ครอบครัวยากจน อาศัยอยู่ร่วมกัน 7 คน ขณะที่สามีผู้เป็นกำลังหลักของครอบครัว ซึ่งทำงานอยู่เกาะพีพี จ.กระบี่ รายได้ลดลง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากโควิด 19 จนไม่สามารถส่งเงินมาจุนเจือครอบครัวได้มาประมาณ 2 เดือนแล้ว ขณะที่ลงทะเบียนรับเงินช่วยเหลือ 5,000 บาท กลับได้รับคำตอบว่าเป็นเกษตรกร ทำให้ไม่ได้รับสิทธิ์ ทั้งๆที่ไม่มียางหรือปาล์มน้ำมันสักต้น วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือ โดยเฉพาะ อบต.ไม่มีแผนช่วยเหลือชาวบ้านในสถานการณ์นี้เลย
วันที่ 3 พฤษภาคม 2563 ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานว่าที่ ม.2 ต.บางเป้า อ.กันตัง จ.ตรัง มีครอบครัวยากจน และกำลังประสบกับความยากลำบาก เนื่องจากหัวหน้าครอบครัว ซึ่งทำงานอยู่ที่เกาะพีพี จ.กระบี่ ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด19 ทำให้รายได้ลดลงอย่างมาก ไม่สามารถส่งเงินมาดูแลครอบครัวได้ ซึ่งครอบครัวดังกล่าว เป็นครอบครัวของนางฉวีวรรณ ไขสระ อายุ 43 ปี อาศัยอยู่บ้านเช่าเลขที่ 5/2 ม.2 ต.บางเป้า อ.กันตัง จ.ตรัง มีสมาชิกอยู่ร่วมกัน จำนวน 7 คน คือ นางฉวีวรรณ ไขสระ นางดำ ไขสระ (แม่ชรา) อายุ 79 ปี ลูกสาวฝาแฝดสองคน อายุ 4 ขวบ , อายุ 8 ขวบ ,อายุ 15 ปี และลูกสาวคนโต อายุ 21 ปี ซึ่งพิการทางสติปัญญาไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งเดิมเป็นบ้านเช่าหลังนี้ เป็นบ้านของตัวเอง อาศัยอยู่ใกล้ๆกันกับบ้านพี่ๆน้องๆ แต่นำไปขายฝาก แต่เพราะความไม่เข้าใจทำให้บ้านตกไปเป็นของเจ้าหนี้ จนตอนนี้ต้องมาเช่าบ้านของตัวเองอยู่เดือนละ 2,000 บาท ส่วนลูกๆ 4 คน ก็อยู่ในวัยเรียน แต่ขณะนี้โรงเรียนปิด
นางฉวีวรรณ ไขสระ กล่าวว่า สามีของตนไปรับงานโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าเอกชน ที่ เกาะพีพี จ.กระบี่ เป็นเวลาประมาณ 7 ปี โดยทุกเดือนก่อนหน้านี้สามีจะส่งเงินมาให้เดือนละ 2 งวดๆละ 5,000 บาท รวมเดือนละ 10,000 บาท นอกจากนั้นได้เงินผู้พิการของลูกเดือนละ 800 บาท และเงินเด็กแรกคลอดของลูกสาวฝาแฝด 2 คน รวม 1,200 บาท รวม 12,000 บาท แต่พอไม่มีเงินจากสามีส่งมา จึงทำให้เดือดร้อนหนัก ขณะที่ตนอยู่บ้าน ก็หันมารับจ้างซักผ้า และรับจ้างทั่วไป รวมทั้งรับจ้างเก็บน้ำยางพารา ทำให้มีรายได้วันละประมาณ 100 – 200 บาท พอมีเงินได้ใช้จ่ายในครอบครัว แต่เมื่อเกิดโรคระบาดโควิด19 โรงแรม ห้องพัก บนเกาะพีพี ต้องหยุดดำเนินกิจการ ทำให้สามีไม่มีงานทำ จึงไม่เงินส่งมาให้ครอบครัวเป็นเวลาประมาณ 2 เดือนแล้ว ส่วนงานรับจ้างที่ตนทำอยู่มีรายได้ลดลง รวมทั้งหันมารับจ้างซักผ้า แต่ก็ไม่ค่อยมีงาน ทำให้ครอบครัวที่อยู่ร่วมกันถึง 7 คน ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ส่วนสามีขณะนี้ก็ยังติดอยู่ที่เกาะพีพี ยังเดินทางกลับมาไม่ได้ และไม่มีเงิน ส่วนตัวเคยขอความช่วยเหลือจากสมาชิก อบต.ในพื้นที่ แต่ได้รับการปฏิเสธว่าไม่สามารถช่วยเหลือได้ ทั้งถุงยังชีพทาง อบต.ก็ไม่มี และไม่มีงบประมาณส่วนนี้ ทุกวันนี้ตนได้รับความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ จากเพื่อนบ้าน ญาติพี่น้อง และต้องอยู่อย่างขัดสนอย่างหนัก ส่วนเงินช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบปัญหาทางสังคม ในสถานการณ์โควิด -19 จำนวน 5,000 บาท จากทางรัฐบาล ในการลงทะเบียนครั้งแรกตนเองไม่ได้รับการพิจารณา โดยได้รับการระบุว่าตนเองเป็นเกษตรกร ทั้งๆที่ตนเองระบุว่ามีอาชีพซักผ้า และตนเองไม่เคยมีสวนยางพาราหรือสวนปาล์มน้ำมันแม้แต่ต้นเดียว แต่ได้รับการตอบกลับมาอย่างนั้น ทำให้ไม่ได้รับเงินดังกล่าว และตนได้ยื่นทบทวนสิทธิ์ไปแล้ว แต่ยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบข้อมูล โดยอยากให้ได้รับการอนุมัติโดยเร็ว และอยากให้ครอบครัวเข้าถึงสิทธิ์ดังกล่าวนี้ด้วย ในฐานะคนไทยคนหนึ่งที่เสียภาษีเหมือนกัน และวอนขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงมาดูแลบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น เช่น ถุงยังชีพ ให้กับครอบครัว โดยนางฉวีวรรณ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตนเองไม่เคยขอความช่วยเหลือใดๆ จากใครเลย เพราะสามีส่งเงินมาให้ทุกเดือน แต่ขณะนี้เดือดร้อนมาก เพราะสามีติดอยู่เกาะพีพี ไม่มีรายได้ส่งมาให้ตนกับลูก และไม่ทราบสถานการณ์ของโรคจะหมดไปเมื่อใด ทำให้หาทางออกไม่เจอ ทำได้แค่พยายามหางานรับจ้างทำ แต่ขณะนี้งานต่างๆ ก็ไม่มี
เช่นเดียวกับเพื่อนบ้านและญาติพี่น้องอีกหลายคน และหลายครอบครัว ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เข้าไม่ถึงสิทธิ์ความช่วยเหลือดังกล่าวเช่นเดียวกัน ลงทะเบียนไปแล้ว แต่ไม่ได้รับสิทธิ์ ต่างร้องขอให้สามารถเข้าถึงสิทธิ์ความช่วยเหลือจากรัฐบาลและหน่วยงานภาครัฐบ้าง โดยในครอบครัวไม่มีใครรับเลย ทั้งๆที่มีอาชีพค้าขายและได้รับความเดือดร้อนเหมือนกัน นอกจากนั้นหมู่บ้านอื่นๆมีถุงยังชีพมาช่วยเหลือ แต่หมู่บ้านนี้ ไม่เคยได้รับ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ใจบุญอยากจะช่วยเหลือ สามารถโอนเงินช่วยเหลือได้ ชื่อบัญชีนางฉวีวรรณ ไขสระ ธนาคารออมสิน สาขากันตัง หมายเลขบัญชี 020- 265-174 -175
