ชัยภูมิ – ยายชบาเองที่ถูกชาวบ้านในพื้นที่เชื่อว่าเป็นดวงไฟปริศนาของผีปอบมาโผล่ในหมู่บ้านและมีเป็ดไก่ของคนในชุมชนตายบ่อยครั้ง ล่าสุดยายเองลูกสาวต้องพาออกจากหมู่บ้านไปอยู่ต่างจังหวัด และชาวบ้านคนในชุมชนเองก็ต่างสำนึกผิดแล้วว่าดวงไฟปริศนาดังกล่าวมาจากแสงไฟรถยนต์ของเส้นทางถนนผ่านสะพานเชื่อมหมู่บ้านอีกฝั่ง!
( 24 มี.ค.64) หลังจากเกิดจากกรณีมีชาวบ้านวังอ้ายจืด ต.วังตะเฆ่ อ.หนองบัวระเหว จ.ชัยภูมิ เห็นดวงไฟสีส้มประหลาดวนเวียนอยู่ในหมู่บ้าน แถวไร่มันสำปะหลัง และชาวบ้านทั่วไปในขณะนั้นเชื่อว่าเป็นผีกระสือออกมาอาละวาดทำให้เป็ดไก่สัตว์เลี้ยงของคนในชุมชนล้มตายบ่อยครั้ง มาตั้งแต่ช่วงเดือน พ.ค.2563 เป็นเวลาผ่านมาเกือบ 1 ปีแล้ว
โดยดวงไฟปริศนาดังกล่าวมักวนเวียนหายไปอยู่ที่ช่วงบ้านของยายชบา ที่ชาวบ้านก็มีความเชื่อลือไปทั่วอีกว่ายายชบาเป็นผีปอบดังกล่าว ที่เป็นวิญญาณมาวนเวียนอยู่ในหมู่บ้านในขณะนั้น ทำให้ครอบครัวยายชบาในขณะนี้ต้องสุดช้ำใจเป็นอย่างมากหลังเกิดเหตุการณ์มีคนมาพบดวงไฟปริศนาดังกล่าวขึ้นอยู่บ่อยครั้งมาต่อเนื่องในช่วงนั้น จนมาถึงปัจจุบันเป็นเวลาผ่านมานานเกือบ 1 ปี แล้วผู้สื่อข่าวจึงได้เดินทางไปตรวจสอบในพื้นที่ล่าสุดเมื่อช่วงเย็นวันที่ 24 มี.ค.64 ที่ผ่านมา
และได้พบกับนายอนุรักษ์ เหมือมพล ผู้ใหญ่บ้านในปัจจุบัน เปิดเผยต่อกรณีที่เกิดขึ้นว่า ยายชบา ผู้ที่ถูกชาวบ้านกล่าวหา และมโนเชื่อว่าเป็นผีปอบมานานกว่า 1 ปีที่ผ่านมาแล้วนั้น หลังจากมีข่าวออกไปในช่วงเดือน พ.ค.ปี 2563 ที่ผ่านมาเอง ทางลูกสาวยายชบาที่ทำงานอยู่ที่ กรุงเทพฯ จึงได้เดินทางมาที่บ้านและได้ขอให้ทางชุมชนทำความเข้าใจ กับผู้ที่ว่าแม่ของตนเป็นผีปอบ ดวงไฟปริศนานั้น โดยมีการไกล่เกลี่ยกันที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน ว่าไม่ควรมาใส่ร้ายกันขนาดนี้เพราะไม่เป็นความจริงและขอให้ยุติกล่าวหาเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก หลังจากนั้นลูกสาวยายชบาเองก็สุดช้ำใจ ได้พาคุณแม่หรือยาย ออกไปจากชุมชนแห่งนี้มานานก็เกือบปีแล้ว เพื่อพายายชบาไปอยู่ด้วยกันที่กรุงเทพฯตั้งแต่หลังเป็นข่าวมาจนถึงปัจจุบันเกือบ 1 ปีแล้ว
และส่วนชาวบ้านทั้งนายอุ่นนภา ไขขุนทด อายุ 57 ปี และนายบุญสี มวยนอก อายุ 57 ปี รวมทั้งชาวบ้านที่นี่เองก็เสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ที่หลังได้ทำการพิสูจน์ติดตามดวงไฟดังกล่าวแล้ว ก็พบว่ามีที่มาจากรถยนต์ที่วิ่งบนถนนที่มีสะพานข้าม มาจากอีกฝั่งหมู่บ้านที่เป็นที่ต่ำมองเห็นได้บ่อยครั้ง และก็ไม่เชื่อว่ามีผีปอบอะไรต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชุมชนจนปัจจุบันไม่มีแล้ว เป็นเรื่องที่เกิดความเข้าใจผิดและมโนขึ้นมากันเองตามความเชื่อเท่านั้นในครั้งนี้ด้วย
