ตำรวจภูธรภาค 3 ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.)นวัตกรรมในการลดอุบัติเหตุ
เปิดกิจกรรม “โคราชร่วมใจสวมหมวกนิรภัย ลดเสี่ยง ลดตาย”
เนื่องจากอุบัติเหตุของจังหวัดนครราชสีมาอำเภอเมืองมีพื้นที่ ที่เป็นจุดเสี่ยงจำนวน 6 จุดดังนี้สี่แยกหัวทะเลบริเวณหน้าโลตัสถนนราชสีมาโชคชัยสี่แยกคอกวัวบ้านหนองกระทุ่มบ้านเลียบถนนเลี่ยงเมืองตำบลปรุใหญ่หน้าตู้ยามสี่แยกบ้านโพธิ์ตำบลบ้านโพธิ์ถนนมิตรภาพขอนแก่นตู้ยามบ้านใหม่ถนนเพชรมาตุคลาตำบลมะเริงที่ทำการผู้ใหญ่บ้านตำบลพลกรังอำเภอขามทะเลสอโคกสูงเป็นจุดเสี่ยงที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุของอำเภอเมืองจังหวัดนครราชสีมาข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุปีใหม่ 2561 มีจำนวน 11 ครั้ง31 รายหญิง 3 รายไม่มีผู้เสียชีวิตเทียบสถิติอุบัติเหตุปี 2559 ถึง2560 หญิง สถิติการเกิดอุบัติเหตุลดลงสาเหตุเกิดอุบัติเหตุของอำเภอเมืองนครราชสีมาขับรถเร็วขับรถระยะกระชั้นชิดและฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรและถนนที่มีจุดเสี่ยงมากได้แก่ทางโค้งและจุดกลับรถมีอันตรายได้แก่เส้นมิตรภาพตั้งแต่อำเภอสีคิ้วอำเภอสูงเนินโคกกรวดรถวิ่งมากจุดกลับรถต้องใช้ความระมัดระวังให้มากหรืออนาคตอาจจะมีจุดกลับรถรูปเกือกม้าเพิ่มขึ้น
วันที่ 7 กันยายน2561เวลา 10.00 น.ณ บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ตำบลในเมืองอำเภอเมืองจังหวัดนครราชสีมาพิธีเปิดโครงการโคราชร่วมใจสวมหมวกนิรภัยลดเสี่ยงลดตายโดยพลตำรวจโทดำรงศักดิ์ กิตติภัสร์ประธานในพิธีพร้อม พร้อมนายวิเชียร จันทรโณทัยผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 2 พลตำรวจตรีวัชรินทร์ บุญคงผบก.ภ.จังหวัดนครราชสีมาและนายชัชวาล วงศ์จรประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมาร่วมในพิธี
เพื่อทราบนโยบายด้านความปลอดภัยการถนนของจังหวัดนครราชสีมามาตรการการสวมหมวกนิรภัยของนักเรียนนักศึกษาและพนักงานสถานประกอบการอุตสาหกรรมมีผู้เข้าร่วมพิธี ตั้งขบวนรถยนต์รถจักรยานยนต์เข้าร่วมกิจกรรมโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรสถานีตำรวจภูธรเมืองนครราชสีมาอำนวยความสะดวกต่อมาผู้การตำรวจภูธรภาค 3ประธานในพิธีพร้อม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 2ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาและหัวหน้าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปล่อยแถวขบวนรถจักรยานยนต์ที่สวมหมวกกันน็อคนิรภัยเพื่อประชาสัมพันธ์โครงการโคราชร่วมใจสวมหมวกนิรภัยลดเสี่ยงลดตายไปในเขตเทศบาลนครราชสีมา
จังหวัดนครราชสีมา มีพื้นที่รับผิดชอบและประชากรมากที่สุดในประเทศไทย เป็นประตูสู่อีสาน เส้นทางคมนาคมยาวกว่า 8,000 กิโลเมตร มีทางหลวงสายสาคัญเชื่อมโยงระหว่างจังหวัด ทาให้จำนวนผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจราจรในปี 2560 มีจานวนถึง 512ราย เป็นอันดับ 1 ของประเทศ ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดคือ “รถจักรยานยนต์” อุบัติเหตุทางถนนร้อยละ 80 เกิดจากความประมาทของผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตถึงร้อยละ 86 สาเหตุจากการไม่สวมหมวกกันน๊อค แต่รถกระบะเป็นยานพาหนะที่มีการตายมากสุดเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ส่วนสาเหตุที่ทาให้เกิดอุบัติเหตุที่มีผู้เสียชีวิตมาก คือ ขับรถเร็วเกินกาหนด ตัดหน้ากระชั้นชิด หลับใน แซงที่ขับขัน เมาแล้วขับ
ตำรวจภูธรภาค 3 ร่วมกับสานักงานกองทุนสนับสนุนสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) โดยมีมูลนิธิป้องกันอุบัติเหตุทางถนนและอาชญากรรมเป็นที่ปรึกษา จัดทาโครงการ การสร้างสรรค์นวัตกรรมในการลดสถิติผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนบนพื้นฐานระบบงานสืบสวน อบถ.ตารวจภูธรภาค 3ใน 8จังหวัดที่รับผิดชอบ ในระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ 2561 ถึงเดือนกันยายน2561 ทาการสืบสวนวิเคราะห์หาสาเหตุและสร้างสรรค์นวัตกรรมในการป้องกันอุบัติเหตุ พบว่า เกิดจากพฤติกรรมของผู้ขับขี่เป็นปัจจัยหลักที่เกิด ไม่ว่าจะเป็น การขับรถเร็วเกินกำหนด ตัดหน้ากระชั้นชิด หลับใน เมาแล้วขับ เป็นสาเหตุหลัก โดยมี รถ ถนน และสิ่งแวดล้อม เป็นองค์ประกอบรองลงมา อีกทั้งพบว่าร้อยล่ะ 80 ของผู้เสียชีวิต ไม่ใช้อุปกรณ์นิรภัย เช่น หมวกกันน๊อค ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย จึงได้มีนวัตกรรมในการลดอุบัติเหตุ คือ นวัตกรรมการทาคนน้อยให้เป็นคนมาก ให้ตำรวจสายตรวจช่วยกันกวดขันการสวมหมวกนิรภัย การคาดเข็มขัดนิรภัย นอกเหนือจากการออกตรวจปกติ นวัตกรรมการบูรณาการภาคีเครือข่ายช่วยระดมความคิด กาหนดแนวทาง นวัตกรรมคัดเลือกหมู่บ้านวินัยการจราจรดีเด่น นวัตกรรมขับขี่ปลอดภัยของหน่วยงานต่างๆ ฯลฯ รวม 9 นวัตกรรม ที่จะดาเนินร่วมกับศูนย์อานวยการความปลอดภัยทางถนนทั้ง 8จังหวัดขับเคลื่อนไปด้วยกัน จากการดาเนินการในห้วงที่ผ่าน 
