ชัยภูมิ – บ้านเรือนประชาชน วัดพังเสียหาย ต้นไม้ เสาไฟฟ้า พังเสียหายจำนวนมาก จนท.ชุด ตรวจเข้มเคอร์ฟิวทุกพื้นที่ ต้องบูรณาการร่วมระดมกำลังออกช่วยเหลือ ปชช.ที่ได้รับผลกระทบไฟฟ้าดับตลอดทั้งคืนต่อเนื่อง คาดไฟฟ้าจะกลับมาใช้การได้ปกติในไม่เกินช่วงเช้าพรุ่งนี้ ผู้ว่าฯยันพร้อมรับมือทุกสถานการณ์ได้ทั้งพายุถล่ม และคาดว่าผู้ป่วยที่พบติดเชื้อโควิด -19 ที่จ.ชัยภูมิ ที่มีพบอยู่ขณะนี้ทั้ง 2 ราย ที่รายแรกมีอากาดีขึ้นพร้อมให้กับบ้านได้แล้ว และส่วนรายที่สอง เองในเร็วๆ นี้น่าจะมีข่าวดีตามมาอีก ส่วนด่านต่อไปยังต้องขอความร่วมมือประชาชนทุกพื้นที่ ยังต้องมีกลุ่มช่วยกันเฝ้าระวังที่ถึงแม้ว่าจะยังตรวจไม่พบมีเชื้อ แต่ก็ยังเป็นกลุ่มเสี่ยงต้องช่วยกันเฝ้าระวังกักตัวให้ครบอีก 14 วัน อีกล่าสุดรวม 83 ราย ที่คาดว่าจะช่วยให้การควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ดีขึ้น หากประชาชนช่วยกันอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติครั้งนี้จะผ่านวิกฤตไปได้ด้วยกันโดยเร็วมากขึ้น!
( 3 เม.ย.63 ) ที่จ.ชัยภูมิ หลังจากที่รัฐบาลยกระดับมาตรการในการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด -19 ในทั่วประเทศขณะนี้ ซึ่งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพิ่มเติม โดยกำหนดเคอร์ฟิวทั่วประเทศ ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.63 เป็นวันแรก ห้ามประชาชนออกจากบ้านเป็นเวลา ในช่วงเวลาระหว่างเวลา 22.00 – 04.00 น. ตั้งแต่จากนี้เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดจะคลี่คลายหรือมีคำสั่งจากทางรัฐบาลป็นอย่างอื่น
ก่อนที่จะมีการระดมปล่อยแถวเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกตรวจตามมาตรการเคอร์ฟิวในทุกพื้นที่ทั่วทั้ง 16 อำเภอ ในส่วนของจ.ชัยภูมิ เป็นวันแรกเพื่อแจ้งเตือนประชาชนให้ปรับตัวในช่วงเวลา 21.00 น.ของวันที่ 3 เม.ย.63 ที่ผ่านมา ก่อนที่จะมีผลในเวลา 22.00 น.ตามมา
ซึ่งบรรยากาศต่างเป็นไปด้วยการเตรียมของประชาชนในหลายพื้นที่ เพื่อให้ความร่วมมือตามมาตรการประกาศเคอร์ฟิว ประชาชนส่วนใหญ่ต่างพากันกลับเข้าบ้านตั้งแต่ช่วงเวลาช่วงเลิกงาน ของตั้งแต่ช่วง 18.00 น. เป็นต้นมา แต่ก็ได้เกิดพายุฝนพร้อมลูกเห็บขนาดใหญ่พัดถล่มหนักในหลายพื้นที่ของเขตรอยต่อใน 3 อำเภอ ทั้งในเขตอ.เมืองชัยภูมิ เขตอ.บ้านเขว้า และอ.ภูเขียว นานติดต่อกันหลายชั่วโมง ทำให้มีต้นไม้ขนาดใหญ่ล้มหักโค้นลงมาขวางทางสัญจรไปมาในช่วงถนนสายชัยภูมิ – ตาดโตน ในเขตต.นาฝาย อ.เมืองชัยภูมิ เป็นระยะทางยาวติดต่อกันกว่า 500 เมตร รถไม่สามารถผ่านได้ทุกชนิด และมีแคมป์ที่พักคนงานก่อสร้างในพื้นที่พังเสียหายมีสังกะสีถูกแรงลมพัดไปถูกคนงานได้รับบาดเจ็บ จำนวน 4 ราย ที่โชคยังดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส และมีไฟฟ้าดับไปทั่วตำบลนานกว่า 3 ชั่วโมง
รวมทั้งพายุฝนยังได้พัดถล่มหนักในจุดเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ ช่วงถนนนิเวศรัตน์ มีเสาไฟฟ้าล้มลงมาเสียหายกว่า 10 ต้น ทางเจ้าหน้าที่ชุดระดมปล่อยแถวตรวจเข้มตามมาตรการเคอร์ฟิว ของจ.ชัยภูมิ ในครั้งนี้ต้องช่วยกันบูรณาการกำลัง เพื่อระดมออกไปช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับผลกระทบจากพายุถล่มในครั้งนี้ในหลายพื้นที่ ที่ยังมีชาวบ้านในรอยต่อเขตอ.บ้านเขว้า เองก็มีฝนตกหนักน้ำท่วมขังสูงกว่า 30 ซม.ท่วมเข้าบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายบางส่วน และตามถนนสายหลักในตัวอำเภอบ้านเขว้า ทำให้การสัญจรผ่านเข้าออกชุมชนไม่ได้ในหลายพื้นที่อยู่นานอีกกว่า 3 ชั่วโมง มีไฟฟ้าดับนานต่อเนื่องหลายจุด รวมทั้งมีบ้านเรือนประชาชน และวัดพังเสียหายอีกหลายสิบหลังใน เขต ต.กวางโจน อ.ภูเขียว ที่ล่าสุดคาดว่า ทางจนท.ทางการไฟฟ้าจะสามารถเข้าช่วยดำเนินการแก้ไขให้ไฟฟ้ากลับมาใช้ได้ปกติ ในทุกพื้นที่ทั้งหมดในไม่เกินเช้าวันพรุ่งนี้ที่ 4 เม.ย.63
ก่อนที่ทางด้าน นายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจ.ชัยภูมิ จะออกมาเปิดเผยว่า ในส่วนสถานการณ์พายุที่พัดถล่มในรอยต่อกว่า 3 อำเภอครั้งนี้ ทางจังหวัดได้ระดมชุดบูรณาการตรวจเข้มตามมาตรการเคอร์ฟิว เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดโควิด -19 เข้าช่วยเหลือเป็นการเร่งด่วนและเร่งช่วยกันสำรวจความเสียหายบ้านเรือนประชานจากพายุถล่มทั้งหมดเพื่อเร่งให้การช่วยเหลือเป็นการด่วนต่อไปแล้ว
และในส่วนเรื่องสำคัญในการช่วยกันป้องกันการแพร่ระบาดโควิด -19 ในพื้นที่จ.ชัยภูมิ ในขณะนี้ที่ก็ถือเป็นกรณีเร่งด่วนที่สุดพร้อมกันไปด้วย และคาดว่าผู้ป่วยที่พบติดเชื้อโควิด -19 ที่จ.ชัยภูมิ ที่มีพบอยู่ขณะนี้ทั้ง 2 ราย ที่เป็นหญิงวัย 20 ปี ชาวอ.ภูเขียว และหญิงวัย 30 ปี ที่อ.เนินสง่า ที่รายแรกคือหญิงอายุ 30 ปี ที่อ.เนินสง่า ล่าสุดเองก็มีอากาดีขึ้นพร้อมให้กับบ้านได้แล้ว แต่ก็ยังต้องมีมาตรการเฝ้าระวังขอให้ช่วยกักตัวต่อไปอีกที่บ้าน 14 วัน และส่วนรายที่สอง เองในเร็วๆนี้น่าจะมีข่าวดีตามมาได้อีก
ส่วนด่านปัญหาที่จะต้องขอความร่วมมือชาวชัยภูมิทุกคน ช่วยกันให้ต่อเนื่องมากขึ้นอย่างเข้มข้นต่อไปอีก ที่จ.ชัยภูมิ ยังต้องมีกลุ่มเสี่ยงที่จะต้องช่วยกันเฝ้าระวังที่ถึงแม้ว่าขณะนี้จะยังตรวจไม่พบมีเชื้อโควิด -19 แต่ก็ยังเป็นกลุ่มเสี่ยงต้องช่วยกันเฝ้าระวังกักตัวให้ครบอีก 14 วัน อีกล่าสุดรวม 83 ราย กระจายอยู่ในทั้ง 16 อำเภอ ที่คาดว่าจะช่วยให้การควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด -19 ได้และขอให้ประชาชนอยู่บ้าน หยุดเชื้อช่วยกัน เพื่อไม่ให้มีกระจาย หรือกลายเป็นผู้ไปติดเชื้อมาเสียเองอีก และครั้งนี้ในจ.ชัยภูมิ ก็จะเป็นการช่วยกันร่วมมือร่วมแรงช่วยกันทุกฝ่ายให้ผ่านวิกฤติไปได้โดยเร็วมากขึ้นได้
