X

ชาวสวนปาล์มตรังน้ำตาตก ราคาดิ่งเหลือกก.ละ 5 บาท

ตรัง -ชาวสวนปาล์มน้ำตาตกราคาดิ่งลงเหลือประมาณกก.ละ 5 บาท  ถูกโรงงานกดดันปฏิเสธการรับซื้อ โดยการอ้างเครื่องจักรเสีย เดินเครื่องไม่ได้  ซ่อมแซมเครื่องจักร หรือปล่อยให้รอคิวเป็นเวลานาน  ทำเดือดร้อนหนักทั้งชาวสวนและเจ้าของลานเทรับซื้อปาล์ม  บางวันต้องขนส่งไปขายโรงงานถึง จ.กระบี่

นายวารินทร์  สุวรรณรัตน์ อายุ 68 ปี เกษตรการชาวสวนปาล์มน้ำมัน  ต.ท่าสะบ้า อ.วังวิเศษ จ.ตรัง กล่าวว่า ขณะนี้เดือดร้อนหนักจากปัญหาราคาปาล์มตกต่ำ  โดยขณะนี้เหลือกก.ละ 4.90 – 5.20 ซึ่งไม่คุ้มทุนอย่างมาก ขณะที่ปุ๋ยราคายังสูง ยังไม่ได้ลดต่ำลงมา จากเดิมราคากระสอบละ 700 -800 บาท แต่ขณะนี้ราคากระสอบละเกือบ 2,000 บาท  ตนเองขายปาล์มน้ำมันได้ประมาณ 3,000 บาท แต่ไปซื้อปุ๋ยราคากว่า 10,000 บาท ซึ่งเกษตรกรจำเป็นจะต้องใส่บำรุงต้น บำรุงลูกทุกๆ 4 เดือน หากไม่ใส่ผลผลิตก็ไม่ออก พร้อมเรียกร้องไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์  ซึ่งมีหน้าที่ดูแลเกษตรกรโดยตรง แต่ปล่อยให้ปุ๋ยราคาแพงโดยไม่มีทีท่าจะหยุดและลง  สวนทางกับราคาปาล์มน้ำมันที่คงลดลงต่อเนื่อง ทำให้เจ้าของสวนบางรายไม่ได้ใส่ปุ๋ย ซึ่งปาล์มน้ำมันหากไม่ได้ใส่ปุ๋ยจะไม่มีผลผลิต  ทำให้เกษตรกรเดือดร้อนอย่างหนัก

ทางด้านนางอภิญญา วงศ์วิวัฒน์  เจ้าของลานเทวงศ์วิวัฒน์ ต.ท่าสะบ้า อ.วังวิเศษ จ.ตรัง  กล่าวว่า ขณะนี้ราคาปาล์มน้ำมันลดต่ำลงอย่างมากตลอดระยะเวลาประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา จนขณะนี้เหลือกก.ละประมาณ 4 บาทกว่า ถึง 5 บาทเศษแล้วเท่านั้น ( 4.90 – 5.20 บาท)   ซึ่งปริมาณผลผลิตปาล์น้ำมันก็ไม่มาก อยู่ในระดับกลางๆ แต่ราคากลับตก เดือดร้อนทั้งเกษตรกรและเจ้าของลานเท โดยเกษตรกรต้องซื้อปุ๋ยในราคาที่แพงมากกระสอบละยังเกือบ 2,000 บาท สวนทางกับราคาปาล์ม ซึ่งราคาปาล์มน้ำมันที่กก.ละ 5 บาทขณะนี้ซึ่งปุ๋ยราคาแพง  เทียบเท่ากับปาล์มน้ำมันกก.ละ 2 บาทเศษ ในยุคที่ปุ๋ยราคาปกติ  โดยราคาปาล์มกก.ละ 5 บาทขณะนี้ถือว่าเกษตรกรขาดทุน เพราะปัจจัยการผลิตต้นทุนสูงมาก  ซึ่งถ้าจะให้เกษตรกรอยู่ได้ราคาปาล์มน้ำมันจะต้องกก.ละ 6 บาทกว่าถึง 7 บาท  จึงจะอยู่ได้  เพราะปาล์มต้องใส่ปุ๋ย ถ้าไม่ใส่ปุ๋ยก็ไม่มีลูก  ถ้ารัฐบาลช่วยลดต้นทุนราคาปุ๋ยลงมาที่กระสอบละ 1,000 บาท  เกษตรกรก็อยู่ได้  ส่วนสาเหตุไม่ทราบแน่ชัด เท่าที่ทราบจากโรงงานบอกว่า อินโดนีเซียและมาเลเซีย ปาล์มน้ำมันออกมาก  ทำให้ราคาน้ำมัน CPO ของโลกลดลง เพราะราคาปาล์มน้ำมันในประเทศไทยขึ้นอยู่กับราคาน้ำมัน CPO ในตลาดโลก  ซึ่งจริงๆ เป็นช่วงประเทศไทยปาล์มน้ำมันออกน้อย แต่ก็ส่งผลมาถึงประเทศไทยด้วย  ทำให้ราคาปาล์มลดลง  โรงงานเองแม้จะไม่ได้ปฏิเสธการรับซื้อโดยตรง เพราะผิดกฎหมาย แต่สารพัดจะมีข้ออ้างที่จะปฏิเสธการซื้อ   เช่น ปิดโรงงานบ้าง สลับกันหยุดบ้าง กล่าวอ้างว่า เครื่องจักรเสียบ้าง รถตักเสียบ้าง หยุดเดินเครื่องบ้าง ซ่อมแซมเครื่องจักรบ้าง  หรือเมื่อนำไปขายปล่อยให้จอดรอเป็นเวลานาน ทำให้รถบรรทุกปาล์มต้องจอดตากแดด ทำสูญเสียน้ำหนัก บางโรงซื้อแต่เฉพาะลูกค้าประจำของตัวเอง บางวันตนเองต้องบรรทุกส่งไปขายที่โรงงาน จ.กระบี่ ยิ่งทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้นอีก ทำให้เดือดร้อนอย่างมากทั้งชาวสวน และลานเท  โดยลานเทจะไม่รับซื้อก็ไม่ได้ ถ้าผลปาล์มสุกเกษตรกรตัดมาขายก็ต้องรับซื้อ ซึ่งปาล์มน้ำมันหากผลสุกก็ต้องตัด เพราะหากไม่ตัดก็ร่วงหล่นคาต้น ไม่เหมือนกับยางพาราไม่ตัดน้ำยางก็ยังคงอยู่  จึงเรียกร้องรัฐให้เร่งแก้ปัญหาในเรื่องราคา หรือหากช่วยเรื่องราคาไม่ได้ ให้ช่วยปรับลดราคาปุ๋ยและปัจจัยการผลิตให้ต่ำลง  ให้เกษตรกรอยู่ได้ ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าจะ 5 บาท แต่หากปัจจัยการผลิตลดต่ำลง เกษตรกรก็อยู่ได้  รัฐควรจะเข้ามาดูข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้นและบอกเกษตรกร ว่าทำไมราคาปาล์มถึงลงเหลือกก.ละ 5 บาท ทั้งๆ ที่ปริมาณผลผลิตมีไม่มาก

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน