X

ชาวเกาะมุกด์เดือดร้อน ถูกเรียกเก็บ “ค่าสิ่งรุกล้ำลำน้ำ” รายละนับหมื่นบาท

ตรัง-พบอีกชาวเกาะมุกด์ร้องถูกเรียกเก็บค่าสิ่งรุกล้ำลำน้ำรายละนับหมื่นบาท ประกาศยอมถูกจับหากเจ้าท่าเข้ามาไล่หรือยึดที่ดิน แต่ไม่มีเงินจ่าย รายได้แต่ละวันก็ไม่พอกิน วอนรัฐยกเลิกการจัดเก็บ เพราะทำชาวบ้านเดือดร้อนหนัก เตรียมเข้ายื่นหนังสือเรียกร้องต่อผวจ.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

ปัญหาความเดือดร้อนจากการเรียกเก็บเงินค่าตอบแทนสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ ตาม พ.ร.บ.การเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ.2456 มาตรา 117 มีผลบังคับใช้ ให้เสียค่าตอบแทนในวันที่ได้รับอนุญาต  สำหรับปีต่อไปให้เสียค่าตอบแทนไม่เกินวันที่ครบกำหนดรอบปี นับแต่วันดังกล่าว  ทั้งนี้ เริ่มดำเนินการเรียกเก็บมาตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปัจจุบัน ในอัตราตารางเมตรละ 5 บาท   จึงทำให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณแนวชายฝั่งได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก รวมทั้งประชาชนตลอดแนวชายฝั่งในพื้นที่จ.ตรัง ที่ออกมาเรียกร้องขอให้ทาง อบต.ในพื้นที่และกรมเจ้าท่ายกเลิกการจัดเก็บ เพราะสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นอย่างมาก โดยทั้งหมดยืนยันเป็นชุมชนดั้งเดิมอยู่อาศัยมาเป็นเวลานานนับชั่วอายุคน

ล่าสุด ที่เกาะมุกด์ ก็พบว่า ประชาชนในพื้นที่บ้านเกาะมุกด์ หมู่ 2 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง รวมประมาณ 25 ครัวเรือน ต่างก็ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาดังกล่าวอย่างมากเช่นเดียวกัน โดยแต่ละครอบครัวถูกเรียกเก็บเงินค่าตอบแทนสิ่งล่วงล้ำลำน้ำปีละหลายร้อยถึงกว่าหนึ่งพันบาท และถูกเรียกเก็บเงินค่าปรับอีก 1 เท่าตัวทุกปี  ทำให้ทุกรายถูกเรียกเก็บเงินย้อนหลังตั้งแต่ปี 2562 – 2565 รายละหลายพันบาทจนถึงเกือบ 2 หมื่นบาท โดยชาวบ้านระบุว่า เกาะมุกด์ก็เป็นชุมชนชายฝั่งดั้งเดิม อาศัยกันมายาวนานหลายชั่วอายุคน ที่ผ่านมาไม่เคบมีใครสร้างบ้านในน้ำ แต่ถูกน้ำทะเลกัดเซาะจนสภาพพื้นที่เปลี่ยนแปลงไป และรุกล้ำเข้ามาหาบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ จึงทำให้สภาพปัจจุบันเหมือนอาศัยอยู่ในทะเล

 

นางสาวราวรรณ  อาเฉม  อายุ 47 ปี  อยู่บ้านเลขที่  187/2 ต.เกาะลิบง  บอกว่าของตนเองถูกเรียกเก็บเงินค่าตอบแทนของปี 2562 – 2564 จำนวน 2 หลัง รวมเป็นเงิน 11,640 บาท และยังไม่รวมของปี 2565 อีกกว่า 3,800 บาท ทำให้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ที่ดินตนเองมีเอกสารสิทธิ์อาศัยกันมาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย  เดิมอยู่ห่างจากน้ำทะเล แต่ถูกคลื่นกัดเซาะชายฝั่งพังจนขณะนี้เข้ามาถึงตัวบ้าน ทั้งนี้ เจ้าท่าเข้ามาตรวจวัดในขณะนั้นโกหกตนเองบอกเพียงแค่ว่า วัดเอาไว้ไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร เพื่อจะได้ไม่ให้มีการก่อสร้างต่อเติมออกไปอีกเท่านั้น จึงยินยอมให้ตรวจวัด แต่สุดท้ายมาเรียกเก็บเงิน

ทางด้านนายเจะกาด  ทะเลลึก (เสื้อยืดสีฟ้า คอปกสีน้ำเงิน)  อายุ 71 ปี  กล่าวว่า ตนเองเกิดที่นี่ เติบโตที่นี่ ปู่ย่าตาทวดอาศัยอยู่ก่อน  พอจำความได้ก็เห็นว่าชายหาดอยู่ลึกลงไปในทะเล บ้านเรือนของชาวบ้านไม่มีใครก่อสร้างลงในน้ำ มีถนนอยู่กลางหมู่บ้าน แต่คลื่นกัดเซาะจนพังทลายทำให้น้ำทะเลรุกเข้ามาในพื้นที่อยู่อาศัยของชาวบ้าน จนมาถูกเจ้าท่าออกกฎหมายบังคับใช้ให้ต้องจ่ายค่าที่อยู่อาศัย คนละจำนวนมาก  ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก โดยหลายรายมีบ้านเพียง 1 หลัง ถูกเรียกเก็บเงินมากกว่า 10,000 บาท แต่ละรายไม่มีเงินจ่าย     ขณะที่ชาวบ้านรายอื่นๆก็เช่นเดียวกัน นำเอกสารการเรียกเก็บเงินของ อบต.เกาะลิบง มาโชว์ให้ผู้สื่อข่าว แต่ละรายคงค้างมาตั้งแต่ปี 2562 จนถึงปี 2565 รวมเป็นเงินหลายพันจนถึงนับพันบาท  พร้อมระบุทุกครัวเรือนอยู่มายาวนานจากรุ่นปู่ย่าตาทวดจนมาถึงรุ่นพวกตน  เป็นชุมชนดั้งเดิม ทุกคนอยู่มาโดยไม่คาดคิดว่าจะต้องมาจ่ายค่าเช่าบ้านของตนเอง ซึ่งตอนที่เจ้าท่าเดินทางมาตรวจวัดพื้นที่ บอกเพียงว่าตรวจวัดไป เพื่อป้องกันไม่ให้มีการก่อสร้างเพิ่มเติมออกไปเท่านั้น ไม่ได้บอกว่าจะต้องจ่ายเงินค่าที่อยู่ จึงทำให้เดือดร้อนอย่างหนัก ทุกครัวเรือนมีอาชีพทำประมงชายฝั่ง ซึ่งมีรายได้ไม่แน่นอน บางช่วงก็มีรายได้ แต่บางช่วงก็ไม่มีรายได้ เนื่องจากคลื่นลมมีกำลังแรงบางครั้งนานร่วม 1 – สัปดาห์ หรือบางช่วงที่ปกติ ออกไปก็ไม่คุ้มค่าน้ำมัน เนื่องจากน้ำมันบนเกาะมีราคาแพงกว่าน้ำมันบนฝั่ง ทำให้ทุกคนไม่มีปัญญาหาเงินมาจ่าย วอนรัฐเลิกเก็บเงิน  พร้อมประกาศหากทาง อบต.หรือกรมเจ้าท่าลงมาจัดเก็บ หรือมาตรวจยึดที่อยู่อาศัย พวกตนพร้อมต่อสู้ และยอมติดคุกไม่ยินยอมเสียที่อยู่อาศัยไปอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของชาวบ้านริมชายฝั่ง จ.ตรัง ที่ถูกเรียกเก็บค่าตอบแทนสิ่งล่วงล้ำลำน้ำ  พร้อมด้วยเครือข่ายสภาองค์กรชุมชนตำบลติดชายฝั่งทะเล เตรียมเคลื่อนไหวเข้ายื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัด และกระทรวงที่เกี่ยวข้องต่อไป เพื่อเรียกร้องให้ยกเลิกการจัดเก็บเงินค่าตอบแทนสิ่งล่วงล้ำลำน้ำดังกล่าว

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน