X

ทายาทรุ่น 3 สืบทอดสูตรขนมไทยของครอบครัว เน้นทำมือ ออเดอร์เพียบผลิตแทบไม่ทัน

 

ตรัง ทายาทรุ่น 3 สืบทอดร้านขายขนมไทย มีอายุเก่าแก่นับร้อยปี ใน อ.ย่านตาขาว โดยยังคงมีออเดอร์เข้ามาเยอะ จนผลิตแทบไม่ทัน แม้จะเจอสถานการณ์โควิด เพราะส่วนใหญ่เน้นทำมือ และต้องมีคุณภาพ พร้อมสาธิต วิธีการทำขนมไทย ตั้งแต่ขนมทองหยอด ขนมเม็ดขนุน ฝอยทอง ฯลฯ ซึ่งขนมที่ล้วนใช้ทักษะความชำนาญ อย่างพิถีพิถันกว่าจะได้ขนม แต่ละชิ้นแต่ละอย่าง ต้องใช้บางอย่างบางอย่างใช้เวลา 2-3 วันก็มี และยังมีข้าวเหนียวมะม่วง ก็จะเป็นมะม่วง 3 ชนิด ซึ่งช่วงนี้พบว่ามะม่วงมีราคาถูก ก็นำมาเพิ่มมูลค่าเพื่อได้ช่วยชาวสวนด้วย

 

ที่ร้านจีเป้า ต.ย่านตาขาว อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ซึ่งเป็นร้านขายขนมไทย มีอายุเก่าแก่นับร้อยปี จนปัจจุบันได้สืบทอดกันมาจนถึงทายาทรุ่นที่ 3 โดยนายเดช ณรงค์ฤทธิ์ อายุ 39 ปี ทายาทรุ่นที่ 3 ซึ่งเป็นลูกของ “จีเป้า” นางจินดา ณรงค์ฤทธิ์ อายุ 70 ปี ได้เปิดห้องครัว เชิญผู้สื่อข่าวดูวิธีการทำขนมไทย ตั้งแต่ขนมทองหยอด ขนมเม็ดขนุน ฝอยทอง ฯลฯ ซึ่งขนมที่ล้วนใช้ทักษะความชำนาญ อย่างพิถีพิถันกว่าจะได้ขนม แต่ละชิ้นแต่ละอย่าง ต้องใช้บางอย่างบางอย่างใช้เวลา 2-3 วันก็มี

ในส่วนของกรรมวิธีขั้นตอนในการทำขนมไทยจะเน้นการทำขนมแบบดั้งเดิม เช่น การทำทองหยอด ซึ่งจะมีแต่ไข่แดงและน้ำตาลเป็นวัตถุดิบหลัก เอาเฉพาะไข่แดงของไข่เป็ดและไม่ไก่ จากนั้นก็นำไข่แดงมาตีให้เข้ากัน ส่วนน้ำตาลนำมาเคี้ยวในกระทะตั้งไฟอ่อนๆ และนำส่วนผสมที่ผสมกันเรียบร้อยแล้ว มาปั้นเป็นลูกด้วยมือและหยอดลงในน้ำตาลที่เคี้ยวในกระทะทีละลูก และปัจจุบันได้ประยุกต์ใช้ช้อนชาปั้นเป็นลูกแล้วหยอดทีละลูก

นายเดช ณรงค์ฤทธิ์ บอกว่า ตนเองเป็นทายาทรุ่นที่ 3 ขนมนี้ขายมานานเป็นร้อยปีแล้ว ที่คนจะนิยมซื้อและถามหากันก็จะเป็นขนมทองหยอด ข้าวเหนียวมูน ทองหยิบ เม็ดขนุน ซึ่งคนในอำเภอย่านตาขาวจะรู้จักขนมร้านจีเป้าเป็นอย่างดี วัตถุดิบหลักที่ใช้ในการทำขนมไทยก็จะมีไข่เป็ด ไข่ไก่ น้ำตาล น้ำกะทิ ซึ่งในแต่ละวันจะใช้ไข่เป็ดประมาณวันละ 300 ลูก จะขายหมดทุกวัน รวมทั้งผ่านช่องทางออนไลน์และขายส่งต่างจังหวัดด้วย

ทั้งนี้ในสถานการณ์ที่วัตถุดิบ มีราคาขึ้นทุกอย่าง ตนเองในฐานะพ่อค้าทำขนมไทยก็ค่อนข้างที่จะหนักใจ แต่ด้วยความที่สงสารผู้บริโภค ก็ไม่ได้มีการปรับราคาขึ้นแต่อย่างใด ซึ่งราคาที่ขายเริ่มต้น 10-20 บาท ขายทุกวัน ตั้งแต่เวลา 03.00 น. – 21.00 น. ในส่วนของข้าวเหนียวมูน จะขายห่อละ 10 บาท ในแต่ละวันจัดเตรียมไว้ 20 -30 กิโลกรัม ในส่วนของข้าวเหนียวมะม่วง ก็จะเป็นมะม่วง 3 ชนิด ซึ่งช่วงนี้พบว่ามะม่วงมีราคาถูก ก็นำมาเพิ่มมูลค่าเพื่อได้ช่วยชาวสวนด้วย เมื่อนำมาทำข้าวเหนียวมะม่วง ก็จะเน้นอร่อย เนื้อเยอะ มีรสชาติหวานหอม ต่อวันจะใช้ข้าวเหนียวมะม่วงประมาณ 40-50 กิโลกรัม เน้นนึ่งข้าวเหนียวด้วยเตาถ่าน ขายกล่องละราคา 50 บาท

 

นอกจากนั้นในช่วงนี้ซึ่งเป็นช่วงเทศกาล นอกจากลูกค้าประจำก็จะมีลูกค้าหน้าใหม่มาซื้อขนมเป็นจำนวนมาก บางคนก็มีมาซื้อขนมที่ร้านของตนเองเป็นร้อยชิ้น เพื่อเอาไปจัดในงานมงคลบ้าง หรืองานทำบุญขึ้นบ้านใหม่บ้าง ส่วนในช่วงที่ทางจังหวัดห้ามจัดงานเนื่องจากสถานการณ์ covid-19 ก็อาจมียอดลดลงบ้าง แต่ก็ยังขายได้อยู่ เพราะว่าจะมีคนไปเยี่ยมคนไข้ หรือที่โรงพยาบาลสถานที่กักตัว ก็จะมาสั่งขนมจากร้านเพื่อนำไปเยี่ยมผู้ป่วยเช่นกัน
ในส่วนของกรรมวิธีขั้นตอนในการทำขนมไทย ก็จะเน้นการทำขนมแบบดั้งเดิม และมีการผสมผสานไปด้วย มีเทคโนโลยีเข้ามาช่วย เนื่องจากบางครั้งมีออเดอร์ลูกค้าสั่งเข้ามาเยอะก็ผลิตไม่ทัน แต่ส่วนใหญ่ก็จะเน้นทำมือทั้งหมด และขนมบางอย่างยังต้องใช้เตาถ่าน เพื่อความความหอมของขนม หลังจากนี้ก็คิดว่าจะมีการต่อยอด เตรียมจะเปิดสอนวิธีการทำขนมไทย เพราะเห็นว่าวิธีการทำค่อนข้างมีขั้นตอนเยอะ ละเอียด และกลัวว่าขนมไทยจะหายไป
ทั้งนี้ตนเองซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่ 3 อยากบอกแก่ลูกค้าหรือทุก ๆ คนว่า ขนมไทยมีประโยชน์และมีสารเจือปนน้อยมาก วิธีการทำละเอียดละอ่อน มีความอดทนสูง ต้องใช้ใจทำ ต้องมีความละเอียด และต้องมีความชอบส่วนตัวด้วย ซึ่งในการทำขนมแต่ละชิ้นแต่ละอย่าง ใช้เวลาในการทำเป็นชั่วโมง กว่าจะได้ขนมออกมาให้ได้กินกัน บางอย่างก็ 2-3 วันเลยทีเดียว กว่าจะได้ขนมชนิดนี้ขึ้นมา
หากลูกค้าสนใจสามารถติดต่อทาง Facebook ชื่อ Dej Naronglit หรือเบอร์โทรศัพท์ 0936892442  และยังมีส่งต่างจังหวัดด้วย ที่ส่งไปไกลสุดก็คือ กรุงเทพฯ จัดส่งแบบธรรมดา และแบบแช่แข็งก็ได้

 

 

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน