X

สลดเร่งช่วยเหยื่อภัยออนไลน์แม่จูงลูกสาว 11 ขวบนอนกลางถนนหน้าโรงพัก!

ชัยภูมิ – หลังท้อชีวิตป่วยซึมเศร้าถูกหลอกโอนเงินซื้อรถยนต์กระบะผ่านออนไลน์ ต้องหมดตัวกว่า 150,000 บาท หลังเข้าแจ้งความไว้มานานเกือบปี คดีไม่คืบ วอนหน่วยงานเกี่ยวเร่งจับคนร้ายให้ได้เสียที!

( 28 พ.ย.66 ) หลังวานนี้เกิดกรณีมียายจูงบุตรสาววัย 11 ขวบ ออกนอนกลางถนนหน้าโรงพัก สภ.เมืองชัยภูมิ หลังท้อชีวิตถูกหลอกโอนเงินซื้อรถยนต์กระบะกว่า 150,000 บาท หลังเข้าแจ้งความไว้มานานเกือบปี คดียังไม่คืบ

ซึ่งช่วงบ่ายวันนี้ทางด้าน นางสาวภัทรานิษฐ์  ก่อกุศล หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดชัยภูมิ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ร่วมกับปลัดอำเภอเมืองชัยภูมิ  ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมประชุมวางแผนหาแนวทางให้การช่วยเหลือผู้เสียหาย  โดยมีผู้กำกับสถานีตำรวจเมืองชัยภูมิ (ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ) เป็นประธาน พร้อมร่วมกับพนักงานสืบสวนสอบสวน เพื่อหาพยานหลักฐานเร่งติดตามคดีเพิ่มเติม ที่ห้องประชุม สภ.เมืองชัยภูมิ

ตามข้อเท็จจริง ซึ่ง นางเอ (นามสมมุติ) ผู้เสียหาย ที่พาบุตรสาววัย 11 ขวบ มานอนกลางถนนครั้งนี้ แจ้งว่าได้เข้าไปเจอเพจ facebook  (เฟซบุ๊ก) ว่ามีการประกาศขายรถยนต์มือสอง จึงได้เข้าไปดูประกาศขายรถยนต์ ยี่ห้อ Toyota วีโก้ 4 ประตูสีดำ  ราคา 120,000 บาท จึงได้ตัดสินใจซื้อ

กับเพจรายนี้ ซึ่งผู้ขายแจ้งให้ผู้ซื้อโอนเงินจำนวน 120,000 บาท หากโอนเงินครบเรียบร้อยแล้วจะนำรถมาส่งให้กับผู้ซื้อถึงบ้าน และวันรุ่งขึ้นผู้เสียหายตัดสินใจโอนเงินครั้งแรก 120,000 บาท หลังจากที่โอนเงินไปเรียบร้อย เพจดังกล่าวได้มีการแจ้งให้โอนเงินเพิ่มเนื่องจากว่าเป็นค่าดำเนินการในการโอนรถ  ครั้งละ 5,000 -10,000 บาท อีกจำนวนหลายครั้ง รวมเป็นจำนวน 150,000 บาท  จึงเริ่มเอะใจ  และผ่านไป 3-4 วัน ไม่มีการนำส่งรถดังกล่าวมาให้ที่บ้านจึงมั่นใจว่าถูกโกง  จึงพาบุตรสาว 11 ขวบ เดินทางมาลงบันทึกประจำวันแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองชัยภูมิ  เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา

และมาจนปัจจุบันเห็นว่าเรื่องที่แจ้งความไว้ผ่านมานานเกือบปียังเงียบ จึงเดินทางมาพร้อมบุตรสาว คือ ด.ญ.อายุ 11 ขวบ กำลังศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อำเภอเมืองชัยภูมิ จังหวัดชัยภูมิ เมื่อมาถึงสถานีตำรวจภูธรเมืองชัยภูมิ ได้เข้าพบพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี แต่พนักงานสอบสวนไม่อยู่จึงมีความรู้สึกเสียใจ ไม่รู้จะทำอย่างไร จึงตัดสินใจเดินออกไปนอนขวางทางถนนพร้อมกับบุตรสาวอายุ 11 ขวบ  เพื่อเรียกร้องให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตำรวจ ติดตามความคืบหน้าคดีดังกล่าวให้

ซึ่งจาการตรวจสอบ แม่กับลูกสาววัย 11ขวบ ที่มานอนกลางถนนหน้าโรงพักครั้งนี้ มีประวัติเคยได้แต่งงานใหม่กับชายชาวอังกฤษ  มีบุตรกับสามีใหม่จำนวน 1 คน คือเด็กหญิง อายุ 11 ขวบรายนี้ ซึ่งปัจจุบันกำลังเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และเคยมีบุตรกับสามีคนแรก เป็นชาย อายุ 17 ปี หลังแยกทางกันบุตรชายก็ไปอยู่กับญาติฝั่งบิดาสามีคนแรก ปัจจุบันไม่ได้ศึกษาต่อ อาศัยอยู่กับป้า  จะไปมาหาสู่กับมารดาเป็นประจำ

ทางครอบครัวของผู้เสียหายประกอบอาชีพทำสวนยางพารา จำนวนกว่า 20 ไร่ โดยทำร่วมกับน้องชาย  มีรายได้เดือนละ 40,000 บาทต่อเดือน และจะแบ่งกับน้องชายคนละครึ่ง   ปัจจุบันผู้เสียหายเคยรักษาอาการโรคซึมเศร้า ที่โรงพยาบาลชัยภูมิ เป็นเวลา 1 ปี แต่เนื่องจากอาการดีขึ้นจึงได้หยุดยาและใช้ชีวิตปกติ จนกระทั่งมาเกิดเหตุถูกโกงจากการซื้อขายรถยนต์ครั้งนี้ จนเริ่มมีอาการ วิตกกังวล นอนไม่หลับติดต่อกันเป็นเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา นอนดึกในเวลา 01.00-02.00 น. มีน้ำหนักลดลง 6-7 กิโลกรัม จึงได้กลับไปพบแพทย์ แพทย์จึงให้ยาคลายเครียด ยานอนหลับและยาต้านเศร้า กลับมากินที่บ้าน และได้ทานยาตามที่แพทย์สั่ง และเห็นว่าอาการไม่ดีขึ้นจึงได้ปรับยาด้วยตนเองโดยการทานยาเพิ่มเป็น 2 เท่า

ในขณะที่พูดคุยกับผู้เสียหายครั้งนี้สังเกตเห็นว่า ผู้เสียหายมีอาการลิ้นแข็ง พูดไม่ชัด มีอาการเหม่อลอย  คล้ายคนง่วงนอน ทางเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กฯ ซึ่งได้พูดคุยและสอบถามถึงเรื่องที่วิตกกังวล  ความพยายามเสริมพลังกำลังใจ ให้กับผู้เสียหาย  หลังจากเกิดเหตุสามีไม่มีการกล่าวโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับภรรยาแต่อย่างใด  ด้าน บุตรสาวอายุ 11 ขวบ เองซึ่งก็มีความวิตกกังวลกว่ามารดาจะทำร้ายตนเองและฆ่าตัวตาย  เนื่องจากมารดาเคยมีพฤติกรรมคิดจะฆ่าตัวตายโดยการกระโดดชั้น 2 ของบ้านลงมาแล้ว ทำให้เด็กไม่ยอมไปโรงเรียน และจะติดตามมารดาทุกครั้งที่มารดาเข้ามาทำธุระหรือติดต่อราชการในอำเภอเมือง  ครอบครัวมีความเข้าใจในเรื่องของภาวะเจ็บป่วยของผู้เสียหายดีและได้ย้ายผู้เสียหายลงมานอนชั้น 1 ของบ้าน และให้บุตรนอนอยู่กับมารดา

ในส่วนของความคืบหน้าคดี ทางผู้กำกับสถานีตำรวจเมืองชัยภูมิได้สั่งกำชับให้พนักงานสืบสวนสอบสวนเร่งดำเนินการติดตามหาผู้กระทำความผิด และ จะรายงานให้กับผู้เสียหายทราบเกี่ยวกับความคืบหน้า เป็นระยะๆ ผู้เสียหายแจ้งว่าหลังจากที่มีหน่วยงานพยายามให้ความช่วยเหลือ รู้สึกสบายใจมากขึ้น และไม่มีความกังวลใดๆแล้ว แต่ก็ขอให้พนักงานเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเร่งติดตามผู้กระทำความผิดมาให้ได้โดยเร็ว ในส่วนของบุตรสาว 11 ขวบ เองในวันพรุ่งนี้ก็จะเริ่มให้เด็กไปโรงเรียนและผู้เป็นแม่จะไม่นำเด็กมาเสี่ยงอันตรายแบบนี้อีก

ซึ่งการช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ ได้มีการดำเนินการแจ้งให้ผู้เสียหายทราบแล้วว่า  1.แนะนำบทบาทภารกิจของหน่วยงาน เรื่องการดูแลเด็กให้มีความเหมาะสม ตาม พรบ.คุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 มิให้นำเด็กออกมาเร่ร่อนหรือกระทำการใดที่เป็นอันตรายและเสี่ยงต่อการได้รับอันตรายต่อเด็กอีก 2.ประสานส่งต่อโรงพยาบาล เพื่อรักษาอาการซึมเศร้า และการปรับยาเพื่อให้เหมาะสมตามสภาพผู้ป่วย 3.ติดตามความคืบหน้าของคดี ซึ่งสถานีตำรวจภูธรเมืองชัยภูมิ ได้เร่งดำเนินการติดตามพร้อมรวบรวมหลักฐานพยาน และจะรายงานความคืบหน้าให้ผู้เสียหายทราบเป็นระยะต่อไป และ 4.หน่วยงานประสานศูนย์ชุมชนคุ้มครองเด็กระดับตำบล เฝ้าระวังเรื่องการติดตามเด็กให้ไปโรงเรียนเป็นประจำ และพฤติกรรมเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับเด็กหากมีพฤติกรรมดังกล่าวให้แจ้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พรบ.คุ้มครองเด็กทราบทันที เพื่อให้การช่วยเหลือครอบครัวเด็กรายนี้อย่างใกล้ชิดให้มีอาการป่วยกลับมาเหมือนเป็นปกติให้ได้โดยเร็วต่อไป

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

สุทธิพงศ์ เสฏฐรังสี

สุทธิพงศ์ เสฏฐรังสี

น้อมรับการทำหน้าที่สื่อเพื่อประชาชนมายาวนานกว่า25ปีเพื่อชาวชัยภูมิพร้อมเป็นเครือข่ายการทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีในนามสมาคมนักข่าวจังหวัดชัยภูมิและชมรมสื่อมวลชนชัยภูมิพร้อมรับใช้ชาวชัยภูมิและเป็นเวทีให้กับประชาชนทุกท่านตลอดไปมีอะไรเดือดเนื้อร้อนใจติดต่อมาที่ทีมงาน77ข่าวเด็ดชัยภูมิเราได้หรือที่[email protected]