X

สทนช.ลงพื้นที่จ.ตรัง ติดตามคืบระบบระบายน้ำแม่น้ำตรัง แก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก

ตรัง เลขาฯ สทนช. ลงพื้นที่รุดติดตามความก้าวหน้าโครงการระบบระบายน้ำแม่น้ำตรัง แก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากพร้อมย้ำวางแผนการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่รับมือน้ำหลากพื้นที่ภาคใต้ล่วงหน้า ก่อนเข้าฤดูมรสุมช่วงเดือน ต.ค.- ธ.ค.นี้ 

เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2564 ดร.สมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ลงพื้นที่จ.ตรังติดตามความก้าวหน้าโครงการระบบระบายน้ำแม่น้ำตรัง โดยมีนายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวรายงานสภาพพื้นที่ของจังหวัดตรัง พร้อมด้วยนายไพฑูรย์ เก่งการช่าง ผอ.สนง.ทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาค 4 รายงานแผนบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูฝนและความก้าวหน้าโครงการระบบระบายน้ำในแม่น้ำตรัง หลังจากนั้นได้เดินทางมาดูความคืบหน้าประตูระบายน้ำแม่น้ำตรัง ตำบลหนองตรุด อำเภอเมืองจังหวัดตรัง

ทั้งนี้จากการลงพื้นที่ได้หารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมรับมือฤดูฝนในพื้นที่ภาคใต้ปี 2564 ณ โครงการระบบระบายน้ำแม่น้ำตรัง จ.ตรัง เพื่อติดตามความก้าวหน้าผลการดำเนินงานตาม 10 มาตรการรับมือฤดูฝนตามข้อสั่งการ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ซึ่งมีข้อห่วงใยต่อสถานการณ์น้ำหลากในพื้นที่ภาคใต้ ตามที่มีสัญญาณของปรากฏการณ์ลานีญ่าอ่อนๆ ในช่วงปลายปี โดยกำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทางด้านน้ำภายใต้ กอนช.ติดตามสภาพอากาศ และประเมินแนวโน้มสถานการณ์น้ำ ปริมาณฝน และพายุอย่างใกล้ชิด รวมถึงวางแผนบริหารจัดการน้ำอย่างรอบคอบเพื่อป้องกันและลดผลกระทบให้กับประชาชนล่วงหน้า ก่อนที่ภาคใต้จะเริ่มเข้าสู่ฤดูมรสุมในช่วงเดือนตุลาคม – ธันวาคม ซึ่งจากการติดตามสถานการณ์น้ำในแม่น้ำตรังขณะนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ ระดับยังต่ำกว่าตลิ่งทุกสถานี ขณะที่แหล่งน้ำใน จ.ตรัง มีความจุเก็บกักรวม 29.62 ล้าน ลบ.ม. ปัจจุบันมีปริมาณน้ำรวม 24.35 ล้าน ลบ.ม. แบ่งเป็น แหล่งน้ำขนาดกลาง 2 แห่ง แหล่งน้ำขนาดเล็ก 150 แห่ง โดยขณะนี้ยังไม่มีอ่างเก็บน้ำที่มีความเสี่ยงน้ำมากแต่อย่างใด แต่ก็ต้องไม่ประมาทจะต้องบริหารจัดการน้ำเพื่อรองรับปริมาณฝนที่ตกลงมาเพิ่มขึ้นในช่วงวันที่ 25 – 27 ก.ย. 64 มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง และในช่วง 1- 3 เดือนข้างหน้าด้วย

รองนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้หน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งกำจัดสิ่งกีดขวางทางน้ำทั้งที่เป็นสิ่งก่อสร้างและไม่ใช่สิ่งก่อสร้าง เร่งขุดลอกคูคลอง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ รวมทั้งการพร่องน้ำในคูคลองและอ่างเก็บน้ำให้มีที่ว่างพอสำหรับการรับน้ำหลาก นอกจากนี้ยังให้มีการเตรียมความพร้อมเครื่องจักรเครื่องมือ เช่น เครื่องสูบน้ำ เครื่องผลักดันน้ำ รถขุด เรือขุด การจัดเตรียมระบบโทรมาตรไว้คอยเฝ้าระวังแจ้งเตือนภัยให้ประชาชนทราบล่วงหน้า เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำได้อย่างทันท่วงที

ดร.สมเกียรติ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการเตรียมการรับมือน้ำหลากในช่วงฤดูฝนนี้ของโครงการระบบระบายน้ำแม่น้ำตรัง ซึ่งประกอบด้วยระบบคลองผันน้ำ ประตูระบายน้ำ และอาคารประกอบ ปัจจุบันโครงการจะมีความคืบหน้าประมาณ 57% แต่ในช่วงฤดูฝนนี้กรมชลประทานได้เตรียมทำการระบายน้ำผ่านคลองผันน้ำเมื่อปริมาณน้ำในแม่น้ำตรังมากกว่า 300 ลบ.ม./วินาที พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำบริเวณพื้นที่ลุ่มต่ำที่ติดอยู่กับแนวคลองผันน้ำ กรณีทีปริมาณน้ำมากหรือน้ำล้นตลิ่ง เพื่อปกป้องน้ำท่วมเขตเมืองตรัง ต.หนองตรุด ต.บางรัก ต.นาโต๊ะหมิง ซึ่งที่ผ่านมาเกิดปัญหาอุทกภัยสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในเขตชุมชนเมืองและพื้นที่ข้างเคียง เป็นประจำเกือบทุกปี อย่างไรก็ตาม เมื่อโครงการระบบระบายน้ำแม่น้ำตรังแล้วเสร็จประมาณปี 2565 กรมชลประทาได้ออกแบบไว้รองรับวิกฤตในอนาคตโดยสามารถรองรับการระบายน้ำได้ถึง 700 ลูกบาศก์เมตร/วินาที จากสถิติที่ต้องระบายน้ำสูงสุด 400 ลบ.ม./วินาที ก็จะบรรเทาอุทกภัย 3 ตำบลในเขตเมืองตรังเป็นพื้นที่กว่า 10,000 ไร่ได้อย่างยั่งยืน โดยสามารถนำน้ำที่เก็บกักน้ำไว้ใช้เพื่อการอุปโภคบริโภคและการเกษตรในช่วงฤดูแล้งกว่า 3,000 ไร่ อีกทั้งยังเป็นแหล่งน้ำต้นทุนในการผลักดันการรุกตัวของน้ำเค็ม เพื่อรักษาระบบนิเวศ และช่วยผลิตน้ำประปาได้ปีละประมาณ 1.74 ล้านลูกบาศก์เมตรด้วย

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน