X

พุทธศาสนิกชนชาวแพร่นับหมื่นรับหลวงตาบุญชื่นเดินธุดงค์ผ่านเมืองแพร่

เวลา 14.00 นวันที่ 6 เมษายน 2564 หลวงตาบุญชื่น เดินธุดงค์ จากอำเภองาวเข้าสู่จังหวัดแพร่ ในเวลาดังกล่าว หลวงตาบุญชื่น ได้เข้าสู่ตัว เมืองในเขตเทศบาลเมืองแพร่ มีประชาชน รอรับ หลวงตาบุญชื่น ตั้งแต่ แหล่งเสื้อม่อฮ่อม บ้านทุ่งโฮ้ง จนเข้าสู่เขตเทศบาลเมืองแพร่ โดยหลวงตาใช้เส้นทางหลวงหมายเลข 101 ยันตรกิจโกศล เป็นเส้นทางเดินธุดงค์ ผ่านเข้าสู่เมืองแพร่และเดินด้วยเท้าเปล่าออกเมืองที่บริเวณแยกบ้านฝ้าย ตำบลเวียงทอง อำเภอสูงเม่น จังหวัดแพร่ ระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร มีประชาชนมารอถวายน้ำดื่ม ดอกไม้พร้อมทั้งนำผ้าขาวไว้สำหรับประทับรอยเท้าที่หลวงตาเดินผ่านไปและชื่นชมบารมีพร้อมทั้งต้องการให้หลวงตา เคาะศีรษะ ก่อนเดินทางไปต่อ


การเดินธุดงค์ในครั้งนี้มีแรงศรัทธาของประชาชนมาต้อนรับ ชื่นชมบารมี ของท่านเป็นจำนวนมากส่งผลให้หน่วยกู้ภัยจากจังหวัดต่างๆต้องสนธิกำลัง เข้ามาสนับสนุนในการอำนวยความสะดวกให้กับหลวงตา เป็นอย่างดี ถือเป็นแรงศรัทธาที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้จ้างวานหรือบอกให้มาทำแต่อย่างใด

คณะที่ติดตามหลวงตา เปิดเผยว่าหลวงตาไม่มีจุดหมายชัดเจนระหว่างทางที่จะแวะพักที่ใดใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเดินอย่างต่อเนื่อง โดยมีเป้าหมาย มุ่งหน้าสู่จังหวัดพิษณุโลก เข้าสู่ภาคอีสาน จุดหมายปลายทาง ที่วัดท่าจำปา อำเภอโพนสวนรค์ จังหวัดนครพนม เป็นอันสิ้นสุดการเดินธุดงค์ในครั้งนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินธุดงค์ของหลวงตาบุญชื่น เกจิชื่อดัง ในยุคนี้ มีประชาชนทราบข่าวสารจากกระแสการสื่อสารทางระบบ Social Media ทำให้ทราบข่าวการเดินทางของหลวงตา เป็นสาเหตุให้ มีประชาชนมาเฝ้าชมบารมี และขอพรจากหลวงตาเป็นจำนวนมากอย่างคาดไม่ถึง

 

พุทธศาสนิกชนในจังหวัดแพร่ที่มารอรับหลวงตา ต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวว่า อยากชื่นชมบารมีของเกจิชื่อดังที่เดินทางผ่านจังหวัดแพร่นอกจากนั้นการเดินทางผ่านจังหวัดแพร่จะทำให้จังหวัดแพร่เกิดความคึกคักและเจริญรุ่งเรืองซึ่งที่ผ่านมาประสบปัญหา covid-19 ทำให้เมืองแพร่ซบเซาอยู่นานกว่า 1 ปี ซึ่งการเดินทางธุดงค์ครั้งนี้ของหลวงตาบุญชื่น จะเป็นกระแสสำคัญและบารมีที่ทำให้เมืองแพร่ ผลจากปัญหาทั้งปวง

ชีวประวัติของท่าน พระอริยสงฆ์แห่งนครพนม หลวงตาบุญชื่น ปัญญาวุฒิโท หรือที่สาธุชนเรียกนามท่านจนติดปากว่าหลวงตาชื่น วัย 72 ปี ท่านเกิดที่บ้านเสาเล้า ต.โพนสวรรค์ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม (ปัจจุบันเป็น อำเภอโพนสวรรค์) อดีตทหารผ่านศึกเวียดนาม กองพลเสือดำ ปี 2512 สังกัดกองพันทหารปืนใหญ่ จ.อุดรธานี ผ่านการฝึกรบพิเศษมาแล้ว

ท่านเคยมีชีวิตครอบครัวมาก่อน ขอครอบครัวลาบวช ต้องการหาสัจธรรมของชีวิต ชอบหลักธรรมคำสอนของหลวงปู่มั่น จึงเข้าอุปสมบท เมื่อปี 2552 บรรพชาฉลอง 80 พรรษา ในหลวงรัชกาลที่ 9 แล้ว ซึ้งในรสพระธรรม จึงไม่ลาสิกขา เคยมาจำพรรษา อยู่บ้านนาผาง ต.กกปลาชิว อ.ภูพาน จ.สกลนคร ได้ 4 พรรษา และอุปสมบทได้ 7 พรรษาแล้ว ในพรรษาที่ผ่านมาจำพรรษาที่ พักสงฆ์บ้านเสาเล้า ที่วัดบ้านเกิด

ชอบหลักธรรมคำสอนเดินธุดงค์ตามรอยของหลวงปู่มั่น เดินธุดงค์เท้าเปล่า ฝ่าแดดฝ่าฝนจาก จ.นครพนม ผ่าน จังหวัดน่าน มุ่งสู่ สามเหลี่ยมทองคำ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย พะเยา อ.งาว จ.ลำปาง และเวลานี้พักจำวัดอยู่ที่วัดแดนชุมพล อำเภอสอง จังหวัดแพร่ไม่รับปัจจัยขอรับถวายเพียงน้ำเปล่าตลอดเส้นทางที่หลวงตาเดินผ่านและเข้าจำวัด

ข้อปฏิบัติขณะที่สาธุชนที่รอกราบหลวงตาขณะท่านจาริกธุดงค์
1. หลวงตาท่านไม่รับปัจจัย ฉะนั้น!! ท่านจะไม่เหยียบ ไม่เคาะกระเป๋าตังค์ หรือธนบัตร (ญาติโยมควรเก็บกระเป๋าไว้ด้านหลัง)
2. หลวงตาท่านไม่เหยียบเสื้อหรือผ้าที่มีตัวหนังสือ โลโก้ตราสถาบัน ชื่อร้านต่างๆ ที่มีอักษรภาษาไทย
3. หลวงตาท่านจะไม่เหยียบ โฉนดที่ดินที่มีตราครุฑ

นับว่าเป็นพระที่น่าเคารพ ประชาชนอย่างยิ่ง

.
.

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน