X

นายกฯ ตู่บินสำรวจเร่งเยียวยาชาวชัยภูมิถูกน้ำท่วมยังหนักรอบ 50 ปี โอดเริ่มของแพงพุ่งกว่า 3 เท่าตัว! (คลิป)

ชัยภูมิ – เสียงครวญชาวบ้านอยากให้เร่งช่วยเยียวยา ผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมโดยเร็ว ลามสินค้าแพง พืชผัก อาหารสดจำเป็นใช้ประกอบอาหารในครัวเรือนเริ่มขาดตลาดหนัก ราคาพุ่งกว่า 3 เท่าตัวจาก กก.ละไม่เกิน 80 บาท พุ่งกว่า กก.ละ 250-300 บาท รวมทั้งยังมีปัญหาม็อบคณะราษฎรออกมาไล่-บางส่วนชาวบ้านก็ยังออกมาเชียร์ต่างค้านต่างไล่ไม่แพ้กัน ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมหนักในรอบ 50 ปี ขณะที่ล่าสุด รพ.บำเหน็จณรงค์ ระดับน้ำท่วมลดแล้วความเสียหายโผล่ยับเหลือแต่ซากบ้านพังเกลื่อนไม่แพ้คลื่นสึนามิถล่ม  และอีกในหลายพื้นที่น้ำเริ่มลดต่อเนื่องคาดอีกไม่น้อยกว่าสัปดาห์เริ่มคลี่คลาย หลังเร่งสูบระบายน้ำลงลำชีหลากท่วมล้นตลิ่งอ่วมส่งต่ออีกในหลายตำบลยังเดือดร้อนต่อเนื่อง จ่อทะลักเชื่อมเข้าพื้นที่ในจังหวัดใกล้เคียงที่ขอนแก่น รอรับมวลน้ำชีทะลักอีกจำนวนมากจาก จ.ชัยภูมิ ต่อไป!!

เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 29 ก.ย.64 ขณะที่สถานการณ์เกิดน้ำท่วมใหญ่หนักสุดในรอบกว่า 50 ปี ในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ ล่าสุด พลเอกประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ เพื่อมาตรวจเยี่ยมราชการรับฟังปัญหาสำรวจความเสียหายในพื้นที่ โดยลงจอดที่สนามกีฬากลางองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ

จากนั้นได้เดินทางโดยรถยนต์ไปศูนย์เยาวชนเทศบาลเมืองชัยภูมิ โดยมีนายวิเชียร  จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนรอให้การต้อนรับ ก่อนที่นายกรัฐมนตรี และคณะตรวจเยี่ยมโรงครัวพระราชทาน ณ ศูนย์เยาวชนเทศบาลเมืองชัยภูมิ จากนั้นออกเดินทางโดยรถยนต์จากศูนย์เยาวชนเทศบาลเมืองชัยภูมิ โดยใช้ถนนบรรณาการ ผ่านอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาแล โรงพยาบาลชัยภูมิ เข้าถนนสายนนทนาครที่ยังถูกน้ำท่วมสูงบางจุดเกือบ 1 เมตร ผ่านที่หอชัยภูมิ เข้าถนนชัยประสิทธิ์ เพื่อตรวจติดตามสถานการณ์น้ำในเขตเศรษฐกิจที่ครั้งนี้ถือว่าได้รับความเสียหายหนักสุดในรอบกว่า 50 ปี ของ จ.ชัยภูมิ และมอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ ณ บริเวณตลาดคลองพุดซา กว่า 400 ครอบครัว/ชุด และเดินทางต่อระหว่างนี้ก็มีกลุ่มม็อบคณะราษฎรในพื้นที่ออกมาจับกลุ่มยืนชูป้ายกว่า 20 คนเพื่อร้องขับไล่ในระหว่างนายกฯตู่เดินออกจากตลาดคลองพุดซา เยื้องชุมชนถูกน้ำน้ำในชุมชนกุดแคนหัวถนนในครั้งนี้ด้วย  แต่เหตุการณ์ก็ผ่านไปด้วยความสงบ ก่อนที่นายกฯจะได้เดินทางต่อไปมอบสิ่งของช่วยเหลือบุคคลากรทางการแพทย์ที่โรงพยาบาลชัยภูมิ จำนวน 100 ชุด  ซึ่งพื้นที่ รพ.ชัยภูมิ ยังถูกน้ำท่วมจ่อถึงหน้าทางเข้าออกโรงพยาบาลยังสูงกว่า 1 เมตร ท่ามอีกกลางบรรยากาศที่ยังมีชาวบ้านอยู่ภายใน รพ.ออกมานั่งรอพบร้องส่งเสียงให้กำลังใจนายกฯลูงตู่สู้ๆด้วยอีกบรรยากาศไม่แพ้กัน

จากนั้นพลเอกประยุทธ์  นายกรัฐมนตรี และคณะได้ออกเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ จากสนามกีฬากลางองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ ไปยังลานจอดเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราวบริเวณสนามแยก บ้านหนองบัวใหญ่ ต.หนองบัวใหญ่ อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ และเดินทางต่อโดยรถบรรทุกทหารผ่านพื้นที่บึงละหาน ต.ละหาน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ ไปบ้านหนองไผ่งาม หมู่ที่ 16 ต.ละหาน อ.จัตุรัส จ.ชัยภูมิ เพื่อสำรวจพื้นที่น้ำท่วม และมอบสิ่งของให้กับประชาชนในพื้นที่ และเดินทางไปยังวัดชัยชนะวิหาร เพื่อพบปะเยี่ยมเยียนและมอบสิ่งของให้กับประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมทั้งหมดในจุดนี้อีกรวมกว่า 500 ครอบครัว/ชุด

ต่อด้วยเวลา 15.40 น. นายกรัฐมนตรี และคณะ ก่อนที่จะรีบออกเดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์จากลานจอดเฮลิคอปเตอร์ชั่วคราว บริเวณสนามแยกบ้านหนองบัวใหญ่ ต.หนองบัวใหญ่ เดินทางกลับออกจาก จ.ชัยภูมิ ไปลงที่กองบิน 1 ของกองทัพภาคที่ 2 ที่ จ.นคราชสีมาต่อไป ซึ่งก็กล่าวทิ้งท้ายก่อนเดินทางกลับว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีแนวทางที่จะช่วยเร่งระบายน้ำให้ปัญหาน้ำท่วมลดลงได้ต่อไปในเร็ววันแล้ว และเตรียมที่จะต้องมีแผนป้องกันระยะยาวออกมาในพื้นที่เพิ่มเติมด้วยต่อไป

ซึ่งสรุปความเสียหายในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ หลังเกิดน้ำท่วมใหญ่ในรอบ 50 ปี ในขณะนี้ล่าสุด  หลังเกิดมวลน้ำป่าล้นเขื่อนลำปะทาว ได้ไหลเข้าในเมืองชัยภูมิด้านทิศเหนือเมือง รวมทั้งบวกกับอีกด้านทิศใต้ที่มีแม่น้ำชีทะลักผ่านหนุนสูงจากฤทธิ์พายุเตี้ยนหมู่ ทำให้เกิดฝนตกถล่มหนักเกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่ในตัวเมืองจังหวัดชัยภูมิหนักสุดอย่างรวดเร็วในพริบตาอย่างไม่เคยมีมาก่อนในรอบกว่า 50 ปี  สร้างความเสียหายในย่านโซนเศรษฐกิจผ่านกลางใจเมืองทั้งหมดอย่างรวดเร็วซึ่งมีระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1-3 เมตร มาต่อตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา มีประชากรกว่า 3 หมื่นครอบครัวได้รับความเดือดร้อนขยายวงกว้างจำนวนมากมาต่อเนื่อง ต่างตั้งตัวไม่ทันเร่งขนสิ่งของหนีน้ำไปอยู่ในที่สูง บางครอบครัว ตามร้านค้าต่าง ๆ ปิดการค้าขาย การสัญจรไปมาต้องใช้เรือท้องแบน เขามาใช้สัญจรแทนรถ รวมทั้งเดือดร้อนหนักในการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเข้าออกโรงพยาบาลชัยภูมิ ที่ต้องน้ำผู้ป่วยเข้าออกบนสะพานไม้ชั่วคราวมาต่อเนื่องเกือบ สัปดาห์แล้ว

ซึ่งล่าสุด จ.ชัยภูมิ มีพื้นที่ได้รับความเสียหายต้องประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติน้ำท่วมแล้วใน 14 อำเภอ จาก 16 อำเภอ และมีพื้นที่ถูกน้ำหนักสุดใน 3 อำเภอ ทั้งที่ อ.บำเหน็จณรงค์ ที่ถูกน้ำป่าทะลักเขื่อนลำคันฉู หลากเข้าท่วมพื้นที่โซนเศรษฐกิจในตัวอำเภอและโรงพยาบาลประจำอำเภอบำเหน็จณรงค์ได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมดมาตั้งแต่วันที่ 25 ก.ย.64 ด้วยเช่นกัน ที่ล่าสุดวันนี้ระดับน้ำท่วมภายใน รพ.บำเหน็จณรงค์ ระดับน้ำท่วมลดลงจนแห้งลงเกือบทั้งหมดแล้ว ซึ่งเหลือแต่ภาพสลดที่หลังระดับน้ำท่วมแห้งลง หลังเจอภัยพิบัติอุทกภัยครั้งใหญ่แล้วภาพความเสียหายเข้ามาแทนที่โผล่ขึ้นมาแทน คือมีสภาพพื้นที่พังยับเยินเหลือแต่ซากบ้านพังเสียหาย อุปกรณ์ภายใน รพ.ปลิวกระจายพังเกลื่อนไปทั่วตัวอำเภอไม่แพ้กัน หรือไม่ต่างกับเกิดเหตุถูกคลื่นสึนามิพัดถล่ม  และอยู่ระหว่างทาง สสจ.ชัยภูมิ เร่งเข้าสำรวจความเสียหายและเร่งซ่อมแซมเพื่อให้ รพ.บำเหน็จณรงค์ กลับมาเปิดให้ประชาชนใช้บริการในพื้นที่ตามเดิมโดยเร็วต่อไป

ซึ่งด้านระดับน้ำที่ลดลงถูกระบายออกมาที่อำเภอใกล้เคียงรอยต่อมาที่ อ.จัตุรัส ที่ขณะนี้ก็ยังได้รับผลกระทบบ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมเสียหายเป็นวงกว้างตามมาอีกจำนวนมากอยู่ระหว่างที่หลังวันนี้ นายกฯพลเอกประยุทธ์ฯ ก็ได้ลงพื้นที่ส่งให้มีการเร่งสูบระบายน้ำท่วมในพื้นที่ของ อ.จัตุรัส ลงลำชีเริ่มลดลงต่อเนื่อง และจะหลากต่อมาเข้าพื้นที่ อ.เมืองชัยภูมิ และโซนเศรษฐกิจใจกลางเมืองชัยภูมิ อีกเพิ่มเติมยังต่อเนื่องและทำให้เกิดน้ำชีหลากท่วมถนนสาย 201 สีคิ้ว-ชัยภูมิ ในขณะนี้มีน้ำท่วมสูงไหลหลากแรงผ่านถนนเป็นทางยาวเกือบ 20 กิโลเมตร ยังทำให้ จ.ชัยภูมิถูกตัดขาดคนที่จะเดินทางมาด้วยรถยนต์ทุกชนิดยังผ่านเข้าตัวเมืองชัยภูมิ สายประตูสู่อีสาน หรือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่จะเส้นทางผ่านมาตัวเมืองชัยภูมิ ใช้ผ่านตัวจังหวัดเดินทางเชื่อมไปต่อยังจังหวัดอื่นๆใกล้เคียงทั้ง จ.เลย หรือ ที่ จ.ขอนแก่น ได้ในขณะนี้ถูกตัดขาดทั้งหมด

ซึ่งระดับน้ำท่วมถนนสูงยังเหลืออยู่อีกเป็นวงกว้างจำนวนมากมาตั้งแต่รอยต่อ ต.บ้านค่าย,ต.หนองนาแซง ต.ชีลอง ผ่านเชื่อมยังทะลักลำชีเข้ามาถึงช่วงถนนห้าแยกโนนไฮ เขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ ผ่านมาถึงบริเวณรอบวงเวียนหน้าอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาแล (เจ้าเมืองผู้ก่อตั้งเมืองชัยภูมิมาได้จนปัจจุบัน) ย่านโซนเศรษฐกิจกลางใจเมืองชัยภูมิ ยังต้องรับน้ำหลากในขณะนี้ยังเพิ่มขึ้นอีกหลายระลอกในจุดนี้อีกต่อเนื่อง

และล่าสุดระดับน้ำท่วมในกลางใจเมืองเริ่มทรงตัวลดระดับลงต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่าอีกไม่น้อยกว่า 1 สัปดาห์จะสามารถระบายน้ำออกนอกเมืองที่มีการตั้งเครื่องสูบมาต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเร่งให้ปัญหาวิกฤตน้ำท่วมใหญ่หนักสุดนี้ให้คลี่คลายกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้โดยเร็ว และหากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่มอีก ซึ่งขณะนี้ทางจังหวัดชัยภูมิ ได้เร่งระดมสูบรายน้ำออกนอกตัวเมืองลงสู่ลำแม่น้ำชีที่จะไหลต่อไปยังตำบลใกล้เคียงที่ ต.หนองไผ่,ต.กุดตุ้ม,ต.ลาดใหญ่ ของเขต อ.เมืองชัยภูมิ ที่ล่าสุดก็ได้รับผลกระทบน้ำชีหลากเข้าท่วมพื้นที่ท้ายน้ำตามทางแม่น้ำชีไหลผ่านได้รับความเสียหายอีกตามมาจำนวนมากแล้วหลายร้อยครอบครัว ก่อนที่มวลน้ำชีในจุดนี้จะไหลต่อผ่านไปท่วมในพื้นที่ (จุดรับน้ำนครกาหลง) อ.คอนสวรรค์ ที่ก็เริ่มได้รับผลกระทบเกิดน้ำชีหลากท่วมบ้านในพื้นที่ใกล้ริมลำชีเพิ่มเติมอีกต่อเนื่องและคาดว่าอีกไม่น้อยกว่าสัปดาห์ก็จะคลี่คลาย ก่อนที่มวลน้ำชีจะหลากต่อไปที่ เขต อ.เมืองพล จ.ขอนแก่น ที่จะต้องรอรับมวลน้ำชีทะลักอีกจำนวนมากหลากเข้าท่วมพื้นที่ต่อไปในไม่เกินอีกสัปดาห์จากนี้ต่อไปด้วย

ขณะที่ด้านชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากเหตุเกิดน้ำท่วมใหญ่หนักสุดในรอบกว่า 50 ปี ของ จ.ชัยภูมิ ในครั้งนี้ ยังฝากถึงรัฐบาลหลังพลเอกประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี เดินทางมาเยี่ยมพื้นที่ในครั้งนี้ด้วย โดยนางมยุลี  สมะถะ อายุ 71 ปี ชาวชุมชนเมืองน้อยใต้ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ กล่าวว่า ทั้งขณะนี้ก็ยังมีปัญหาน้ำท่วมขังอยู่ในพื้นที่ที่คาดว่าอีกไม่น้อยกว่าสัปดาห์ถึงจะลดความรุนแรงลงได้บ้าง แต่นอกจากนี้หลังมีปิดตลาดสดในเมืองเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิในโซนเศรษฐกิจได้รับความเสียหายแล้วทั้งหมด เนื่องจากน้ำยังคงเหลืออีกจำนวนมากท่วมสูงในอีกหลายชุมชน บรรดาพ่อค้า แม่ค้าที่ต้องย้ายสถานที่ไปขายพืชผัก อาหารสด ที่จำเป็นในการใช้ประกอบอาหารในครัวเรือนประจำวัน เพื่อมาตั้งขายตามถนนที่พอตั้งได้ในขณะนี้ที่บริเวณสะพานบ้านคลองเรียงด้านทิศตะวันออกตัวเมือง และที่ริมถนนช่วงก่อนออกเมืองด้านทิศเหนือที่น้ำท่วมไม่ถึง ด้านหน้าสำนักงานสหกรณ์ จ.ชัยภูมิ

ซึ่งงขณะนี้พบว่ามีพืชผัก ของใช้จำเป็นเกือบทุกชนิดขาดแคลน และมีราคาแพงขึ้นสูงมากกว่า 2-3 เท่าตัว บรรดาพ่อค้า แม่ค้าที่นำพืชผัก มาขายบอกว่าทั้งพื้นที่ปลูกผักถูกน้ำท่วม ในพื้นที่ไหนไม่ถูกน้ำท่วมก็นำผักมาส่งขายยากลำบากมาก เพราะเส้นทางถูกน้ำท่วม ต้องใช้เส้นทางอ้อมมีระยะทางไกลเป็นเท่าตัว ค่าใช้จ่ายส่งผักสูงขึ้นกว่าเท่าตัว  ที่นำพืชผักมาส่งขายได้มีน้อยลง และราคาก็แพงขึ้นกว่าเท่าตัว ไม่ว่าจะเป็นผักคะน้าจากกิโลกรัมละ 20 บาท เพิ่มเป็นกิโลกรัมละ 70 บาท กระหล่ำปลีจากกิโลกรัมละ 35 บาท เพิ่มเป็นกิโลกรัมละ 60 บาท  ต้นหอมกิโลกรัมละ 50 บาท เพิ่มเป็นกิโลกรัมละ 100 และที่แพงสุดขณะนี้คือผักชีซึ่งปลูกยากในช่วงหน้าฝน ขาดตลาดมีการปรับราคาสูงจากกิโลกรัมละ 80 บาท เป็น 250 – 300 บาท ทั้งในช่วงโควิด-19ระบาด การหากินยากอยู่แล้ว เมื่อน้ำท่วมมาอีกเหมือนซ้ำเติมประชาชนในขณะนี้อีก รวมทั้งอยากให้มีการช่วยเงินเยียวยาชาวบ้านที่มีพื้นที่ได้รับผลกระทบถูกน้ำท่วมในครั้งนี้เพิ่มเติมอีกทางด้วย

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

สุทธิพงศ์ เสฏฐรังสี

สุทธิพงศ์ เสฏฐรังสี

น้อมรับการทำหน้าที่สื่อเพื่อประชาชนมายาวนานกว่า25ปีเพื่อชาวชัยภูมิพร้อมเป็นเครือข่ายการทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีในนามสมาคมนักข่าวจังหวัดชัยภูมิและชมรมสื่อมวลชนชัยภูมิพร้อมรับใช้ชาวชัยภูมิและเป็นเวทีให้กับประชาชนทุกท่านตลอดไปมีอะไรเดือดเนื้อร้อนใจติดต่อมาที่ทีมงาน77ข่าวเด็ดชัยภูมิเราได้หรือที่[email protected]