X

“เดชอิศม์” ยืนกราน วันนี้ทำโพลตัดเชือกว่าที่ผู้สมัครตรังเขต 4 เหตุถาม “นายหัวชวน แล้วไม่ตอบ จำเป็นต้องทำ ยัน โพลยุติธรรม 100%

“เดชอิศม์” ยืนกราน วันนี้ทำโพลตัดเชือกว่าที่ผู้สมัคร ตรังเขต 4-พังงาเขต 2 เหตุถาม “นายหัวชวน-จุรินทร์” แล้วไม่ตอบ จำเป็นต้องทำ ยัน โพลฉบับ “นายกฯชาย” ยุติธรรม 100% ลั่น ต้องเอาคนคบได้และชนะเลือกตั้งลงสมัครเท่านั้น ปลอบใจผู้แพ้ มีที่ยืนในพรรคให้แน่นอน ลั่น ขอพา “สาทิตย์” เข้าสภาฯอีกสมัย ด้าน “สาทิตย์” เชื่อ เสียงนายชวน ยับยั้งคนคิดทำโพล เผย “นิพนธ์” มาบอก นายหัวชวนไม่รู้เรื่องด้วย หนุน “สมบูรณ์” มีสิทธิชอบธรรมลงอีกสมัยเพราะรอบก่อนเสียสละให้คนอื่นมาเป็นแทน ยอมรับหนักใจ เจอศึกนอก-ศึกในคนกันเอง

 

จากกรณีปัญหาความขัดแย้งระหว่าง นายสมชาย โล่สถาพรพิพิธ อดีตส.ส.ตรังเขต 3 พรรคปชป. ผู้เป็นพ่อของ น.ส.สุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรังเขต 3 คนปัจจุบัน และกรรมการบริหารพรรคปชป. กับ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.เขต 2 พรรคปชป. โดยนายสมชายได้ออกมาต่อต้านนายสาทิตย์ ด้วยการเข้าสนับสนุน นายทวี สุระบาล ว่าที่ผู้สมัครส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ให้ชนกับนายสาทิตย์ในเขต 2 ประกอบด้วยอำเภอห้วยยอด อำเภอรัษฎา อำเภอวังวิเศษ และอำเภอสิเกาบางส่วน รวมถึงสนับสนุนการจัดงาน “คนรักทวี” และงาน “คนไม่เอาสาทิตย์” รายตำบลในเขตเลือกตั้งของนายสาทิตย์ นอกจากนี้ยังรวมถึงเหตุผลที่ให้การสนับสนุน นายกาญจน์ ตั้งปอง สท.เมืองกันตัง ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่เขต 4 ซึ่งเป็นการแบ่งเขตเพิ่มกลับมาเป็นทั้งหมด 4 เขต เหมือนเดิม จากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาที่ตรังลดเหลือเพียง 3 เขต ทำให้พื้นที่เขต 4 บางส่วนคาบเกี่ยวกับพื้นที่เขต 3 ของน.ส.สุณัฐชา โดยนายสมชายออกมาแถลงข่าวระบุ เขต 4 เป็นหลุมดำของพรรคที่อาจจะเสียเก้าอี้ จึงต้องออกมาเคลื่อนไหวสนับสนุนคนรุ่นใหม่ที่น่าจะมีโอกาสชนะมากกว่า ขณะที่ นายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล อดีตส.ส.ตรังเขต 4 หลายสมัย เจ้าของพื้นที่เดิม ปัจจุบันนั่งตำแหน่งเลขานุการประธานสภาฯ คนใกล้ชิดของนายชวน ก็อ้างว่านายชวนให้การสนับสนุนตัวเองลงสมัครรับเลือกตั้งในเขต 4 เช่นกัน ทำให้ นายเดชอิศม์ ขาวทอง หรือ “นายกฯชาย” ส.ส.สงขลา พรรคปชป. ในฐานะรองหัวหน้าพรรคดูแลภาคใต้ ต้องออกมาห้ามทัพความขัดแย้ง โดยระบุถึงสาเหตุที่ทำให้นายสมชายไม่พอใจมาจากนายสมชายเชื่อว่านายสาทิตย์อยู่เบื้องหลังคลิปแฉบ่อนเรือนไทยร้อยล้านโดยผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “จอมพลปฏิวัติ” ส่วนความขัดแย้งเรื่องว่าที่ผู้สมัครในนามพรรคในเขต 4 ระหว่างฝ่ายนายสมชายกับนายสมบูรณ์ จะตัดสินด้วยการทำโพลประชาชนในเขตในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ ซึ่งได้รับความเห็นชอบทั้งจากนายชวน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค และ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคแล้ว ชณะที่นายชวนเองออกมาให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่าไม่ทราบเรื่องการทำโพลของนายเดชอิศม์ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุดเมื่อวันที่ 20 ส.ค. 2565 ที่ปากเมงรีรสอร์ท อ.สิเกา จ.ตรัง มีการจัดสัมมนาทีมสมาชิกพรรคปชป. หัวคะแนนตลอดจนผู้สนับสนุนนายสาทิตย์กว่า 500 คน มีการเชิญแกนนำสำคัญของพรรคปชป.ร่วมปราศรัยกับมวลชนผ่านระบบ Zoom อาทิ นายเดชอิศม์ ขาวทอง หรือ “นายกฯชาย” ส.ส.สงขลา พรรคปชป. ในฐานะรองหัวหน้าพรรคดูแลภาคใต้ นายชัยชนะ เดชเดโช ส.ส.นครศรีธรรมราช ในฐานะรองเลขาธิการพรรค นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช และ น.ส.พิมพ์ภัทรา  วิชัยกุล ส.ส.นครศรีธรรมราช โดยมีนายสาธร วงศ์หนองเตย อดีตผู้สมัครนายกฯอบจ.ตรัง น้องชายนายสาทิตย์ช่วยจัดกิจกรรม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ทั้งนี้สำหรับพื้นที่ตั้งของรีสอร์ท อยู่ริมหาดปากเมง ซึ่งเดิมเป็นพื้นที่เขต 2 ของนายสาทิตย์ แต่ในการเลือกตั้งครั้งที่จะมาถึง พื้นที่หาดปากเมงซึ่งถือเป็นแห่งท่องเที่ยวสำคัญของจ.ตรังได้ถูกนำไปรวมเป็นพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 4 ซึ่งยังคงมีความขัดแย้งกันเรื่องการส่งผู้ลงสมัคร ระหว่างนายสมชายที่สนับสนุนนายกาญจน์ ตั้งปอง สท.เมืองกันตัง กับนายสาทิตย์ ที่สนับสนุนนายสมบูรณ์ อุทัยเวียนกุล อดีตส.ส.ตรังเขต 4 หลายสมัย ปัจจุบันนั่งตำแหน่งเลขานุการประธานสภาฯ อย่างไรก็ตามเป็นที่น่าสังเกตว่า ระหว่างการสัมมนา ได้มีรถแห่แนะนำตัวนายกาญติดเครื่องเสียงขับผ่านหน้ารีสอร์ทเปิดเครื่องเสียงดังสนั่นวนไปวนมาหลายรอบ ทำให้ผู้ร่วมสัมนาจำนวนมากไม่พอใจ แต่ก็ไม่ได้เกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายแต่อย่างใด ทั้งนี้สำหรับนายกาญจน์ เป็นบุตรชายนายวิสิษฐ์ ตั้งปอง อดีตนายอำเภอหลายพื้นที่ในจ.ตรัง ซึ่งเกษียณราชการที่อ.ย่านตาขาว เขตเลือกตั้งที่ 3 ซึ่งถือเป็นพื้นที่มั่นของตระกูลโล่สถาพรพิพิธ

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.เขต 2 พรรคปชป. เปิดเผยว่า เป็นงานนัดรวมทีมแกนนำที่ให้การสนับสนุนตน และสนับสนุนพรรคปชป. เรียกชื่อ “ทีมเราไม่ทิ้งกัน” เพื่อให้สมาชิกรับรู้ทิศทางการเคลื่อนไหวของ ส.ส. กับพรรคในการเลือกตั้งครั้งหน้าว่าจะเคลื่อนไปในทิศทางไหน เป็นการซักซ้อมว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าที่ประเมินว่าจะมีการแข่งขันที่เข้มข้นมาก  จำเป็นที่ต้องมีทีมงานที่เข้มแข็ง ตอนนี้ตนมีแกนนำทั้งระดับตำบล ระดับหมู่บ้าน โดยเป้าหมายจะสร้างแกนนำให้ได้ถึง 2,000 คน ครอบคลุมทุกพื้นที่

 

“ส่วนปัญหาความขัดแย้งที่นายเดชอิศม์ต้องเข้ามาแก้ไขในพื้นที่จ.ตรัง ในเขต 2 และ 4 นั้น ไม่แน่ใจว่ารองหัวหน้าพรรคปชป.ภาคใต้ ได้พูดคุยในแง่ไหน แต่รู้สึกว่าการเคลื่อนไหวในการต่อต้านตนก็หายไปแล้ว ไม่มีการจัดเวที ก็น่าจะมีการพูดคุยกันแล้ว ผมเล่นแบบป้องกันพื้นที่ของเราเอง เป็น ส.ส.มาแล้ว 7 สมัย หากเราสามารถป้องกันเขตนนี้ไว้ได้ การเลือกตั้งครั้งหน้าไม่น่าจะมีปัญหา เรื่องความขัดแย้งในเขตนี้ ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะดำรงอยู่หรือไม่ แต่มองไปที่การเคลื่อนไหวก็พบว่าเงียบไป ซึ่งในอนาคตอาจจะปะทุขึ้นอีกก็ได้ ซึ่งไม่มีใครรู้ล่วงหน้า ผมก็หนักใจ เพราะเจอทั้งศึกนอกศึกใน ลำพังสู้กับคนนอกพรรคก็เหนื่อยอยู่แล้ว เพราะต้องยอมรับว่ากระแสพรรคปชป.ไม่ดี โดยเฉพาะในภาคใต้ ส.ส.ในสภายังพูดกันว่าภาคอื่นไม่การเคลื่อนไหวทางการเมือง แต่ภาคใต้เคลื่อนไหวกันคึกคักที่สุด ทั้งภูมิใจไทย พลังประชารัฐ และพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งล้วนแต่มีเป้าหมายที่ภาคใต้ พรรคปชป.ในฐานะแชมป์เก่าเราก็หนักใจอยู่แล้ว แต่หากมีศึกในเพิ่มขึ้นอีกก็มีความหนักใจเพิ่มขึ้น สิ่งเหล่านี้เราต้องแชร์ให้ผู้สนับสนุนให้แกนนำเรารับทราบด้วย และเราต้องหาทางคลี่คลายความหนักใจนั้น”นายสาทิตย์กล่าว

 

นายสาทิตย์กล่าวถึงปัญหาความไม่ลงตัวในการคัดสรรว่าที่ผู้สมัครของพรรคปชป. ในพื้นที่หลายจังหวัดฝั่งอันดามัน อาทิ ตรัง กระบี่ พังงา ที่คนในมาชิงกันเอง ว่า กระบวนการบริหารจัดการภายในพรรคเป็นเรื่องใหญ่มาก ตนได้พูดในที่ประชุมหลายครั้งว่าภาคใต้เป็นฐานที่มั่นหลัก ที่มั่นสุดท้ายของพรรคปชป. ฉะนั้นเราซึ่งครองที่ 1 ในภาคใต้มายาวนานนับ 20 สมัย เที่ยวหน้าเราจะวางกลยุทธหรือทิศทางการเคลื่อนไหวอย่างไรให้ดำรงความเป็นแชมป์อยู่ได้ สิ่งที่ต้องเกิดขึ้นคือระบบการจัดการภายในพรรคต้องชัดเจน โปรงใส่ เป็นธรรม ไม่ถือพรรคถือพวก พรรคปชป.เป็นสถาบัน มีกฎเกณฑ์ระเบียบและธรรมเนียมปฏิบัติที่ยึดถือมาโดยตลอด ซึ่งต้องยึดสิ่งนั้น เช่น กรณีการเลือกตัวผู้สมัครในแต่ละเขตเลือกตั้ง ที่ถ้าเขตใดมีอดีตส.ส.ที่ไม่เคยทำเรื่องเสียหาย อย่างเช่นเขต4 ตรัง ไม่ใช่ใครคนหนึ่งคิดมาเองว่าอยากเอาคนนั้น คนนี้ มาแข่งกับอดีตส.ส. ถ้าอดีต ส.ส.ไม่ได้ทำอะไรเสียหาย โดยธรรมเนียมพรรคที่ปฎิบัติมา จะเห็นว่านายชวน หลีกภัย ก็ส่งสัญญาณชัดเจน และผู้ใหญ่ในพรรคหลายคนก็ส่งสัญญาณออกมาชัดเจน ต้องรอดูว่ากระบวนธรรมเนียมปฏิบัติจะกลับสู่ร่องสู่รอยเมื่อไหร่ .

“ส่วนการทำโพลจะเป็นทางออกหรือไม่ โพลใช้ได้ในกรณีที่ผู้สมัครเป็นคนใหม่ด้วยกัน และตัดสินไม่ได้ว่าจะส่งใคร ธรรมเนียมก็ต้องทำโพล ซึ่งต้องเป็นโพลที่เชื่อถือได้ แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่อดีตส.ส.ต้องทำโพลแข่งกับคนที่ไม่เคยทำกิจกรรมของพรรคมาก่อนเลย ไม่เคยเกิดขึ้น ถ้าจะเกิดขึ้นในครั้งนี้ก็คงตอบยาก ส่วนที่น.ส.สุณัฐชา ระบุว่า ว่าที่ผู้สมัครไม่ต้องเคยทำกิจกรรมของพรรคก็ได้ ตัวชี้วัดอยู่ที่ผลการเลือกตั้ง ผมเคารพความเห็นส่วนตัวของทุกคน ทุกคนมีสิทธิคิด เพราะนี่คือประชาธิปไตย แต่สุดท้ายมันต้องจบที่กระบวนการภายในพรรค แต่กระบวนการไม่ใช่ว่าเลือกตั้งครั้งหนึ่งเปลี่ยนครั้งหนึ่ง พรรคกว่าจะเติบโตมาถึงทุกวันนี้และเป็นที่ยอมรับ พรรคปชป.เป็นตัวอย่างให้แก่พรรคการเมืองอื่นๆ ผลิตนักการเมือง บางส่วนไปตั้งพรรคการเมืองข้างนอก มันจึงต้องมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน หลักเกณฑ์เปลี่ยนตามใจคน หรือจะเปลี่ยนตามอำนาจของคนในพรรคไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นยุคของนายชวน ยุคนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ยุคนายบัญญัติ บรรทัดฐาน หรือ แม้แต่ยุคของนาย ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช ก็มีแนวปฏิบัติแบบนี้มา ในที่ประชุมพรรคผมเสนอต่อนายเดชอิศม์ ว่าต้องเปิดให้แสดงความจำนงก่อน แล้วต้องให้กับคนที่เป็นอดีตส.ส.ที่ไม่เคยทำอะไรเสียหายก่อน แต่หากเป็นคนใหม่ทั้งคู่ก็ต้องหากระบวนการตกลงกัน หากตกลงกันไม่ได้ ก็ต้องหากระบวนการ และต้องจบที่ทำโพล”นายสาทิตย์ระบุ

 

นายสาทิตย์กล่าวต่อว่า เขต 4 ตรัง เดิมทีจะทำโพลในวันที่ 10 ส.ค. แต่ตอนนี้มันเลยมาแล้ว แต่ด้วยเหตุใดก็ตาม แต่อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ เพราะดูนายชวนได้ส่งสัญญาณมาแล้ว ก็ทำให้หลายคนต้องกลับไปคิดใหม่ นายนิพนธ์ บุญญามณี ในฐานะรองหัวหน้าพรรคได้ไปคุยกับนายชวน นายชวนก็ได้ย้ำว่าท่านไม่ทราบเรื่องทำโพล ฉะนั้นคำว่าท่านไม่ทราบ ก็อาจเป็นสัญญาณอย่างหนึ่งว่าทำไปทำไมหรือเปล่า ก็อยู่ที่กรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบัน ตนทราบจากนายสมบูรณ์ อีกว่าในวันเปิดตัวที่จ.สงขลา นายจุรินทร์ ก็ชวนนายสมบูรณ์ไปร่วมงานด้วย เที่ยวที่แล้วจาก 4 เขต เหลือ 3 เขต ส.ส.ต้องโดนตัดออกไป 1 จริงๆแล้วก็เป็นสิทธิของนายสมบูรณ์ แต่นายสมบูรณ์ก็ลุกขึ้นให้คนอื่นมาลงแทน ถือเป็นการเสียสละ ครั้งนี้ก็ย่อมเป็นสิทธิของนายสมบูรณ์ ตนพูดชัดเจน หากไม่ได้รอบนี้เราจะสูญเสียความเชื่อมั่นกับคน ไม่ใช่เฉพาะคนตรัง ไม่ใช่เฉพาะเขต 4 แต่คนจะบอกว่าประชาธิปัตย์เปลี่ยนไป

 

นายสาทิตย์กล่าวต่อว่า การที่หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค ได้ไปประกาศเปิดตัวกลุ่มเลือดใหม่ที่จ.สงขลา จะช่วยเรื่องกระแสพรรคได้แค่ไหนนั้น ถือเป็นการส่งสัญญาณสำคัญว่าเที่ยวนี้ต้องทุบหม้อข้าวแล้ว เหมือนพระเจ้าตากไปตีเมืองจันทบุรี และส่งสัญญาณไปยังผู้สนับสนุนพรรคว่าตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องรวมพลังกัน ซึ่งตัวเลขาธิการพรรคถือเป็นกำลังหลักอีกคน เที่ยวนี้หากไม่ได้เลขาฯได้ประกาศไปแล้วว่าจะวางมือ ตรงนี้ก็มีผล ผู้สมัครที่จะลงสมัครครั้งนี้ก็รู้สึกว่าต้องเร่งทำงาน แต่ไม่แน่ใจว่าชาวบ้านฟังแล้วจะเข้าใจตรงกันหรือไม่ ว่าส่งสัญญาภายในมากกว่า หรือ เป็นการส่งสัญญาณว่าเอาจริงแล้ว ส่วนปัญหาเลือดไหลออกต่อเนื่องตลอด ทุกพรรคมีปัญหานี้ มีการหมุนเปลี่ยนหมุนเวียนกัน แต่ยอมรับว่าอยู่สภานี้มา 27ปี ไม่เคยเห็นการเมืองยุคไหนชุลมุนวุ่นวาย การย้ายพรรคหรือติดต่อย้ายพรรคกันในสภาต่อหน้าต่อตา ถือเป็นจุดเปลี่ยนระบบประชาธิปไตยตัวแทนในประเทศไทย รู้สึกว่าความภักดีต่อแบรนด์มันจางไป เป็นจุดเปลี่ยน คนแสวงหาแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่าง เป็นจุดสะท้อนจุดเปลี่ยนการเมืองไทย ต้องดูในผลการเลือกตั้งครั้งหน้าว่าจบอย่างไร คงจะถึงจุดหนึ่งที่มีการหมุนกลับไปสู่การมีขั้วการเมืองที่ชัดเจน

 

นายสาทิตย์กล่าวว่า ปัญหาเลือดไหลของสถาบันการเมืองอย่างประชาธิปัตย์ การมีปัญหาภายใน บางคนก็คิดว่าเป็นปัญหาจริงๆ ตนมองการเมืองทั้งกระดาน มองระบบของประเทศมากกว่า จริงๆแล้วหากมองการเมืองในต่างประเทศก็ไม่หนีกัน ในสหรัฐอเมริกา จีน ไต้หวัน ซึ่งมาจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์โลกที่เปลี่ยนไป ทั้งด้านสภาพการเมือง เศรษฐกิจ ที่เปลี่ยนไปด้วย กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านการเมือง มีการแตกตัวมากขึ้น ผลดีคือทำให้พรรคการเมืองจะต้องผลิตแนวคิดและนโยบายใหม่ๆ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ผมว่าเรามองทะลุเรื่องคนย้าย แต่หากมองในแง่พรรคปชป. มันต้องหาถ้อยคำมาปลอบใจตัวเอง แต่ต้องยอมรับว่าช่วงนี้มีคนย้ายเข้า-ออก เยอะ

 

“ส่วนหลักการ และจิตวิญญาณ พรรคปชป.มีความเป็นอะกาลิโก ไม่ขึ้นอยู่กับเวลา ไม่ขึ้นอยู่กับสมัย พอสมควร  ผมพูดได้เลยว่ามีเพื่อนต่างพรรคมาพูดคุยกัน หลายคนมาชวนผมไป ผมได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับทุกคน แต่ตัวผมถือว่านี่คือจุดที่ท้าทายที่สุด ท่านชวนได้ออกมาพูดว่าการเลือกตั้งที่จะมาถึง กระแสเงินจะบุกภาคใต้ ตรงนี้ท้าทายและน่ากลัวที่สุด ผมคิดว่าตั้งแต่การเมืองท้องถิ่น ผมจะไม่โทษกกต.ว่าไม่ทำงาน อย่างกรณีจับซื้อเสียงการเลือกตั้งอบจ.ตรัง 2 กรณีเป็นกรณีที่ชาวบ้านแจ้งเอง ที่ร้ายก็คือ กกต.บอกว่าไม่ว่างไปดูเหตุการณ์ ถือว่าการเมืองท้องถิ่นในภาวะของการป้องกันซื้อสิทธิ์ขายเสียงมันพังทลายลง แต่ยังหวังว่าการเมืองใหญ่ การปลุกอุดมการณ์กลับมา เลือกด้วยเสียงบริสุทธิ์ มันอาจจะไม่เต็มร้อย แต่มันต้องมี”นายสาทิตยืกล่าว

 

ด้านนายเดชอิศม์ ขาวทอง ส.ส.สงขลา พรรคปชป. ในฐานะรองหัวหน้าพรรคดูแลภาคใต้ กล่าวผ่านระบบ Zoom ว่า ขอยืนยันว่าในเขต2 ตรัง ตนจะเชียร์และให้การสนับสนุนนายสาทิตย์ เกิน 100% และตนได้รับการยืนยันจากเลขาธิการพรรคและหัวหน้าพรรคว่าต้องให้การสนับสนุนนายสาทิตย์ เป็น ส.ส.ให้ได้โดยเด็ดขาด ตนมีความรักต่อชาวตรังอย่างมาก ฉะนั้นอย่าให้เมืองหลวงของปชป.เสียหาย อยากเห็นปชป.ตรังมาหมดทั้ง 4 คน และหลังจากนี้จะหาโอกาสมาพบชาวตรัง โดยเฉพาะเขต 2 และกระแสของพรรคปชป.เริ่มดีขึ้นหลังจากที่เราค่อนข้างตกต่ำมานาน แต่อย่างไรก็ตามพวกเราต้องมั่นคง และมั่นใจในคนของเราเอง

“ผมเพิ่งมาอยู่พรรคปชป.เมื่อไม่นานมานี้ และใช้เวลา 15 ปี กว่าจะเข้าพรรคปชป.ได้ แต่เมื่อผมเข้ามาแล้วปชป.ทำให้ผมภูมิใจ แม่พรรคปชป.จะเป็นพรรคที่ยากจนแต่พรรคเราไม่มีนายทุน ไม่มีผู้สั่งการ สิ่งที่ปชป.ยึดถือได้แก่อุดมการณ์ ความซื่อสัตย์ ความเป็นสถาบันทางการเมือง เป็นพรรคเดียวที่ยืนหยัดมา 77 ปีแล้ว บางทีมีตกต่ำบ้าง บางทีก็ฟื้นขึ้นมา ความเป็นปชป.วันนี้เราต้องปรับตัวให้ทันต่อเหตุการณ์ ปรับตัวให้ทันสมัย ไม่ว่าจะเป็นความเป็นหนึ่งเดียวในจังหวัด ตอนนี้ผมแก้ไขให้หมดแล้วตั้งแต่ได้มาเป็นรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ จ.สงขลา จ.นครศรีฯ เมื่อก่อนก็แบ่งเป็น 2-3 ทีม แต่เราได้เช็ตมาเป็นหนึ่งเดียวหมด สำหรับ จ.ตรัง ยังขรุขระอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ผมขอยืนยันว่าสุดท้ายเราต้องเป็นหนึ่งเดียว ปชป.ตรังต้องมายืนบนเวที 4 คน หาเสียงด้วยกันทั้ง 4 เขต จะหาเฉพาะเขตไหนไม่ได้แล้ว นี่คือความเป็นปชป.ที่เราต้องเปลี่ยนให้ได้ บุคลิกของผู้แทนพรรคปชป.ดีอยู่แล้วก็ดี แต่บางคนภาพลักษณ์ใจไม่ถึง พึ่งไม่ได้ ไม่ติดดิน วันนี้ต้องปรับตัว ปชป.รุ่นใหม่ ไม่ว่า ส.ส.เก่าหรือใหม่ ที่มาลงสมัครต้องเป็นคบได้เท่านั้น ใครคบไม่ได้เราจะไม่ส่งลงสมัคร”นายเดชอิศม์ระบุ

 

นายเดชอิศม์กล่าวอีกว่า เมื่อก่อนพรรคปชป.รับแต่คนอาวุโส แต่เดี่ยวนี้ให้โอกาสกับคนรุ่นใหม่ด้วย ส.ส.ที่เข้าไปสมัยแรกก็มีโอกาสได้ทำงาน แม้กระทั่งตนแม้จะเป็น ส.ส.สมัยแรก และได้รับการแต่งตั้งจากที่ประชุมใหญ่ให้เป็นรองหัวหน้าพรรคภาคใต้ นั่นแสดงให้เห็นว่าปชป.ปรับตัว วันนี้คนรุ่นใหม่ก็อยากเข้ามา เช่น ที่ จ.สงขลา ชัดเจนมาก วัยรุ่นอายุ 18-20 ปี มาสมัครเป็นแกนนำ มาสมัครเป็นหัวคะแนนของพรรค การเลือกตั้งซ่อมที่จ.สงขลา ตนเป็นผอ.การเลือกตั้ง ที่จ.ชุมพร นายสาทิตย์เป็นผอ.การเลือกตั้ง ชีวิตพวกเราต่อสู้ทางการเมืองมายาวนานมาก แต่ตนเชื่อว่าไม่มีครั้งไหนยิ่งใหญ่เท่าครั้งนี้ ถ้าเป็นสงครามมาทั้งบนฟ้า ทั้งบนดิน ทั้งใต้ดิน อำนาจรัฐเขาบีบเราทุกทาง แต่เราก็รักษาเกียรติยศและศักดิ์ศรีของเราได้ ทั้งภาคใต้ลุกขึ้นมาต่อสู้โดยเฉพาะคนปชป.เก่าๆ ที่น้อยใจพรรคออกไปจากพรรคแล้ว บางคนไปเลือกพรรคอื่น วันนี้ทยอยกลับเข้ามาแล้ว เริ่มเห็นพรรคของเราเป็นเอกลักษณ์ของชาวใต้ หัวหน้าพรรคการเมืองที่แหลงใต้ได้วันนี้มีแค่พรรคปชป.เพียงพรรคเดียว ฉะนั้นตนอยากเชิญทุกคนกลับมาให้หมด

 

“สำหรับจ.ตรัง ที่มีข่าวความขัดแย้งในพื้นที่ ถือเป็นธรรมชาติของพรรคการเมืองที่ไม่มีเจ้าของ ไม่เหมือนกับพรรคที่มีเจ้าของมีคนสั่งการ ปชป.อยู่ได้ด้วยมติพรรค เมื่อความเห็นไม่ตรงกันทุกคนต้องมาลงมติ ดูเสียงส่วนใหญ่ ฉะนั้นเมื่อมีประชาธิปไตยมากจะเกิดความขลุกขลิกไม่ลงตัวบ้าง แต่นี้คือเสน่ห์ของประชาธิปไตย จ.ตรังเป็นเมืองหลวงของนายชวน ที่สร้างบารมีไว้ให้คนทั้งประเทศ วันนี้คนทั้งประเทศยอมรับท่าน ด้านนายสาทิตย์ ไม่ว่าใครจะว่าจะวิจารอย่างไร แต่ในสภานายสาทิตย์ไม่เป็นสองรองใคร นี่จึงเป็นเกียรติและศักดิ์ศรีของชาวตรัง และผมจะปวารณาตัวมาเป็นแม่ทัพเคียงข้างนายสาทิตย์ เอานายสาทิตย์มาเป็น ส.ส.ให้ได้ แม้จะมีใครบอกว่านายสาทิตย์ต้องพ่ายแพ้ก็ตามและมีกระแสต่อต้าน เชื่อว่าคนตรังมีความเฉลียวฉลาด มีเกียรติยศ มีศักดิ์ศรี คิดได้ คิดเป็น ส่วนที่มีบางคนมาจัดตั้งกลุ่มไม่เอานายสาทิตย์ ผมขอรับปากกับทุกคนว่าจะมาแก้ปัญหาเรื่องนี้ให้เด็ดขาด ผมรับปากว่าสามารถแก้ปัญหานี้ได้ แล้วต่อไปผู้สมัครตรังต้องเดินทั้ง 4 เขต ผมไม่ยอมให้อยู่เฉพาะเขตตัวเอง ตรังต้องชนะทั้ง 4 เขต”นายเดชอิศม์กล่าว

 

นายเดชอิศม์กล่าวด้วยว่า สำหรับปัญหาในเขต 4 ตรัง ได้หาให้รือผู้ใหญ่และหารือนายชวนแล้ว ซึ่งนายชวนก็ตอบกลับว่าแล้วแต่รองหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ตนได้ฟังทั้ง 2 ข้างมาโดยตลอด อีกข้างบอกว่าจะเอานายสมบูรณ์ อีกข้างบอกว่านายสมบูรณ์จะแพ้ ให้เอาอีกคน ตนก็รอการตัดสินใจของนายชวน แต่ตนรอมาถึงปลายเดือนสิงหาคมที่ตนจะประกาศตัวผู้สมัครให้ครบทั้ง 58 เขต ในภาคใต้ ดังนั้นเมื่อมีผู้สมัครมากกว่า 1 คนในแต่ละเขต และแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม  ถ้าอยู่กลุ่มเดียวกันจะตัดสินใจง่าย เช่น จ.สุราษฎร์ธานี มีเขตเพิ่มจาก 6 เป็น 7 เขต มีการเสนอคนเข้ามาเพียง 1 คน ตนได้ถามนายบัญญัติ บรรทัดฐาน ท่านตอบตกลง ตนก็ตกลง เป็นอันว่าจบ  พอมา จ.ตรัง นายชวนที่เป็นประธานสภาฯ ท่านก็ไม่อยากตัดสินใจ กลัวว่าทุกคนจะไปตำหนิท่านอีก ท่านจึงมอบให้ตนตัดสินใจ ตนจึงต้องทำโพลในวันที่ 22 สิงหาคมนี้

 

“หากใครมีคะแนนเสียงดีก็ไม่ต้องกังวล เพราะโพลผมยุติธรรม 100% มีทางออกให้ทุกฝ่ายได้ หากอีกฝ่ายหนึ่งแพ้ ผมต้องมีที่ยืนให้ในพรรคให้แน่นอน ระบบประชาธิปไตยจะทำอะไรได้ 100% นั้นไม่มี มันต้องมีทั้งฝ่ายสมหวัง และ ผิดหวัง ผมก็หนักใจ หนักใจที่สุด แต่ผมไม่มีทางเลือกเพราะต้องเอาคนที่ชนะการเลือกตั้งมาเป็นผู้แทน และต้องอธิบายทางวิทยาศาสตร์ได้ว่าที่มาที่ไปเป็นอย่างไร ผมได้พูดคุยกับนายสมบูรณ์ว่าไม่ต้องกังวล เพราะโพลที่นำมาตัดสินนั้นยุติธรรม และผมไม่รู้จักกับอีกคนที่กำลังเดินหาเสียงอยู่ แม้แต่ที่จ.พังงา บ้านของหัวหน้าพรรค ก็ต้องทำโพลเช่นกัน ผมได้ถามหัวหน้าพรรค เมื่อหัวหน้าไม่ตอบว่าจะเอาใคร ในเวลาที่จำกัดผมก็ต้องทำโพล”นายเดชอิศม์กล่าว

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน