X

ตรัง ซ้ำเติมยามวิกฤต หัวขโมยทุบกระจก ฝ้าเพดาน รื้อขโมยของ รีสอร์ทบนเกาะสุกรพังยับ

ตรัง เจ้าของรีสอร์ทชื่อดังบนเกาะสุกรสุดช้ำ เจอมือดีทุบกระจก รื้อฝ้าเพดานห้องพัก เอาสายไฟเหล็กลวด และอลูมิเนียมแขวนฝาเพดาน ข้าวของพังเสียหาย เบื้องต้นมูลค่าความเสียหายหลายแสนบาท โควิดว่าช้ำแล้ว แต่โดนคนร้ายทำลายทรัพย์สินยิ่งช้ำหนัก จึงอยากฝากให้เจ้าหน้าที่ช่วยดำเนินการเรื่องนี้ให้รวดเร็วด้วย เพื่อที่จับผู้ก่อเหตุครั้งนี้ให้ได้เร็วที่สุด

นายอภิรมย์ รักไทย อายุ 57 ปี และ นางทัชวรรณ รักไทย อายุ 59 ปี สองสามีภรรยาเจ้าของ สุกร คาบาน่า รีสอร์ทชื่อดังบนเกาะสุกร ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ ม.1 ต.เกาะสุกร อ.ปะเหลียน จ.ตรัง เข้าร้องสื่อหลังจากเกิดเหตุห้องพักในรีสอร์ทโดนคนร้ายทำลายทุบกระจก รื้อฝ้าเพดาน ในห้องพัก หลังปิดให้บริการตั้งแต่ช่วงโควิด19 โดยนายอาหลีหรือบังหลี วาดี อายุ 55 ปี ซึ่งเป็นผู้ดูแลรีสอร์ทประจำที่เกาะสุกรได้โทรแจ้งนายอภิรมย์พร้อมด้วยภรรยา ว่าห้องพักที่รีสอร์ทมีสภาพกระจกโดนทุบกระจกแตก แอร์ในห้องถูกรื้อลงมา ฝ้าเพดานโดนรื้อจนพังลงมา สายไฟ อลูมิเนียมฝ้าเพดานถูกรื้อแล้วขโมยไป จึงได้เดินทางเข้าแจ้งความที่ สภ.ปะเหลียน หลังจากเกิดเหตุเมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา
นายอภิรมย์ รักไทย อายุ 57 ปี เจ้าของสุกรคาบาน่ารีสอร์ท ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า ซึ่งก่อนหน้านี้รีสอร์ทของเราเปิดทำการมา 18 ปีแต่ในช่วงโควิด19 ทำให้เราต้องปิดรีสอร์ทเลยเพราะทำไปก็ไม่คุ้มค่าจ้าง ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นชาวต่างชาติเกือบ 100% ส่วนคนไทยนั้นจะมีเฉพาะช่วงเทศกาลหรือช่วงเดือนเมษายนเท่านั้น นอกนั้นจะเป็นฝรั่งทั้งหมดซึ่งเราก็หยุดมาตลอด และช่วงที่หยุดเราก็ได้จ้างผู้ดูแลรีสอร์ทแต่ก็ไม่ได้นอนประจำแต่จะอยู่ในพื้นที่เกาะสุกร ก็จะเข้ามาตรวจดูให้ประมาณ 2-3 วัน 1 ครั้ง บางทีก็ 4-5 วันหนึ่งครั้ง ก็เป็นอย่างนี้มาตลอดแต่ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 14 กันยายนที่ผ่านมา และ วันที่ 15 กันยายน คนดูแลพบว่ารีสอร์ทโดนทำลายแล้วก็รีบโทรแจ้งตนที่เป็นเจ้าของ  เพราะตอนนั้นที่ผู้ดูแลไม่ได้รีบโทรแจ้งก็พยายามสืบเสาะหาว่าอะไรเป็นอะไรใครทำอะไรที่ไหน ก็พอจะทราบคร่าวๆบ้างแต่ยังไม่ละเอียด ก็เลยโทรหาตนเองให้เข้าไปแจ้งความซึ่งได้ส่งภาพเข้ามาอย่างทาง LINE ก่อน เพื่อแจ้งให้รับทราบในเบื้องต้น แต่ตนเองก็ยังไม่ได้ลงพื้นที่เข้าไปดูทันทีเพราะยังติดธุระอยู่ แต่วันนี้ก็ได้เข้าไปแจ้งความแล้วที่ สภ.ปะเหลียน ซึ่งตำรวจก็รับเรื่องแล้ว พรุ่งนี้ก็นัดจะเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุที่เกาะสุกร

ซึ่งต้องบอกตรงนี้เลยว่ายังทำใจไม่ได้ไม่อยากจะลงไปดูสภาพในตอนนี้ แต่ก็ต้องลงไปดู เพราะต้องประเมินราคาทรัพย์สินที่เสียหายด้วย จากการตรวจสอบภาพจากที่ผู้ดูแลรีสอร์ทส่งภาพมาให้ทาง line นั้นความเสียหายไม่ต่ำกว่าหลักแสน ประมาณ 3-4 แสนขึ้นแน่นอน โดยแต่เดิมรีสอร์ทจะมีห้องพักทั้งหมด 17 ห้อง แต่เนื่องจากเราสร้างด้วยไม้ทำให้มีสภาพที่เสื่อมโทรมทำให้เราได้รื้อทิ้งออกไปบางส่วน ช่วง covid 19 เราก็ได้หรือทิ้งเลย เหมือนทรัพย์สินตัวไหนที่มีมูลค่าเราก็จะนำมาขายเป็นมือสองบ้างก็นำไปแจกจ่ายหรือนำไปบริจาค แล้วก็นำเงินที่เราไปขายเป็นมือสองมาแจกจ่ายให้แก่พนักงานบางส่วน ก็เหลือห้องพักอยู่ประมาณ 9 หลัง แต่ถ้าเป็นเตียงที่นอนผ้าห่มของเก่าๆเราก็แจกไป แจกชาวบ้านไปเป็นการทำบุญไปในตัวให้แก่คนที่ยากไร้ได้ใช้ไป

จากสภาพที่ดูลักษณะการทำลายก็มีทุบกระจกทุบฝ้าเพดานแตกกระจายหรือพวกอลูมิเนียมสายไฟออกมา ซึ่งคาดว่าน่าจะนำสายไฟออกไปขาย หรือประเภทมือสองของเก่าเอาออกนำไปขาย แต่ยังไงก็ต้องตรวจสอบอีกที
จากเหตุการณ์นี้ที่เกิดขึ้นทำให้หมดกำลังใจที่จะทำต่อซึ่งเราทำมา 10 กว่าปีไม่เคยเกิดเหตุการณ์แบบนี้ชื่อสุกรคาบาน่ารีสอร์ทซึ่งนับว่าเป็นรีสอร์ทที่มีชื่อเสียงในเกาะสุกรแห่งหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งเมื่อก่อนจะอยู่กันแบบสงบสุข ไม่มีโจรไม่มีการบุกรุกทำลายทรัพย์สิน ซึ่งเมื่อก่อนก็เคยปล่อยทิ้งเป็นเดือนไม่มีของหาย ไม่มีการทำลายทรัพย์สินแต่ในช่วงหลังนี้ปล่อยไม่ได้เลยเพราะมันไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้นอาจจะเป็นเพราะสังคมเปลี่ยนไปในช่วง covid 19 ทำให้สภาพความเป็นอยู่ของชาวเกาะบ้านเปลี่ยนไป
ทั้งนี้ตนเองก็มีความคาดหวังแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจว่าอยากให้จับตัวคนร้ายให้ได้ ถ้าความยุติธรรมนี้ยังอยู่อยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจทำไปตามหลักฐานที่ได้พบเจอเพราะเราก็เสียหายมากจริงๆ และอีกอย่างเราก็ทำเพื่อส่วนรวมด้วยไม่ได้ทำเพื่อส่วนตัว และเราก็ช่วยเหลือชาวบ้านอยู่แต่ ณตอนนี้ รู้สึกหมดกำลังใจไปเลย ซึ่งยิ่งช่วงโควิด19 ก็ไม่มีรายได้เข้ามาอยู่แล้ว ก็ยิ่งขาดทุนค่าดูแลที่เราให้พนักงานดูแลแต่ละเดือนเราก็ทิ้งเปล่าเลย ตอนนี้ก็ขาดทุนหนักทำให้ต้องหยุดไปโดยปริยาย เจออย่างนี้คือช็อกไม่รู้จะทำไปทำไม แต่หากมีเจ้าหน้าที่มาคอยดูแลให้เต็มที่ช่วยเป็นหูเป็นตาเยอะกว่านี้และสามารถจับผู้ร้ายได้ เราก็มีกำลังใจขึ้นอย่างน้อยก็ไม่ได้ทอดทิ้งผู้ประกอบการ จึงอยากฝากให้เจ้าหน้าที่ช่วยดำเนินการเรื่องนี้ให้รวดเร็วด้วย เพื่อที่จับผู้ก่อเหตุครั้งนี้ให้ได้เร็วที่สุด
ในส่วนของคนร้ายนั้นเบื้องต้นผู้ดูแลก็มีความสงสัยกลุ่มวัยรุ่นคาดว่าน่าจะเป็นคนในพื้นที่ แต่ยังไม่สามารถระบุตัวตนได้ต้องรอให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเก็บพยานรวบรวมหลักฐานก่อน โดยหาแหล่งของที่หายไปว่านำไปขายที่ไหนบ้าง

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน