จังหวัดแพร่ ผู้ว่าหญิงคนเดียวในประไทย ทำงานเพียง1 เดือนพบปัญหามากภัยแล้งหมักหมมมานาน ไม่มีความพร้อมข้าราชการ ท้องถิ่นเกียร์ว่าง เร่งบูรณาการทุกหน่วยเปิดพื้นที่ทำงานช่วยชาวบ้านแก้ภัยแล้งภัยหน้าแบบเร่งด่วน
ตลอด 1 เดือนที่ผ่านมา นางกานต์เปรมปรีย์ ชิตานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ซึ่งเป็นผู้ว่าหญิงคนเดียวในประเทศไทย หลังได้รับตำแหน่งได้ออกทำงานทันทีตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมเป็นต้นมา โดยล่าสุดวันที่ 1 พฤศจิกายน ได้เข้าตรวจสภาพอ่างเก็บน้ำบ่อแก้ว อ.เด่นชัย อ่างเก็บน้ำห้วยม้า ต.ห้วยม้า อ่างเก็บน้ำยางงา ต.บ้านถิ่น อ.เมือง จ.แพร่ พบทั้ง 3 อ่างไม่อยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ เนื่องจากมีน้ำเหลือน้อยกว่าปากท่อปล่อยน้ำ คือมีน้ำน้อยกว่าร้อยละ 30 ทำให้ไม่สามารถใช้น้ำในอ่างได้ ซึ่งจะส่งผลให้ข้าวของเกษตรกรที่กำลังออกรวงอาจได้รับความเสียหายถ้าไม่รีบส่งน้ำเข้าไปช่วย
การเข้าไปดูพื้นที่จริงทำให้พบเห็นปัญหามากมาย ที่อ่างบ่อแก้ว ไม่มีระบบและน้ำแห้งมากจนใช้การไม่ได้ ส่วนที่อ่างห้วยม้ามีดินถล่มทำให้คลองส่งน้ำใช้งานไม่ได้มานานกว่า 7 ปีแต่ไม่มีแผนงานจัดการ ส่วนที่อ่างเก็บน้ำยางงามีการขุดลอกแล้วแต่ระดับน้ำลุกไม่สามารถระบายได้เองตามช่องระบายเดิมต้องทำระบบส่งน้ำด้วยการสูบเข้าลำเหมืองส่งน้ำแต่ยังไม่มีแผนทำงานเช่นกัน ปัญหาเหล่านี้ส่งผลให้ความแห้งแล้งทวีความรุนแรงมากขึ้น
นางกานต์เปรมปรีย์ ชิตานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ กล่าวว่า ตั้งแต่เข้ามาทำงานไม่ได้หยุดเลยเพราะต้องเผชิญกับภัยแล้งต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา ซึ่งได้ตรวจสอบในพื้นที่จริงพบว่า การบริหารจัดการน้ำในพื้นไม่มีการปฏิบัติการเลย บางแห่งปล่อยดินถล่มทับลำเหมืองนานหลายปีไม่มีการแก้ไขระยะทางยาวถึง 5 กม.คือที่อ่างห้วยม้า ในช่วงปลายปีงบประมาณ 2562 มีงบประมาณเหลือจ่ายรัฐบาลจัดมาในจังหวัดที่ประสบภัยแล้งจังหวัดละ 200 ล้าน จังหวัดแพร่ไม่มีแผนรองรับเลย เรื่องนี้จะว่างบมาเร็วไปเร็วไม่ได้ ข้าราชการต้องมีความพร้อมเพราะปัญหาไม่ได้เกิดวันนี้ แต่ร่องรอยการจัดการน้ำมีปัญหาหมักหมมมานาน ไม่เคยสำรวจทำแผนกันเลย เมื่อเงินมาก็รับไม่ได้ ตอนนี้จังหวัดแพร่ กำลังเผชิญกับภัยต่างๆ เช่น ภัยหนาว วันนี้อุณภูมิในชุมชนบนยอดเขาที่สูง ณ วันที่ 1 พฤศจิกายนอุณภูมิลดลงเหลือเพียง 12 องศาเซลเซียส และจะลดลงอีก แต่มีการตรวจวัดอุณภูมิของสถานีตรวจอากาศตรวจอยู่ในตัวเมือง เมื่อไหร่จะประกาศภัยหนาวได้ ต้องไปติดตั้งเครื่องวัดในจุดเสี่ยงภัยจึงจะเหมาะสม
ในภาพรวมแล้วพบว่า ข้าราชการยังไม่ออกกำลังให้เพียงพอในการพัฒนา โดยเฉพาะท้องถิ่นต้องมองพื้นที่ของตนเองว่ามีปัญหาอะไรแล้วทำแผนรองรับไว้ เมื่อทางราชการอนุมัติงบประมาณมาก็จะแก้ได้ทันท่วงที ต้องลองใหม่ เรื่องนี้ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่ดูสำรวจวางแผน และเฉพาะหน้าจะต้องให้ทุกหน่วยงานมาร่วมมือกัน โดยเฉพาะอ่างเก็บน้ำ ที่มีปัญหาต้องแก้อยู่ในพื้นที่ป่าไม้ ต้องให้หน่วยงานเจ้าของพื้นที่เป็นเจ้าภาพแล้วทำงานร่วมกัน จึงจะไม่มีปัญหาทางกฎหมาย ขณะนี้ได้สั่งการไปหมดแล้วรอดูว่าการทำงานจากนี้ไปจะเป็นอย่างไร ต้องเอาความเดือดร้อนของประชาชนเป็นที่ตั้งแล้วหาทางช่วยไม่ใช้เอาระเบียบกฎหมายมาขวางกันทำให้ประชาชนต้องรับปัญหาอย่างยาวนานเช่นนี้
