X

มีดกรีดยางตรัง ครอบครัวตีมีดกรีดยางสืบสานภูมิปัญญาชาวบ้าน

“ ครอบครัว” อนุรักษ์อาชีพตีมีดกรีดยางสืบสานภูมิปัญญาชาวบ้านก่อนจะสูญหายไป จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าโอทอปหนึ่งเดียวของจังหวัดตรัง มียอดสั่งซื้อทั่วประเทศ โดยเฉพาะจากภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ที่บ้านเลขที่ 72 หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.รัษฎา จ.ตรัง ริมถนนสายห้วยยอด – อ.รัษฎา ถ้าใครผ่านไปมาจะเห็นมีดกรีดยางขนาดใหญ่ติดตั้งไว้หน้าบ้าน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญของครอบครัวหนึ่งที่มีอาชีพตีมีดกรีดยางด้วยภูมิปัญญาชาวบ้านที่นับวันจะสูญหายไป โดยมีดกรีดยางซึ่งเป็นอุปกรณ์สำคัญของชาวสวนยางพารา อาชีพหลักของชาวภาคใต้ แต่ขณะนี้เป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างงานสร้างอาชีพให้เกษตรกรทั่วประเทศ และสร้างรายได้เข้าประเทศปีละจำนวนมาก

ทั้งนี้ นายธงรัตน์ แสงผึ้ง หรือช่างธง พร้อมด้วยนางสุปรีย์ญา แสงผึ้ง ภรรยา และลูกๆ ร่วมกันอนุรักษ์การตีมีดกรีดยางแบบโบราณด้วยภูมิปัญญาชาวบ้าน โดยการใช้คนตีขณะเข้ารูป และเผาด้วยไฟที่ได้จากถ่านไม้เนื้อแข็งที่ให้พลังงานความร้อนสูง เป็นอาชีพหลักของครอบครัว จนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าโอทอปหนึ่งเดียวของจังหวัดตรัง ทั้งนี้ พบว่าคนงานกำลังเร่งตีมีดกรีดยาง ที่ทำจากเหล็กกล้าที่แข็งแรง ทนทาน และให้ความคมตามที่ต้องการ โดยที่ผ่านมาอาชีพตีมีดกรีดยาง เป็นอาชีพดั้งเดิมของคนตรัง ซึ่งเป็นถิ่นกำเนินยางพาราต้นแรกของไทย โดยพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี้ ณ ระนอง) บิดาแห่งยางพาราไทย เป็นคนนำเข้ามาปลูกไว้ให้ลูกหลานชาวไทย เดิมครอบครัวที่มีฝีมือในการตีมีดกรีดยางจำหน่ายให้แก่ชาวสวนยางมีเป็นจำนวนมาก ซึ่งโดยหลักความจริงอาชีพช่างตีมีกรีดยางน่าจะถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น แต่ในปัจจุบันนี้กลับพบว่าแทบจะไม่มีให้เห็นแล้ว ตรงกันข้ามกับครอบครัว “ช่างธง” ซึ่งบรรพบุรุษไม่ได้มีอาชีพตีมีดกรีดยางขาย จึงไม่ได้รับการถ่ายทอดมา แต่ “ช่างธง” ซึ่งเดิมมีอาชีพเป็นคนรับซื้อและขายเศษเหล็กมาก่อน และเห็นว่าอาชีพตีมีดกรีดยางกำลังจะสูญหายไป คงมีมีดกรีดยางจากโรงงานต่างๆของนายทุนเข้ามาแทนที่ จึงมีความสนใจไปเรียนจากช่างฝีมือตีเหล็กที่มีความเชี่ยวชาญ จนกลายเป็นอาชีพเลี้ยงครอบครัวในปัจจุบัน โดยสร้างแบรนด์มีดกรีดยางเป็นของตนเองชื่อ “ ธ ฅนนิยม” เพื่อขายความเป็นเอกลักษณ์ของมีดให้ลูกค้าจดจำได้ง่าย โดยส่งขายทั่วประเทศ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทั้งนี้ มีคนงานซึ่งเป็นช่างที่มีฝีมือรวมแล้วประมาณ 6 – 7 คน แต่ละคนก็มีหน้าที่แตกต่างกันตามความชำนาญในแต่ละด้าน ทั้งช่างตัด ช่างเชื่อม และช่างตี ทั้งนี้ ช่างเชื่อม และช่างตัดจะหาแรงงานได้ง่าย แต่ช่างตี ต้องเป็นคนที่มีความชำนาญเท่านั้น กว่าจะได้มีดกรีดยางออกมาแต่ละเล่มใช้เวลานานมาก เพราะเป็นงานช่างฝีมือ เริ่มตั้งแต่การนำเหล็กมาตัดเป็นท่อน และมาขึ้นรูปมีดให้ได้ตามต้องการ จากนั้นก็นำเหล็กไปเผาไฟให้ร้อนแล้วตีออกมาให้เป็นมีดกรีดยางตามขนาดที่ต้องการ โดยช่างต้องใช้เวลาตีนานมากกว่าจะได้สักเล่ม เพราะถือเป็นงานช่างฝีมือ ทั้งนี้ ขั้นตอนการตีมีดนั้น เริ่มจากการคัดเหล็กอย่างดี เช่น เหล็กแป๊ป เหล็กแบนสองหุน เหล็กหกหุน เหล็กสี่เหลี่ยมตัน และเหล็กใบกบแท้ ซึ่งมีคุณสมบัติพิเศษคือ ไม่เป็นสนิม มีความคม สามารถใช้งานได้ยาวนาน ซึ่งการตีมีดกรีดยางต้องเป็นช่างที่มีฝีมือ ผ่านการฝึกฝนจนเกิดความชำนาญ ต้องใช้ความอดทน ทั้งการตัดด้าม การขึ้นรูป การพับงอปลายมีด การเจีย การจับรอยให้เป็นทรงมีด ซึ่งต้องอาศัยความชำนาญเท่านั้น อาชีพช่างตีมีดกรีดยาง นอกจากใช้ความร้อนแล้ว ยังต้องใช้ความแรงที่เหมาะสมและทักษะในการตีลงไปแต่ละครั้งด้วย จึงจะได้มีดกรีดยางที่มีคุณภาพ ซึ่งหากได้มีดกรีดยางดีจะทำให้การกรีดง่าย ได้น้ำยางมาก และที่สำคัญถนอมหน้ายาง ทั้งนี้ มีดกรีดยางที่ดีต้องทำด้วยมือเท่านั้น ไม่ใช่ทำหรือผลิตจากเครื่องจักร ทั้งนี้ ช่วงที่ยางพารามีราคาดี ทำให้มีการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกยางเพิ่มมากขึ้นไปทั่วประเทศ แต่บางช่วง ซึ่งยางพาราตกต่ำ ทำให้รัฐบาลมีนโยบายลดพื้นที่การปลูก ขณะเดียวกันเกษตรกรหันไปปลูกชนิดอื่นแทน จึงมีผลต่อปริมาณการใช้มีดกรีดยางลดลง จึงทำให้อาชีพตีมีดกรีดยางที่อดีตเคยมีจำนวนหลายรายได้สูญหายไป ไม่มีคนสืบทอด ประกอบกับการตีมีดกรีดยางเป็นเรื่องยาก เพราะต้องอาศัยคนที่มีความรู้และความชำนาญเท่านั้น จึงจะตีได้มีดกรีดยางที่มีคุณภาพ แข็งแรง ทนทาน และคม

นายธงรัตน์ แสงผึ้ง หรือช่างธง กล่าวว่า เดิมตนเองมีอาชีพรับซื้อเศษเหล็กทั่วไป แหนบ รวมทั้งเหล็กต่างๆที่จะใช้สำหรับการตีมีด ไปส่งขายให้กับช่างตีเหล็ก สุดท้ายไปพบอาจารย์คนหนึ่งที่มีความชำนาญในการตีเหล็ก จึงบอกให้ตนเองเลิกอาชีพรับซื้อเศษเหล็กไปส่งขาย ให้หันมาฝึกตีมีด จึงไปเรียนวิชาตีมีดกับอาจารย์ท่านนั้น จากนั้นได้นำวิชามาเปิดทำธุรกิจตีมีดกรีดยางส่งขาย โดยทำมานานกว่า 10 ปีแล้ว และเป็นครัวเดียวในจังหวัดตรังที่สืบสานการตีมีดกรีดยางด้วยคน โดยใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านจนได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสินค้าโอทอปของจังหวัดตรัง โดยเหล็กที่นำมาตีเป็นเหล็กนำเข้าที่ตนเองไปประมูลซื้อต่อมาจากโรงงานผลิตไม้กระดานอัด และโรงงานผลิตไม้ยางพาราสำหรับทำเฟอร์นิเจอร์ รวมทั้งเหล็กใบกบแท้ 100 % ที่สามารถตีออกมาได้คมกริบ จากการทดลองสามารถกรีดได้สูงถึง 1,200 ต้นต่อการลับ 1 ครั้ง ทั้งนี้ ถ้านับตั้งแต่ขั้นตอนการตัดห่อ การลงคอ การตี การตีแผ่ การเก็บเรียบ การพับครอง ใช้เวลาต่อเล่มไม่ต่ำกว่า 15 นาที ตลาดส่งขายส่วนใหญ่ของมีดกรีดยาง “ธ ฅนนิยม” คือ ที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งโดยทั่วไปมีดกรีดยางในท้องตลาดจะมีหลายราคา เพราะส่วนใหญ่เป็นมีดกรีดยางที่ทำในโรงงาน โดยใช้วิธีปั๊มด้วยเครื่องจักร เลียนแบบมีดตี ซึ่งลักษณะเหมือนกับมีดตีมาก แต่คุณภาพต่ำกว่า แต่หากเป็นมีดกรีดยางที่ผ่านการตีด้วยแรงงานคน ราคาจะสูงกว่า เพราะแข็งแรง ทนทาน และมีคุณภาพกว่า และใช้เหล็กอย่างดี และแรงงานของช่างบางตำแหน่งสูงถึงวันละ 1,000 บาท เพราะต้องอาศัยฝีมือและความชำนาญล้วน ๆ โดยราคาขาย จะแบ่งออกทั้งหมด 4 รุ่น น้ำหนักและสเปคไม่เท่ากัน ทั้ง คอเบา คอหนัก แม็กโคเล็ก แม็กโคใหญ่ ถ้าขายปลีกราคาเล่มละ 360 – 380 บาท โดยส่งขายทั่วประเทศ โดยเฉพาะในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่ขณะนี้เกษตรกรหันมาปลูกยางพารากันมากขึ้น และในช่วงที่ราคายางพาราตกต่ำ ก็ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะใช้วิธีขายเชิงรุก ผ่านตัวแทนจำหน่าย ซึ่งยังมียอดสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่อง ทั้งนี้ หากใครสนใจสั่งซื้อมีดกรีดยาง “ ธ.ฅนนิยม” สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ที่ 093 -7381228 ,087 – 8964716 สินค้าโอทอปหนึ่งเดียวในจังหวัดตรัง

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน