พื้นที่ป่าจังหวัดแพร่เพิ่มขึ้นเกือบร้อยละ 65 จากการรณรงค์เพิ่มพื้นที่ป่าแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยรวม ก้าวสู่เมืองอนุรักษ์ มีพื้นที่ป่ามากเป็นอันดับต้นๆ ของประเทศ ล่าสุดระดมปลูกในวนอุทยานดอยม่อนแก้ว – ม่อนเด็ง พ่อเมืองคาดหวังแพร่เป็นจังหวัดป่าไม้ฟอกอากาศลดภาวะเรือนกระจกให้ภาคเหนือ
เวลา 10.00 น.วันที่ 24 พฤษภาคม นายสมหวัง พ่วงบางโพ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดเทศกาลปลูกป่าเนื่องในวันต้นไม้ประจำปีของชาติ และวันป่าชุมชนแห่งชาติ ที่วนอุทยานดอยม่อนแก้ว – ม่อนเด็ง ริมอ่างเก็บน้ำห้วยหอย ต.ห้วยม้า อ.เมือง จ.แพร่ ในพื้นที่ฟื้นฟูป่าริมอ่างเก็บน้ำห้วยหอยเนื้อที่จำนวน 3 ไร่ โดยนำพันธุ์ไม้ป่าท้องถิ่นได้แก่ สัก มะขาม ประดู่ รวม 500 ต้น เข้าปลูกเสริมป่าให้มีความหลากหลายและเพิ่มจำนวนไม้มีค่าในป่าแห่งนี้
การจัดกิจกรรมปลูกป่าครั้งนี้ นางสาวปรัชญาพร ศรีคุณ หัวหน้าวนอุทยานดอยม่อนแก้ว ม่อนเด็ง กล่าวว่า เป็นกิจกรรมปลูกป่าประจำปีของชาติ ทำให้มีหน่วยงานพร้อมทั้งภาคประชาชนเข้ามาร่วมกันดำเนินการโดยมี สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดแพร่ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 (แพร่ ) สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 สาขาแพร่ และ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้เขตแพร่ พร้อมทั้งฝ่ายปกครองและส่วนราชการอื่นๆ ร่วมเป็นแม่งาน
การฟื้นฟูป่าบริเวณดังกล่าวเริ่มมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 จากพื้นที่แห้งแล้ง ป่าเสื่อมโทรม ถูกปรับปรุงสภาพป่าจนเกิดความอุดมสมบูรณ์ ในพื้นที่ 316 ไร่ เกิดสภาพป่าที่อุดมสมบูรณ์รอบๆ อ่างเก็บน้ำห้วยหอย กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ประชาชนให้ความสนใจ การปลูกป่าในปีนี้เป็นการเพิ่มเติมส่วนที่ว่างเปล่าจำนวน 5 ไร่ ในบริเวณนี้ยังเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติ มีทั้งป่าเต็งรัง ป่าเต็งรังแคระ ป่าเบ็ญจพรรณ พื้นที่ชุ่มน้ำ ตลอดจนความหลากหลายทางชีวภาพ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพป่าในจังหวัดแพร่ มีความเสื่อมโทรมมากในอดีต แต่ปัจจุบันสามารถฟื้นฟูสภาพป่าเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 62 ในปี พ.ศ. 2551 ปัจจุบันพื้นที่ป่ามีเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 64.77 ถือว่าสภาพป่ามีเพิ่มขึ้นอยู่ในอันดับต้นๆ ของประเทศ ซึ่งนายสมหวัง พ่วงบางโพ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่ คาดหวังว่า การรักษาป่าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจะเป็นผลดีต่อสภาพ ดิน น้ำ และอากาศ นอกจากนั้นยังอาจพัฒนาไปถึง การสร้างคาร์บอนเครดิตหรือการลดสภาวะเรือนกระจกได้ จะนำไปสู่การสร้างรายได้เข้าจังหวัดแพร่ในอนาคตอีกด้วย
