาการท่องเที่ยว แต่จ.ตรัง มีการพูดถึงว่าถูกสาปเรื่องความเจริญไว้นาน ซึ่งต่างจากจังหวัดอื่นในฝั่งอันดามันที่เขามีความเจริญในมิติของภาคท่องเที่ยว คุณดิษฐ์ธนินจะทำอย่างไร

ดิษฐ์ธนิน : ด้วยบทหน้าที่ของผู้แทน ต้องไปว่ากันด้วยเรื่องของกฎหมาย ซึ่งผู้แทนสามารถสะท้อนความต้องการไปยังรัฐมนตรีได้ ยกตัวอย่างระหว่างพัทลุง กับ ตรัง ตรังมีทรัพยากรธรรมชาติทั้งทะเล เขา น้ำตก คำขวัญจ.ตรัง ประกอบด้วยแหล่งท่องเที่ยว แต่เราไม่มีโอกาสประชาสัมพันธ์หรือผลักดันออกมาขาย ให้เป็นเรื่องระดับประเทศ หรือ ระดับโลก เรายังเป็นเมืองรอง

.

ผมตั้งใจว่าหากได้เป็นผู้แทน ภายใน10ปี จะดันตรังให้เป็นท่องเที่ยวเมืองหลัก หากเราได้เรื่องภาษีบ้านเกิดเมืองนอนมาด้วย ผมคิดว่าเมืองรองจะเติบโตเป็นเมืองหลักได้ และตอนนี้เรื่องการท่องเที่ยวได้ผลักดันกิจกรรมที่เกี่ยวกับภูเขา น้ำตก เช่น ปั่นจักรยาน รวมทั้งการขยายถนนจากเส้นที่ผ่านน้ำตกสายรุ้ง – น้ำตกโตนเตะ (หรือ ถนนเส้นบ้านละมอ-ปะเหลียนใน) ตอนนี้ได้งบประมาณมาแล้ว ที่ได้เพราะภูมิใจไทยดูแลทั้งคมนาคม และ ท่องเที่ยว ฉะนั้นการบูรณาการจะง่าย

.

ท่านพิพัฒน์ รัชกิจประการ ท่านก็ได้เห็นจ.ตรังแล้วว่า เพราะท่านมาบ่อย และตอนนี้ผมเริ่มประชาสัมพันธ์นโยบายพรรค 2 เรื่องที่กล่าวมาข้างต้น และผมเห็นปัญหาของชาวบ้าน ต.นาเกลือ อ.กันตัง จ.ตรัง เขามีปัญหาเรื่องอาชีพประมง เครื่องมือประมงผิดกฎหมาย ซึ่งชาวบ้านต.นาเกลือ เขาใช้ชีวิตกับทะเล กับอาชีพประมง จึงอยากให้มีการใช้กฎหมายหรือนโยบายที่เขาจะได้ทำมาหากิน แบบประมงยั่งยืน

.

@ในการแข่งขันทางการเมือง มีการพูดคุยกันว่าคุณดิษฐ์ธนิน มาลงสมัครในเขต 4 ทั้งที่ไม่ใช่คนกันตัง

ดิษฐ์ธนิน : จริงๆแล้วการพูดว่าไม่ใช่คนพื้นที่ มันควรจะเป็นอะไรที่เขตใหญ่มาก ไปมาไม่ถึงกัน ควรจะเป็นคำพูดเมื่อ 30 ปีที่แล้ว แต่ปัจจุบันการสัญจรสะดวก เช่น การสัญจรจากย่านตาขาวมากันตัง ผ่านถนนทุ่งค่าย – ป่าเตียว ระยะทางแค่ 12 กม. ในขณะเดียวกันผมเดินทางจากย่านตาขาวไปอ.สิเกา ใช้เวลาเดินทางแค่ 25 นาที ตอนนี้สายทุ่งค่ายป่าเตียวระยะทาง 12 กม. กว้าง 9 ม. ผมได้นำเรื่องนี้บอกกับผู้ใหญ่ในพรรค ขอให้ขยายเป็น 12 ม. และตอนนี้งบประมาณปี 2566 ผ่านสภาแล้ว ได้งบมา 30 ล้านบาทเพื่อขยายถนน นี่ผมยังเป็นแค่ว่าที่ผู้สมัคร ยังไม่ใช่ผู้แทนเลย แต่สิ่งที่ผมบอกไปยังพรรคฯ เขาก็เห็นถึงความสำคัญ เห็นโอกาส และคุณอยู่กับคนกันตังมากี่สิบปี? แล้วผลเป็นอย่างไร?

@ระหว่างคู่แข่งที่ชื่อ กาญจน์ ตั้งปอง กับ สมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล ประเมินคู่แข่งขันสองคนนี้ไว้อย่างไร

ดิษฐ์ธนิน : (หยุดคิด)ผมเจอใครก็ได้ แต่ผมมองการระหว่างสองคนนี้ มันมีการขึ้นป้ายคู่ สท.กาญจน์ขึ้นป้ายคู่ ส.ส.สุณัฐชา คุณสมบูรณ์ ขึ้นป้ายคู่ท่านชวน ผมมองประเด็นเดียวว่า 2 คนนี้ ใครที่เอาป้ายลงแล้วเกิดความเสียหายกับพรรคปชป.มากที่สุด ผมมองว่านี่เป็นองค์ประกอบที่ทางพรรคปชป.ต้องคิดด้วย ในส่วนของผมเจอกับใครก็ได้ เมื่อผมคิดมุมมองนี้ ทำให้ผมคาดเดาได้ว่าจะต้องเจอกับใคร ซึ่งผมเก็งคู่ต่อสู้ไว้แล้ว ส่วนเรื่องความขัดแย้งในพรรคปชป.ก็มีเข้าหูทุกวัน ผมได้นำจุดนี้ว่าวิเคราะห์คู่ต่อสู้ ซึ่งปชป.เขาก็มีแนวทางเดินของเขาอยู่ ส่วนผมก็ต้องเดินในแนวทางของภูมิใจไทย ทางพรรคก็ให้การซัพพอร์ตผม ขอให้ขยัน ตั้งใจ จริงใจกับชาวบ้าน ให้ได้ใจชาวบ้านมา

.

@ความขุ่นเคืองทางการเมืองในอดีตภายในครอบครัวของคุณดิษฐ์ธนิน กับ ตระกูลโล่สถาพรพิพิธ สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไร

ดิษฐ์ธนิน : ผมก็พยายามเข้าใจน้าชาย(นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ) ซึ่งเขาก็ต้องทำบทบาทในฐานะพ่อเพื่อลูกสาวของเขาด้วย ซึ่งผมไม่ได้มีประเด็นอะไร และผมก็ได้คุยกับน้าสมชายอยู่บ้าง ส่วนความสัมพันธ์กับญาติคนอื่นๆ เช่น กับนายบุ่นเล้ง โล่สถาพรพิพิธ (นายกอบจ.ตรัง) , นายสมศักดิ์ โล่สถาพรพิพิธ (อดีตสว.) ก็ดีกันครับ

.

ผมคิดว่าความเคลื่อนไหวของผมมันเป็นประโยชน์กับทางญาติๆผมหลายๆคน ซึ่งผมเดินหาเสียงผมก็บอกกับชาวบ้านว่าผมเป็นหลานของนายกอบจ.ตรัง ซึ่งเราขายมุมมองอีกมุมว่า หากตอนนี้เรามีนายบุ่นเล้ง เป็นนายกอบจ.แล้ว หากหลานของนายกอบจ.ได้เป็นส.ส.ด้วย การทำงานในระดับจังหวัดและระดับประเทศจะไปในทิศทางเดียวกัน

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน