X

ท้องถิ่นอำเภอดังโผล่โต้ขอความเป็นธรรม ยันไม่ได้ใช้ปืนจ่อหัวตบปลัดตามที่เป็นข่าว! (คลิป)

ชัยภูมิ – รวมทั้งไม่ได้เบ่งกินเรื่องให้จ่ายค่าเหล้าให้เด็ดขาด ขอชี้แจงผ่านสื่อมวลชนให้ความเป็นธรรมต่อกรณีที่เกิดขึ้นด้วย ยันขอสู้คดีกันตามกฎหมายในชั้นศาลจะดีกว่า และไม่เคยคิดหนีเด็ดขาดพร้อมพบเจ้าหน้าที่ได้ตลอด เผยปมเหตุขัดแย้งที่แท้จริงมาจากเรื่องโทรศัพท์มือถือประจำตำแหน่งตนเองหาย เลยไปสอบถามและเคยแจ้งความกับฝ่ายปลัดไว้แล้ว ซึ่งทางฝ่ายปลัดเองกล่าววาจาไม่เหมาะสมไม่เคารพที่ตนเองเป็นรุ่นพี่ ทั้งที่ตนเองเคยอยู่กินเที่ยวกันมานานกับฝ่ายปลัดเองก็นานนับสิบปีมาแล้ว จึงเป็นเหตุชนวนที่ตนเองเกิดความไม่พอใจมีการทะเลาะต่อยตีกันภายในร้านอาหารดังกล่าวเท่านั้น!

ล่าสุดรายงานความคืบหน้าของคดีนี้ เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 30 มิ.ย.63  ทางด้าน จ.อ.เมธัส  วัฒนานุกูล อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นท้องถิ่นอำเภอซับใหญ่ จังหวัดชัยภูมิ ได้เดินทางขอชี้แจงต่อสื่อมวลชนในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ ต่อกรณีที่หลังทางด้าน ร.ต.อ.ขันติ  เพียรสูงเนิน  พนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ  ได้รับแจ้งจากนายอุทาน  ปัสสาวะโท อายุ 42 ปี ปลัดอำเภอหนองบัวแดง อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ  ว่าเมื่อเวลา 23.30 น.กลางดึกของคืนวันที่ 22 มิถุนายน 63 วันเกิดเหตุ ว่าขณะนั่งรับประทานอาหารและดื่มฟังเพลงอยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านกลางตัวเมืองชัยภูมิ กับเพื่อนปลัดด้วยกันอีก 3-4 คน

ก่อนที่จะมีท้องถิ่นอำเภอดัง ซึ่งคือตนเอง จ.อ.เมธัส  วัฒนานุกูล ปัจจุบันอายุ 50 ปี ว่าตนเองคือท้องถิ่นอำเภอดังที่ถูกกล่าวหาว่าเมากร่างชักปืน 9 มม. จ่อหัวจะยิงฆ่าฝ่ายปลัดภายในร้านอาหารดังกล่าว  ก่อนที่เพื่อนๆ ปลัดอำเภอที่นั่งดื่มกินในโต๊ะร้านอาหารด้วยกันที่อยู่ในเหตุการณ์ ได้พากันช่วยห้ามปราม แล้วล็อกตัวแย้งปืนจากมือของท้องถิ่นอำเภอดังผู้ก่อเหตุรายนี้มาไว้ได้

ก่อนที่ในเช้าวันต่อมาวันที่ 23 มิ.ย.63 ทางปลัดอำเภอผู้เสียหายรายนี้ และเพื่อนๆ ปลัดอำเภอที่อยู่เหตุการณ์ได้นำอาวุธปืนพกสั้นขนาด 9 มม. ยี่ห้อ CZ COPACT  ที่แย้งมาจากมือของท้องถิ่นอำเภอดังรายนี้ไว้ได้ นำเดินทางมาเข้าแจ้งต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ ไว้เป็นหลักฐาน เพื่อให้ดำเนินคดีกับตนเองซึ่งเป็นท้องถิ่นอำเภอดังรายนี้ดังกล่าวเอง

ซึ่งในครั้งนี้ทางด้านฝ่าย จ.อ.เมธัส  วัฒนานุกูล อายุ 50 ปี ซึ่งเป็นท้องถิ่นอำเภอซับใหญ่ จังหวัดชัยภูมิ ที่ถูกแจ้งความกล่าวหา อยากจะออกมาขอความเป็นธรรมต่อสื่อมวลชนให้กับฝ่ายตนเองบ้าง หลังมีข่าวออกไปทั่วว่าตนเองเมากร่างใช้ปืนจ่อหัวปลัดอำเภอ เบ่งกินว่าเพราะไม่ยอมจ่ายค่าเหล้าให้ในครั้งนี้ด้วยนั้น อยากจะขอความเป็นธรรมในเรื่องแรกนี้ไม่เป็นความจริงเด็ดขาด

ส่วนเรื่องที่สอง คือตนเองใช้ปืนจ่อหัวตบทำร้ายฝ่ายปลัดฯ นั้น ไม่เป็นความจริงด้วยเช่นกัน รวมทั้งเรื่องที่ตนเองหนีหมายเรียกแล้วไม่มาพบพนักงานสอบสวนก็ไม่เป็นความจริง เพราะตั้งแต่วันเกิดเหตุและมีการแจ้งความขึ้นนั้น เบื้องต้นตนเองได้มาพบพนักงานสอบสวนที่ สภ.เมืองชัยภูมิ แล้วซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานที่จะต้องไปว่ากันในชั้นศาล รวมทั้งเรื่องตำแหน่งในกองทัพเรือ ที่บอกว่าตนเองเป็นพันจ่าทหารเรือนั้น นี่ก็ไม่ใช่ ที่ตนเองเป็นเพียง จ่าเอก หรือ จ.อ.เท่านั้น และได้มีการลาออกจากตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2539 แล้ว ซึ่งเรื่องนี้ไม่อยากให้นำมาเกี่ยวข้องเรื่องตำแหน่งในกองทัพเรือเกี่ยวข้องเสียหายไปด้วยในครั้งนี้ด้วย ไม่เกี่ยวข้องกัน

ซึ่งเรื่องความขัดแย้งกันครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องที่มีการออกข่าวไปทั้งหมดเด็ดขาด แต่เป็นเรื่องเคยเกิดปัญหากับกับฝ่ายปลัดอำเภอรายนี้ มาก่อนซึ่งตนเองเป็นผู้เสียหายเดิม ที่มีการแจ้งความไว้เมื่อวันที่ 6 ก.พ.63 ที่ผ่านมา ว่ามีโทรศัพท์เคลื่อนที่ประจำตำแหน่งของตนเองเป็นท้องถิ่นอำเภอ ที่เป็นทรัพย์สินทางราชการ ได้หายไประหว่างที่เคยไปนั่งพูดคุยกัน เพราะเคยรู้จักกันกับฝ่ายปลัดฯ รายนี้ ที่กองร้อย อส.  หลังอำเภอเมืองชัยภูมิ

ตนเองก็พยายามสอบถามทางฝ่ายปลัดฯ ว่า เห็นโทรศัพท์ตนเองที่หายไปไหม ซึ่งมีข้อมูลว่ามีคนเห็นว่าฝ่ายปลัดเป็นผู้เก็บไป ตนเองจึงเข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เพราะทรัพย์ทางราชการของตนเองดูแลอยู่หายไป มาตั้งแต่ก่อนมีเรื่องกันกับฝ่ายปลัดรายนี้เมื่อ 6 ก.พ.63 แล้ว

ก่อนที่จะมามีเรื่องทะเลาะกันในร้านอาหารดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 22 มิ.ย.63 ที่ผ่านมา ซึ่งตนเองเห็นฝ่ายปลัดนั่งอยู่ในร้านก็เข้าไปถามว่าเห็นโทรศัพท์ดังกล่าวที่หายไปไหมอีก แต่ก็ถูกฝ่ายปลัดพูดไม่เคารพผู้ใหญ่ ..ไม่รู้ไม่เห็น..ไม่เกี่ยว..ซึ่งทางตนเองเห็นมาตลอดว่าฝ่ายปลัดฯ รายนี้ชอบใช้คำที่ไม่เคารพตนเองมาตลอด ซึ่งวันที่เกิดเหตุ 22 มิ.ย.63 ที่ผ่านมา ตนเองจึงมีอาการโกรธขึ้นบ้าง มีการทะเลาะวิวาทต่อยตีกันเท่านั้น

ซึ่งขอยืนยันว่าไม่ได้ใช้ปืนไปจ่อหัวใคร หรือจ่อหัวปลัดฯ ส่วนปืนดังกล่าวที่เขานำมามอบให้ตำรวจ เรื่องนี้ไม่ขอให้ข้อมูลซึ่งจะอยู่ในสำนวนไปว่าคดีกันในชั้นศาลจะดีกว่า ซึ่งอยากให้ทุกฝ่ายที่ทราบข่าวที่เกิดขึ้นทั้งหมดทั้งตัวเองที่เป็นท้องถิ่นอำเภอ เมากร่างใช้ปืนจ่อหัวปลัดเบ่งกินไม่ยอมจ่ายค่าเหล้าให้ อะไรต่างๆ ที่เกิดขึ้นตามข่าวที่ผ่านมาไม่เป็นความจริงเด็ดขาด ซึ่งรวมทั้งตนเองไม่เคยคิดหลบหนีแน่นอน และพร้อมรอว่าเมื่อไร จนท.ตร.จะเรียกตัวให้มารับทราบข้อกล่าวหา

ซึ่งวันนี้ตนเองก็ขอแสดงความบริสุทธิ์ใจเดินทางมาพบพนักงานสอบสวน สภ.เมืองชัยภูมิ เองแล้วด้วย ที่ขณะนี้ ทางฝ่ายตำรวจยังขอรอรวบรวมหลักฐานที่ยังไม่เสร็จที่จะต้องรอผลพิสูจน์อาวุธปืนฯดังกล่าวอยู่ และผลยังมาไม่ถึง และต่อจากนี้ไป ซึ่งมีการแจ้งข้อหากับตนเองเสร็จเมื่อใด ตนเองพร้อมมารับทราบข้อกล่าวหาไม่มีหนีแน่นอน และก็จะเป็นขั้นตอนที่ตนเองจะแจ้งดำเนินคดีกับคืนฝ่ายคู่กรณีทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกลับคืนด้วยเช่นกัน จึงอยากฝากให้สื่อมวลชน และประชาชนที่ทราบข่าวช่วยให้ความเป็นธรรมกับตนเองในครั้งนี้ด้วย

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

สุทธิพงศ์ เสฏฐรังสี

สุทธิพงศ์ เสฏฐรังสี

น้อมรับการทำหน้าที่สื่อเพื่อประชาชนมายาวนานกว่า25ปีเพื่อชาวชัยภูมิพร้อมเป็นเครือข่ายการทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีในนามสมาคมนักข่าวจังหวัดชัยภูมิและชมรมสื่อมวลชนชัยภูมิพร้อมรับใช้ชาวชัยภูมิและเป็นเวทีให้กับประชาชนทุกท่านตลอดไปมีอะไรเดือดเนื้อร้อนใจติดต่อมาที่ทีมงาน77ข่าวเด็ดชัยภูมิเราได้หรือที่[email protected]