ชัยภูมิ – เมื่อช่วงปลายปี 64 ที่ผ่านมา ล่าสุดคณะกรรมาธิการการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย สภาผู้แทนราษฎร พาคณะลงพื้นที่สำรวจความเสียหายเพื่อการนำไปสู่การแก้ปัญหาเร่งด่วนพบแหล่งต้นกำเนิดแม่น้ำชีที่ชัยภูมิ วิกฤตหนักเกิดปัญหาตลิ่งทรุดพังเสียหายเกิดการตื้นเขินของสายน้ำเป็นช่วง ๆ เกือบตลอดทั้งสาย ก่อนที่จะเกิดวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ซ้ำซากตามมาได้อีกในเข้าช่วงใกล้ฤดูน้ำหลากตามได้อีกซ้ำหนักได้อีกในปี 65 นี้ด้วย!
( 6 ก.พ.65 ) ขณะที่ จ.ชัยภูมิ ทางคณะกรรมาธิการการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย สภาผู้แทนราษฎร และคณะอนุกรรมการพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะตลิ่ง การตื้นเขินของแม่น้ำและลำคลอง นำโดยนายจักรพรรดิ ไชยสาส์น พร้อมด้วย นายเชิงชาย ชาลีรินทร์ รองประธานคณะกรรมาธิการ คนที่ 3 และ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(พปชร.) พื้นที่ จ.ชัยภูมิ เขต 2 นำทีมคณะลงพื้นที่ถูกน้ำใหญ่ ของ จ.ชัยภูมิ ในช่วงปลายเดือนกันยายน-ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเกิดความเสียหายหนักสุดในรอบกว่า 50 ปี ของ จ.ชัยภูมิ
ซึ่งเกิดน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชน และพื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายเป็นวงกว้าง กระจายไปในพื้นที่ทั้งจังหวัดใน 16 อำเภอ ซึ่งพบจุดหนักที่สุดในพื้นที่ อ.เมืองชัยภูมิ, คอนสวรรค์,เนินสง่า,บ้านเขว้า,บำเหน็จณรงค์,จัตุรัส ,หนองบัวระเหว,เกษตรสมบูรณ์ และ อ.ภูเขียว มีบ้านเรือนประชาชน และพื้นที่ทางการเกษตร ได้รับความเสียหาย เป็นบริเวณกว้าง ใน 124 ตำบล 1,623 หมู่บ้าน และ 1 เทศบาลเมืองชัยภูมิ มีราษฎรได้รับผลกระทบ กว่า 1 แสนครัวเรือน มีพื้นที่การเกษตรถูกน้ำท่วมเสียหายกว่า 1 ล้านไร่ -ถนน-สะพาน และสิ่งสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ ทั้งจังหวัดเสียหายอีกจำนวนมากนับร้อยสาย
ซึ่งในการลงพื้นที่ของคณะกรรมาธิการการป้องกันและบรรเทาผลกระทบจากภัยธรรมชาติและสาธารณภัย สภาผู้แทนราษฎร และคณะอนุกรรมการพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาการกัดเซาะตลิ่ง การตื้นเขินของแม่น้ำและลำคลองครั้งนี้ ได้ลงพื้นที่ 4 อำเภอ จ.ชัยภูมิ ซึ่งจังหวัดชัยภูมิเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำชี(ซี) และมีพื้นที่แม่น้ำชีไหลผ่านยาวที่สุดของประเทศไทยกดว่า 500 กิโลเมตร ซึ่งเกิดปัญหากัดเซาะตลิ่งและการตื้นเขินของลำแม่น้ำชีในหลายช่วงผ่านที่ อ.คอนสวรรค์ อ.เนินสง่า อ.บ้านเขว้า และอำเภอจัตุรัส ในช่วงระหว่างวันที่ 5-6 ก.พ.65 นี้
เพื่อนำไปเสนอเป็นร่างพระราชบัญญัติเสนองบประมาณในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ซึ่งในพื้นที่ อ.บ้านเขว้า ได้ลงพื้นที่ ตำบลลุ่มลำชี อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ โดยมี นายสุวิทย์ ถนอมสัตย์ นายอำเภอบ้านเขว้า และคณะผู้บริหาร ผู้นำท้องถิ่น ให้การต้อนรับ ในพื้นที่อำเภอบ้านเขว้า มีเนื้อที่ 107,500 ไร่ ได้เกิดสถานการณ์อุทกภัยขึ้นจากพายุดีเปรสชั่น “ เตี้ยนหมู่ “ ส่งผลกระทบทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก แม่น้ำชีล้นตลิ่ง โดยเกิดขึ้นเมื่อช่วงวันที่ 25 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา มีพื้นที่ประสบภัยทั้งสิ้น 6 ตำบล 88 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบจำนวน 15,710 คน 8,355 ครัวเรือน จากการลงพื้นที่ตรวจสอบความเสียหายที่ได้รับพบว่าในเขตตำบลลุ่มลำชี อำเภอบ้านเขว้า จังหวัดชัยภูมิ มีจุดที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วนคือ การที่พบว่ามีตลิ่งและพนังกั้นแม่น้ำ ที่ทรุดตัวพังเสียหายเป็นระยะทางยาวหลายกิโลเมตร
ทางคณะกรรมาธิการฯ หลังจากได้รับฟังปัญหาดังกล่าวแล้วได้รับเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ไว้ในเบื้องต้น โดยจะมีการดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อให้ได้รับการอนุมัติงบประมาณในการแก้ไขปัญหาอย่างถูกต้องรวดเร็วต่อไป
โดยนายจักรพรรดิ ไชยสาส์น รองประธานคณะกรรมาธิการฯ คนที่ 3 กล่าวว่า การลงพื้นที่ในช่วง 2 วันนี้ ( 5-6 ก.พ.65)ในเขตพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ทั้ง 4 อำเภอ จากการตรวจสอบพื้นที่พบความเสียหายและมีประชาชนได้รับผลกระทบเป็นจำนวนมากที่ จ.ชัยภูมิครั้งนี้น่าจะหนักสุดอันดับต้นๆของประเทศไทยจากปัญหาเกิดน้ำท่วมใหญ่ในทั่วประเทศเมื่อช่วงปลายปี 2564 ที่ผ่านมา
ซึ่งในขั้นตอนต่อไปพี่น้องประชาชนสามารถรวบรวมข้อมูลผ่านทางผู้นำและดำเนินการตามขั้นตอนผ่านกรมการปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อนำไปสู่การเสนอร่างแก้ไขปัญหาต่อสภาผู้แทนราษฎรโดยเร็วต่อไป ซึ่งพบว่าตามริมฝั่งแม่น้ำชีที่ผ่านมา ขาดการดูแลเกิดปัญหาเกิดตลิ่งทรุดพังเสียหายเกิดการตื้นเขินของสายน้ำเป็นช่วงๆเกือบตลอดทั้งสาย ก่อนที่จะเกิดวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ซ้ำซากตามมาได้อีกในเข้าช่วงใกล้ฤดูน้ำหลากตามได้อีกซ้ำหนักมากได้อีกในปี 65 นี้ด้วย หากไม่รีบแก้ไข ซึ่งจะต้องมีการเสนอร่างพระราชบัญญัติเสนองบประมาณเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ในครั้งนี้โดยเร็วต่อไป
