X

“ปชป.” ร่ายยาวค้าน พ.ร.บ.กัญชาฯ ปัดไม่เกี่ยวการเมือง “สาทิตย์” เผย พรรคมีมติไม่สนับสนุนกัญชาเสรีแล้ว

“ปชป.” ร่ายยาว เหตุต้องค้าน พ.ร.บ.กัญชาฯ ปัดไม่เกี่ยวการเมือง “สาทิตย์” เผย พรรคมีมติไม่สนับสนุนกัญชาเสรีแล้ว เหตุควบคุมหละหลวมจนระบาดเป็นการเสพสันทนาการไปทั่วแล้ว ยก แพทย์รามาฯ-เครือข่ายแพทย์ ออกแถลงการณ์ห่วง เสนอรื้อกระจุย 11 ข้อ ทบทวนร่างพ.ร.บ. ส่วนยกหนี้-ดอกเบี้ย กยศ. อย่าเอามาหาเสียง

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ภายหลังที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีมติเสียงข้างมากถอนร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชา กัญชง (ฉบับที่…) พ.ศ. … ที่คณะกรรมาธิการ(กมธ.)พิจารณาเสร็จแล้วในวาระ 2 กลับไปทบทวนใหม่ตามที่ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ ลุกขึ้นหารือ ขอให้กลับนำไปปรับปรุงอีกครั้ง เนื่องจากหลังสภาฯ รับร่างกฎหมายฉบับนี้ แต่ในชั้นกมธ.มีการปรับปรุงแก้ไขทั้งร่าง จากเดิมมี 45 มาตรา เพิ่มเป็น 69 มาตรา และแก้เกือบทุกมาตรา อาจไม่รอบคอบได้ โดยเฉพาะหลักการป้องกันการใช้ในทางสันทนาการที่เหมือนเป็นการมอมเมาและยาเสพติด สอดคล้องกับส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคน ที่ลุกขึ้นอภิปรายถึงข้อกังวลต่อร่างพ.ร.บ.ดังกล่าวไปในทิศทางเดียวกันนั้น

ล่าสุดนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง พรรคประชาธิปัตย์ โพสเฟสบุ๊คส่วนตัว “สาทิตย์ วงศ์หนองเตย” หัวข้อ “กยศ. กัญชาและการหาเสียง” ระบุ ว่ากันตามจริงการหาเสียงของพรรคการเมืองเป็นเรื่องปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือ ใช่เรื่องอะไรหาเสียง? โดยทั่วไป การหาเสียงด้วยการเสนอนโยบายสาธารณะมักจะระมัดระวังเรื่องประเภท 50:50 หรือหมิ่นเหม่ต่อผลกระทบทางสังคมมากๆ ที่สำคัญคือเรื่อง ที่ต้องห้ามแต่คนมักเผลอใจไปชอบ อย่างการพนัน ยาเสพติด หรือ ยกหนี้ เพราะเรื่องพวกนี้ คนชอบมีมาก แต่ผลกระทบมหาศาล ล่าสุดคือ กยศ. กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ตั้งขึ้นโดยนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ สมัยนายชวน หลีกภัย เป็นนายกฯ มุ่งให้เป็นกองทุนให้เด็กกู้ยืมไปเรียน แล้วค่อยคืนทีหลัง จาก 40,000ล้านบาทตั้งต้น วันนี้โตไปเป็น 6แสนล้านบาท วันดีคืนดี มีบางพรรคเสนอ ยกเลิกดอกเบี้ย เล่นเอาปั่นป่วนทั้งสภา เพราะเป็นการแก้กฎหมาย ส่วนใหญ่กลัวเสียคะแนนเสียงก็เอออวยตาม ผ่านไปอาทิตย์หนึ่งตั้งหลักได้ว่าทำแบบนี้กองทุนฯจะเจ๊ง เพราะเป็นกองทุนหมุนเวียน คือ คืนเงินพร้อมดอก ให้คนอื่นยืมต่อ แต่ถ้าล้มดอก ล้มเบี้ยปรับ โอกาสกองทุนฯล้ม…สูง!!!!

“ส่วน กัญชา อันนี้มาแบบแรงสุดๆ เพราะจะเปิดเสรี แต่ทันทีที่ปลดล๊อกออกจากบัญชียาเสพติด ปั่นป่วนกันทั้งเมือง หมอ พยาบาล ครู นักการศึกษา พ่อแม่ ร้องระงม!! พอจะออกกฎหมายมาคุม ชักช้ากับกระบวนการ เด็กเยาวชนเสพกันสนุก ขายกันโต้งๆเกลื่อนเมือง ไปดูกฎหมายที่จะเสนอสภาฯ ดูยังหลวมๆ จนกลุ่มแพทย์ทำหนังสือค้านจ้าละหวั่น จับตางานนี้ บางพรรคฯอาจเปลี่ยนใจไม่เอากัญชาเสรีแล้ว เช่น ประชาธิปัตย์ ที่ประชุมพรรค เสนอให้ทบทวนการปลดล็อกกัญชา และ กฎหมายให้ถอนไปทบทวนใหม่ กยศ. กัญชา กลายเป็นเรื่องร้อน หลักการความถูกต้อง กับความถูกใจ และการหาเสียงจะเอาไง”นายสาทิตย์ระบุ

นายสาทิตย์ระบุอีกว่า ปัญหาการถกเถียงเรื่องกฎหมายคุมกัญชาออกช้า ออกเร็ว ในสภา จะไม่ใช่ปัญหาเลย เพราะถ้าหากย้อนกลับไปมองต้นตอจริงๆ เรื่องที่เป็นหัวใจคือ การปลดกัญชาออกจากบัญชียาเสพติดก่อนมีกฎหมายควบคุม เพราะ กฎหมายควบคุมกัญชา ควรกระทำก่อนการปลดล๊อก เพื่อป้องกันไม่ให้มีสุญญากาศ แต่ถ้ามองไทม์ไลน์เรื่องนี้ เป็นดังนี้ วันที่ 9 มิถุนายน 2565 กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง ระบุชื่อยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 พ.ศ. 2565 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 มิ.ย. 2565 ทำให้ทุกส่วนของกัญชากัญชงไม่เป็นยาเสพติด ย้อนหลังกลับไป 1 วัน คือวันที่ 8 มิถุนายน 2565 สภาฯพิจารณากฎหมายกัญชา กัญชง วาระที่ 1 จะเห็นว่าการปลดล๊อคกัญชา มาก่อนกฎหมายซึ่งเพิ่งเริ่มเข้าสภา และมีอีกหลายขั้นตอนกว่าจะผ่านเป็นกฎหมายและมีผลบังคับใช้ ทางกระทรวงสาธารณสุขเองก็มองเห็นปัญหาเรื่องนี้ว่า การปลดล๊อคก่อนมีกฎหมายคุม จะมีปัญหาว่าในระยะเวลาดังกล่าวจะเป็นสุญญากาศทางกฎหมาย จะเกิดการใช้กัญชาในทางไม่พึงประสงค์และจะระบาดไปยังเด็กและเยาวชน เพราะหลายคนเข้าใจว่า ทันทีที่ปลดล๊อค นี่คือ กัญชาเสรีแล้ว ต่อมาวันที่ 13 มิถุนายน 2565 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขได้ลงนามออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องกำหนดให้การกระทำให้เกิดกลิ่น หรือควันกัญชา กัญชง หรือพืชอื่นใด เป็นเหตุรำคาญ พ.ศ.2565 ซึ่งมีโทษตามกฎหมาย เช่นกรณีสูบในบ้านแล้วก่อผลรำคาญ จากนั้นในวันที่ 16 มิถุนายน 2565 ได้ออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา)พ.ศ.2565

นายสาทิตย์ระบุอีกว่า แต่ทันทีที่ปลดล๊อคกัญชา รายงานข่าวความบานปลายของการใช้กัญชาอย่างไม่พึงประสงค์ มีมากมาย ในขณะที่ทางตำรวจก็ทำงานยาก ต่อมาวันที่ 24 กรกฎาคม 2565 แพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดี 851 ราย ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาล “ปิดสภาวะกัญชาเสรี” ในสภาวะสุญญากาศทันที เหตุเป็นภัยคุกคามสุขภาพเด็กและเยาวชน กระทบต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ 25 กรกฎาคม 2565 “ราชบัณฑิตยสภา” ออกแถลงการณ์ ให้รัฐบาลมีมาตรการควบคุมการใช้กัญชาและผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชาเฉพาะในทางการแพทย์เท่านั้น และต้องมีมาตรการป้องกันมิให้นำไปใช้เพื่อการนันทนาการ นี่เป็นตัวอย่างของข้อกังวลต่อภาวะสุญญากาศทางกฎหมายกับการควบคุมกัญชาเสรี จึงต้องทบทวนการออกประกาศกระทรวงสาธารณสุข ที่ปลดกัญชาออกจากยาเสพติด ว่า หากมาตรการที่มีไม่เพียงพอ ต้องมีมาตรการเพิ่ม และหากไม่มีมาตรการใดจะทำได้อีก ในขณะที่การใช้กัญชาเพื่อนันทนาการระบาดออกไปในวงกว้างสู่เด็กและเยาวชนอย่างยากที่จะป้องกัน จะประกาศกลับเป็นยาเสพติดแล้วคอยกฎหมายควบคุมที่ออกมาจึงปลดล๊อกอีกครั้ง น่าจะดีกว่าปล่อยสถานการณ์ไปแบบไร้การควบคุมแบบนี้

นายสาทิตย์กล่าวว่า เมื่อปิดสภาวะสุญญากาศแล้ว ในส่วนของกฎหมายกัญชา กัญชง ขอเสนอให้ทบทวน ให้กฎหมายมีบทบัญญัติที่ยึดเฉพาะหลักการใช้กัญชาทางการแพทย์เท่านั้น โดยไม่ส่งเสริมหรือเปิดโอกาสให้มีการใช้เพื่อนันทนาการ ดังนี้ 1.ควรบัญญัติให้การใช้กัญชา หรือสารสกัด เป็นวัตถุดิบหรือส่วนประกอบของผลิตภัณฑ์สมุนไพร ตามกฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์สมุนไพร ยาตามกฎหมายว่าด้วยยา อาหารตามกฎหมายว่าด้วยอาหาร เครื่องสำอางตามกฎหมายว่าด้วยเครื่องสำอาง หรือผลิตภัณฑ์อื่นใดตามที่มีกฎหมายเฉพาะ รวมถึงการนำเข้า ส่งออก การขาย การโฆษณา นอกจากปฏิบัติตามกฎหมายนั้นแล้ว ต้องปฏิบัติตามกฎหมายฉบับนี้ด้วย 2.ให้ทบทวนว่า กัญชา ยังคงเป็นยาเสพติดหรือไม่ ในมาตรา 3 ที่ยกเว้นไว้ เพื่อป้องกันพ่อค้ายาเสพติดใช้เป็นช่องว่าง 3.แก้ไขนิยามศัพท์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้ประโยชน์ในครัวเรือน เป็นเพื่อใช้ประโยชน์ทางการแพทย์แทน และให้แก้ไขบทบัญญัติที่ว่าด้วยการขอจดแจ้งปลูกกัญชาของประชาชนทั่วไป ให้มีผู้ประกอบวิชาชีพทางแพทย์วินิจฉัยและลงความเห็นให้รักษาด้วยกัญชาได้ก่อนจะขอจดแจ้งเพื่อปลูกกัญชา 4.ไม่ควรกำหนดให้สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาทำหน้าที่ประสาน ส่งเสริม สนับสนุน พัฒนาสายพันธุ์ในการปลูกกัญชา เพราะอาจขัดกับหน้าที่และอาจเกิดประโยชน์ทับซ้อน เพราะหน่วยงานนี้มีหน้าที่โดยตรงในการควบคุมตรวจสอบผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของประชาชน

5. ในส่วนอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการกัญชา ควรมีอำนาจหน้าที่ในการป้องกันและลดผลกระทบจากกัญชา มากกว่าการส่งเสริมให้มีการปลูกกัญชาเพียงอย่างเดียว 6.ควรกำหนดมาตรการที่เข้มงวดในการขออนุญาตต่างๆเกี่ยวกับกัญชา ทั้งคุณสมบัติผู้ขอที่อาจเกี่ยวพันกับการค้ายาเสพติดมาก่อน แต่ไม่เคยต้องโทษร้ายแรง การต้องตรวจสอบประวัติอาชญากรรม ข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ ทั้งต้องให้อำนาจผู้อนุญาตที่จะปฏิเสธได้หากมีพฤติกรรมน่าสงสัย และการระบุรายละเอียดอย่างครอบคลุมในประเภทของใบอนุญาต เพราะในกฎหมายที่กรรมาธิการทำมา เขียนรวมไว้ ทั้งการเพาะปลูก ผลิต นำเข้า ส่งออก ขาย ในขณะที่ต่างประเทศ จะแยกเฉพาะและเข้มงวดมากกว่า เช่น แคนาดา มี 6 ประเภท ทั้ง เพาะปลูก ผลิตและแปรรูป ขายเพื่อใช้ทางการแพทย์ ทดสอบ วิจัย ผลิตยาจากกัญชา 7.ต้องทบทวนการขออนุญาตปลูกกัญชาในครัวเรือน ตามมาตรา 18 ให้เป็นไปเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น เพื่อปิดโอกาสการใช้กัญชาเพื่อนันทนาการหรือวัตถุประสงค์อื่น และต้องป้องกันการเข้าถึงกัญชาโดยง่ายของเด็กและเยาวชน 8.ต้องทบทวนบทบัญญัติที่อำนาจรัฐมนตรีสามารถสั่งอนุญาตไปพลางก่อนได้ ในกรณีที่ไม่อนุญาตหรือไม่ต่อใบอนุญาต 9.ต้องไม่เปิดโอกาสโดยกฎหมายให้ประชาชนทั่วไปซื้อกัญชา สารสกัดจากกัญชาได้โดยเสรี แต่ต้องเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ทางการแพทย์เท่านั้น 10. ต้องทบทวนมาตรา 77/5 ที่ให้อำนาจรัฐมนตรี อาจประกาศกำหนดให้มีเขตหรือสถานที่สูบกัญชาได้ เพราะบทบาทของรัฐมนตรีคือการป้องกันผลกระทบการใช้กัญชาในทางที่ไม่เหมาะสมมากกว่าการส่งเสริม และ 11.นอกจากนั้นกฎหมายยังขาดมาตรการควบคุมการซื้อขายอุปกรณ์ เครื่องมือ ต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการการสูบกัญชา ตามข้อเสนอของคณะแพทย์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

“โดยสรุป นี่คือทั้งหมดของเรื่องกัญชาที่ควรทำโดยเร่งด่วน มากกว่า จะหลับตาโทษว่าเป็นเรื่องการเมืองและโยนให้เป็นภาระของคนอื่น เพราะประเทศเรา เปิดเสรีกัญชาแซงทางโค้งประเทศอื่นทั่วโลกแล้ว แพทย์ไทยท่านหนึ่งได้กล่าวไว้ #กัญชา #ทบทวนกฎหมายกัญชากัญชง #พรรคประชาธิปัตย์”นายสาทิตย์โพสระบุ

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน