ชัยภูมิ – ล่าสุดเจ้าหน้าที่ สภ.เมืองชัยภูมิ เชิญลุงวัย 63 คนขับรถกระบะรายนี้มาสอบสวนเพิ่มเติม พร้อมแจ้งข้อหาเมาขับรถประมาทจนทำให้ผู้อื่นจนบาดเจ็บและถึงแก่ความตาย เจ้าตัวรับสารภาพเสียงอ่อยเพราะความเมาแท้ๆ พร้อมอยากขอโทษ จนท.ตร.ที่ถูกตัวเองเมาไล่ชก ซึ่งครั้งนี้เพื่อให้เป็นคดีตัวอย่าง ไม่ให้ใครเลียนแบบได้อีก ต้องถูกดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายไล่ชก จนท.ตร.ขณะปฏิบัติหน้าที่ ด้วยอีกคดี!
ล่าสุดเมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 29 ก.ค.63 ความคืบหน้ากรณีคนขับรถกระบะเมากร่างหนักชน จยย.ในจุดเกิดเหตุอยู่บริเวณหน้าร้าน อ.โอชา ถนนสายบ้านห้วยชันมุ่งหน้าทางบ้านห้วยต้อน ต.นาฝาย อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ใกล้กับมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ จนเป็นเหตุให้มีนศ.สาววัย 19 ปี รวม 3 คน ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย เสียชีวิต 1 ราย ก่อนที่คนขับกระบะรายนี้ยังไม่พอใจขณะ จนท.ตร.เข้าปฏิบัติหน้าที่ ในจุดเกิดเหตุเพื่อจะขอนำกระบะไปไว้รอสอบสวนที่โรงพัก สภ.เมืองชัยภูมิ แต่คนขับกระบะรายนี้เมาหนักไม่ยอม ก่อนที่จะไล่ชกต่อย จนท.ตำรวจไป 2 หมัด ถูกที่บริเวณปากเกือบปากแตกตามข่าวที่เสนอไปแล้วนั้นเมื่อวานนี้ (28 ก.ค.63)ที่ผ่านมา
ล่าสุดคนขับกระบะรายนี้ หรือนายบุญเพ็ง อายุ 63 ปี ที่เป็นคนขับรถยนต์กระบะชนกับรถจักรยานยนต์ มีนักศึกษาสาว มหาวิทยาลัยราชภัฎชัยภูมิ วัย 19 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย และเสียชีวิตครั้งนี้อีก 1 ราย คือนางสาวภัทราพร เเปงเเก้ว (น้องมิลค์) อายุ 19 ปี ซึ่งยังกำลังเรียนเป็นนักศึกษาของคณะพยายาล ของมหาวิทยาลัยราชภัฏชัยภูมิ ที่ล่าสุดเองทางญาติน้องสาวผู้ตายได้ขอรับศพน้องออกจาก รพ.ชัยภูมิ เพื่อไปตั้งบำเพ็ญกุศลตามศาสนาอยู่ที่บ้านเกิดของน้องที่ จ.ศรีษะเกษ แล้ว
ซึ่งล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ พ.ต.อ.วัฒนชัย จันทาทุม ผกก.สภ.เมืองชัยภูมิ พร้อมพ.ต.ท.ฐิติพัฒน์ คำรังสี สว.(สอบสวน) สภ.เมืองชัยภูมิ ได้เชิญตัวคนขับกระบะรายนี้มาสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง ก่อนที่จะดำเนินคดีในข้อหาเมาแล้วขับรถโดยประมาท จนทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และถึงแก่ความตาย ซึ่งเจ้าตัวรับสารภาพ
ส่วนกรณีที่ไล่ชกต่อยทำร้ายร่างกาย ร.ต.อ.ยงยุทธ เลิศสุคนธ์ รอง สว.(สอบสวน) ทำหน้าที่พลขับรถสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ ในวันเกิดเหตุซึ่งตนเองได้ไล่ชกต่อยเข้าไปที่บริเวณปาก 2 ครั้ง จนเกือบปากแตกนั้น ทางด้าน จนท.ตร.เจ้าตัวที่ถูกไล่ชกทำร้ายร่างกายในครั้งนี้ขอให้ดำเนินการตามกฎหมายเพื่ออยากให้เป็นคดีตัวอย่าง ในข้อหาทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ขณะปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอนกฎหมายต่อไปอีกคดี เพื่อไม่อยากให้ใครทำเป็นเยี่ยงอย่าง กลายเป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อสังคม โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนไม่ควรทำเป็นเยี่ยงอย่างแบบผิดๆในลักษณะนี้ได้อีกต่อไปด้วย
