X

สร้างอ่างแม่แคม อันเนื่องมาจากพระราชดำริหน่วยงานรัฐสร้างรอยด่างในโครงการยากเกินเยียวยา

อ่างแม่แคม ส่อเค้าบานปลายหลังชลประทานทำผิดขั้นตอนเวนคืน สร้างความเข้าใจผิดระหว่างวัดกับชุมชนก่อความขัดแย้งบานปลาย เจ้าอาวาสวัดแม่แคมผู้ถูกบุกรุก ระเมิด และชิงทรัพย์สินไปหลังชลประทานเข้าครอบครองที่ดินธรณีสงฆ์โดยมิชอบ สุดท้ายผู้ถูกคุกคามอาจต้องพึ่งพระบารมีด้วยการถวายฎีกา

เจ้าอาวาสวัดแม่แคม ขอใช้ทางเลือก ถวายฎีกา หลังกรมชลไม่ประสานงานเจ้าอาวาสทำหลักฐานการขออนุญาตใช้ที่ดินและทำผาติกรรม จนขณะนี้การสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำแม่แคม คืบหน้าไปถึงร้อยละ 58 แล้ว พร้อมทั้งยังใช้แบ็คโฮทำลายต้นไม้ พร้อมทั้งปล่อยให้ผู้ไม่มีอำนาจนำไม้ไปใช้ประโยชน์อันเป็นทรัพย์สินของทางราชการโดยไม่ขออนุญาต

ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดแพร่วันที่ 15 มกราคม 2564 ถึงความคืบหน้า การเจรจา ของศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่ เพื่อแก้ปัญหาการเวนคืนที่ดินวัดแม่แคม ตามหลักการทำผาติกรรมที่ยังคงไม่มีการปฏิบัติตามกฎหมายขั้นตอนที่ถูกต้องพร้อมทั้ง ต้นไม้จำนวนมาก ซึ่งเป็นทรัพย์สินของวัด ถูกโค่นล้มปรับที่ดินโดยไม่แจ้าเจ้าของพื้นที่และมีผู้นำไม้สักทอง. ไม้กระยาเลยไปใช้ประโยชน์ โดยไม่ได้รับอนุญาตและไม่ได้ทำตามกฏหมายการตัด ชักลากและแปรรูปแต่อย่างใด

เรื่องดังกล่าว มีกรณี พิพาท ระหว่าง วัดแม่แคม ที่มีที่ดินจำนวน 2 แปลงเป็นที่ธรณีสงฆ์ ที่จะต้องทำผาติกรรม เพื่อเวนคืนที่ดินในเขตสร้าง อ่างเก็บน้ำแม่แคม หมู่ที่ 7 ตำบลสวนเขื่อน อำเภอ เมือง จังหวัดแพร่มาตั้งแต่ปี 2562 ในกระบวนการ ขออนุญาตใช้ที่ดินระหว่างกรมชลประทานกับทางวัด นั้น หนังสือแจ้งดำเนินการของกรมชลประทาน มาไม่ถึงผู้รับผิดชอบ คือพระครูสุนทรวรปัญโญเจ้าอาวาสวัดแม่แคมทำให้ เจ้าอาวาสวัดแม่แคมไม่สามารถดำเนินการต่อเนื่องได้ในการมอบที่ดินให้กับโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำดังกล่าว พร้อมกันนั้น ในเดือนเมษายน 2562 ผู้รับเหมาของโครงการสร้างเขื่อน และอ่างเก็บน้ำแม่แคม ได้นำรถแม็คโฮเข้ารื้อถอนต้นไม้ ในเขตธรณีสงฆ์และในเวลาต่อมา มีคนนำไม้ไปใช้ประโยชน์โดยไม่ประสานงานกับทางวัดนอกจากเป็นการบุกรุก ระเมิด และลักทรัพย์ของทางราชการ ซึ่งปัญหาดังกล่าว ไม่มี ใครคิดแก้ไข ปล่อยให้เวลาล่วงไปจนถึง ปีพศ. 2564 ปัจจุบันในขณะที่การสร้างเขื่อนและอ่างเก็บน้ำแม่แคมก้าวหน้าไปถึงร้อยละ 58 แต่การแก้ไขปัญหาดังกล่าวยังคงนิ่งเฉย

พระครูสุนทรวรปัญโญ เจ้าอาวาสวัดแม่แคมได้แต่งตั้งผู้ดำเนินการแทน คือนายพิทักษ์ชัย. รักสุข เขาทำหน้าที่แทนเจ้าอาวาสในการ ทวงคืนความถูกต้อง ของการสร้างอ่างเก็บน้ำ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อให้เกิดความสง่างามในการดำเนินตามรอย เบื้องพระยุคลบาทขอพระองค์ท่าน การดำเนินการความใช้วิธีการที่ถูกต้องโปร่งใสตรวจสอบได้

นายพิทักษ์ชัย. รักสุข ได้นำปัญหาดังกล่าว เข้าสู่การเจรจา ภายใต้การประสานงานและดำเนินการโดยศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่ มีการนัดหมาย ให้หน่อยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันหาทางออกในวันที่ 22 ธันวาคม 2563 และวันที่ 8 มกราคม 2564 ซึ่งในวันที่ 8 นี้ กรมชลประทานได้ส่งรายงานเข้ามา ยังศูนย์ดำรงธรรม ยืนยัน การทำงาน เป็นไปตามระเบียบ ส่วนต้นไม้ที่ถูกตัดและหายไป ไม่ใช่หน้าที่ของ กรมชลประทานที่จะรับผิดชอบ

ซึ่งที่ประชุมในวันที่ 8 ได้นัดอีกครั้งในวันที่ 20 มกราคม ก่อนที่จะถึงวันนัด ศูนย์ดำรงธรรมได้เข้าไกล่เกลี่ย และหาข้อเท็จจริง โดยในวันที่ 13 มกราคม แล้ววันที่ 15 มกราคมมีตัวแทนจากกรมชลประทาน คือนายธนพงษ์ พงษ์วิกรมวัฒน์หัวหน้าควบคุมโครงการชลประทาน ที่ 4 สร้างอ่างเก็บน้ำแม่แคมเข้าร่วมโต๊ะเจรจาพูดคุยด้วย ซึ่งที่ประชุมนอกรอบดังกล่าว ที่วัดแม่แคมการประชุมครั้งนี้ มีแนวทาง ในการปฏิบัติเพื่อหาข้อยุติ คือทางโครงการสร้าง อ่างเก็บน้ำแม่แคม พร้อมที่จะดำเนินการทำผาติกรรม ซึ่งจะมีงบประมาณในการเวนคืนและงบประมาณในการขนย้ายทรัพย์สินออกจากพื้นที่ รวม 500,000 บาท และไม้ที่หายไปโครงการชลประทานจะประสานงานกับผู้ที่นำไม้มีค่าและทรัพย์สินของทางวัดไป ให้นำกลับคืนโดยคิดเป็นมูลค่า ตัวเงินรวมจำนวน 200,000บาท พร้อมทั้ง งบประมาณในการเยียวยาอีก 300,000 บาท รวมเป็นเงิน ประมาณ 1 ล้านบาท ที่จะมอบให้กับวัดแม่แคม

ซึ่งพระครูสุนทรวรปัญโญเจ้าอาวาสวัดแพรกแคม ได้แสดงเจตนา ในการทำผาติกรรม คือการสร้างสิ่งใหม่ที่ดีกว่าด้วยการหาที่ดินมาทดแทน ดีกว่าตัวเงิน คือการหาที่ดิน ที่เหมาะสม จำนวน 5 ไร่มาแทนที่ดินวัดที่ต้องสูญเสียไป ซึ่งเรื่องนี้อยู่ระหว่างการเจรจา ของผู้เกี่ยวข้องหลายฝ่ายในการทำผาติกรรมและสัญญาการเวนคืนให้เกิดข้อยุติ

แต่ล่าสุดพระครูสุนทรวรปัญโญเจ้าอาวาสวัดแม่แคม มองว่าการยอมรับในข้อตกลงดังกล่าวจะถูกครหา ว่าเห็นแก่เงิน จึงมีความคิดเห็นและแนวทางที่จะขอพึ่งบารมี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในหลวงรัชกาลที่ 10 เพื่อขอความเป็นธรรม จึงขอถวายฎีกา รายงานเรื่องราวต่างๆ เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหา โดย วัดไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง เพราะการกระทำที่ผ่านมา วัดไม่ได้เป็นผู้เกี่ยวข้องในกระบวนการทำผิดขั้นตอน แต่เกิดจากกรมชลประทานที่ไม่มองตัวบทกฎหมาย ในการเข้าพื้นที่จะปล่อยให้เวลาเนิ่นนานไป ส่งผลกระทบ สร้างความเข้าใจผิด เกิดความเกลียดชัง ระหว่างประชาชน กลับวัดแม่แคม จนเกิดความทุกข์ร้อนไปทั่วหน้า

พระครูสุนทรวรปัญโญ เจ้าอาวาสวัดแม่แคม ยังคงยืนยันในเจตนารมณ์ ที่จะ แสดงความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ในการ สนับสนุน ให้มีการสร้างอ่างเก็บน้ำ แม่แคม อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และต้องการให้ การทำงาน สร้างอ่างเก็บน้ำไม่เกิดปัญหาจะเป็นอ่างเก็บน้ำที่ดีและมีความสง่างาม มีชื่อเสียงของจังหวัดแพร่ต่อไป

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน