X

ตรัง – สาทิตย์ขอนายกนั่งบัญชาการศูนย์โควิด

สาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ ขอนายกรัฐมนตรีนั่งบัญชาการ ศูนย์ข้อมูลโควิดด้วยตนเอง และทำงานรวมศูนย์ ขจัดปัญหาความขัดแย้ง อย่าให้เกิดการทุจริต และต้องประกาศแผนการรับมือให้ชัดเจน เหมือนประเทศสิงคโปร์ที่ประกาศแผนทันทีหลัง WHO ประกาศโควิด 19 ระบาดใหญ่ระดับโลก ต้องให้ความรู้และสร้างความเข้าใจกับประชาชน ทั้งนี้ ไวรัสโควิดมีความรุนแรงมากกว่าทุกโรค แต่ไทยเรามีประสบการณ์รับมือโรคอื่นมาก่อนแล้ว เชื่อเราจะผ่านวิกฤติปัญหานี้ไปได้

วันที่ 15 มีนาคม 2563 นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง เขต 2 พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ไวรัสโควิด 19 ถูกองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศเป็นภาวการณ์แพร่ระบาดใหญ่ระดับโลก หรือ pandemic ย่อมส่งผลกระทบอย่างมากต่อทางด้านเศรษฐกิจและสังคม สิ่งที่รัฐบาลดำเนินการถูกต้องแล้วคือ การตั้งศูนย์ข้อมูลโควิด (ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข) และให้ข้อเท็จจริงกับประชาชน แต่สิ่งที่รัฐบาลจะต้องทำต่อคือ การปรับกลไกมือไม้ของรัฐบาลให้อยู่ในทิศทางเดียวกัน ปัญหาความขัดแย้งต่างๆไม่ควรเกิดขึ้น เช่น กรมศุลกากรกับกรมการค้าภายใน หรือปัญหาของสมาคมขายยากับกรมการค้าภายในไม่ควรเกิดขึ้น กลไกมือไม้ของรัฐบาลจะต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ต้องให้ความมั่นใจกับประชาชนได้ เพราะปัญหาโควิด 19 สร้างความทุกข์ ความกังวลใจให้กับคนไทยมากอยู่แล้ว การรวมศูนย์ทำงานของรัฐบาลจะต้องรวมศูนย์ทุกหน่วยงานเข้าจริงๆ การเกิดปัญหาความขัดแย้งใดๆรัฐบาลจะต้องจัดการปัญหานั้นโดยเร็ว ที่สำคัญกรณีข่าวเรื่องการทุจริตคอรับชั่นขายหน้ากากอนามัย ก็เป็นเรื่องหนึ่งที่ต้องจัดการโดยเร็ว เพื่อสร้างความเข้าใจกับประชาชน รวมทั้งการให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ ทั้งสถานีอนามัย หรือแพทย์ พยาบาลประจำโรงพยาบาลด้วยเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยต้องเร่งทำ และให้ความรู้กับประชาชน ถ้าเราทำในกระบวนการแบบนี้ซึ่งเป็นการบริหารประเทศในภาวะวิกฤติ ไทยเราก็จะผ่านภาวะวิกฤตินี้ไปได้ ส่วนตัวมองว่าการแพร่ระบาดของโควิด 19 มีความรุนแรงมากกว่าโรคอื่นที่เคยรับมือ แต่ไทยเรามีประสบการณ์ในการรับมือโรคอื่นๆมาแล้ว และครั้งนี้เรามีเวลาตั้งหลักก็น่าจะผ่านไปได้ แต่ที่สำคัญต้องให้ความรู้กับคน และมาตรการก็จะต้องเข้มงวด และผู้ที่อยู่ในข่ายที่เป็นกลุ่มเสี่ยงก็อยู่ในจิตสำนึกส่วนตัวในการที่จะระมัดระวังตัวเองด้วย และนายกรัฐมนตรีเองก็ต้องมาบัญชาการอย่างชัดเจนให้ทุกหน่วยงานเดินทางตามกรอบทิศทางที่นโยบายที่รัฐบาลกำหนดไว้อย่างเคร่งครัด ส่วนในการประเมินเรื่องผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจเป็นเรื่องถัดไป อย่างในกรณีที่ประเทศสิงคโปร์หลังจาก WHO ประกาศว่าโรคนี้ระบาดระดับโลก เขาก็ออกมาบอกประชาชนเลยว่าแผนรับมือทางด้านสาธารณสุข ด้านท่องเที่ยว ด้านเศรษฐกิจเป็นอย่างไร ไทยเราก็ควรทำเช่นนั้น

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน