กรุงเทพฯ – นายกรัฐมนตรี แถลงวาระแห่งชาติ แก้ปัญหาหนี้นอกระบบ มอบหมาย กระทรวงมหาดไทย-ตำรวจร่วมไกล่เกลี่ย นัด 12 ธ.ค. แถลงปัญหาหนี้ทั้งระบบ
วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคลัง และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าววาระแห่งชาติ การแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า รัฐบาลเห็นปัญหาหนี้นอกระบบมามานาน วันนี้ เราจะเอาจริงกับปัญหานี้ และยกระดับทำให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่ให้ประชาชน คืนศักดิ์ศรี คืนความหวัง และสร้างความมั่นคงให้ คนไทย โดยรัฐบาลจะฟื้นฟูเศรษฐกิจ สร้างความเข้มแข็งตั้งแต่ระดับครัวเรือนขึ้นไป จนถึงระดับมหภาค ยกระดับความเป็นอยู่ ทำให้ไม่กลับไปมีหนี้ล้นพ้นตัว เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาอีก
รัฐบาลประเมินปัญหาหนี้นอกระบบไว้ 5 หมื่นล้านบาท แต่คิดว่าเลขนี้น่าจะประเมินไว้ค่อนข้างต่ำ ปัญหาจริง ๆ น่าจะมีมากกว่านั้น ถือเป็นปัญหาสังคมที่ใช้เท่าไหร่ก็ไม่มีวันหมด เป็นปัญหาทาสที่เรื้อรังเกินกว่าจะแก้ไขได้ และใหญ่เกินกว่าที่จะแก้ปัญหาได้โดยไม่มีภาครัฐเป็นตัวกลาง รัฐบาลจึงต้องบูรณาการหลายส่วน เพื่อไม่ให้ประชาชนเข้าไปอยู่ในวังวนนี้ โดยได้สั่งการว่า ภาครัฐจะทำหน้าที่ไกล่เกลี่ย ต้องจัดให้ทำสัญญาอย่างถูกต้องและเป็นธรรม เพื่อให้ลูกหนี้ได้มีอากาศหายใจ การแก้ไขหนี้นอกระบบต้องทำอย่างต่อเนื่อง มีฝ่ายปกครองและตำรวจรับหน้าที่ จะมีการทำฐานข้อมูลกลางและมีระบบให้ประชาชนติดตามผลได้ รวมถึงสื่อสารให้ประชาชนทราบความคืบหน้าอย่างตรงไปตรงมา
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ต้องมีความถ่วงดุลระหว่างหน่วยงานด้วย เพราะบางกรณี เจ้าหนี้เป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาล จึงขอฝากกระทรวงมหาดไทยและตำรวจ ให้ทั้ง 2 หน่วยทำงานอย่างมีเป้าหมายและกรอบเวลาที่ชัดเจน หลังจากขั้นตอนไกล่เกลี่ย รัฐบาลจะช่วยปรับโครงสร้างหนี้ โดยกระทรวงการคลัง จะเข้ามาช่วยในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางการเงิน ทั้งการช่วยปรับระยะเวลา เงื่อนไข และกระบวนการต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนสามารถชดใช้หนี้ได้อย่างมีศักดิ์ศรี ไม่เบียดบังการใช้ชีวิตจนทำให้ท้อถอย แน่นอนว่ารัฐบาลจะระมัดระวัง ในมาตรการการช่วยเหลือทั้งหมด เพื่อไม่สร้างภาวะอันตรายทางศีลธรรม
“การแก้ไขนี้คงไม่ใช่ยาปาฏิหาริย์ ที่จะทำให้ปัญหาหนี้นอกระบบไม่เกิดขึ้นอีก แต่มั่นใจว่าด้วยเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ประชาชนมีรายได้ดีขึ้น จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาอีก”
เมื่อถามว่า การเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบ จะมีหลักเกณฑ์เรื่องดอกเบี้ยอย่างไร นายเศรษฐา ระบุว่า เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ห้ามคิดเกินร้อยละ 15 ต่อปี และต้องดูว่าตั้งแต่เป็นหนี้ไปแล้ว จ่ายเงินไปแล้วเท่าไหร่ หากจ่ายเกินไปแล้วก็ต้องยกเลิกต่อกัน ส่วนคนที่ปล่อยกู้นอกระบบส่วนใหญ่เป็นผู้มีอิทธิพล หากไม่ยอมเข้าสู่กระบวนการการไกล่เกลี่ย จะดำเนินการอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลไม่ยอมรับผู้มีอิทธิพลนอกระบบ หรือมาเฟีย ตรงนี้ต้องจัดการไป บ้านเมืองมีกฎหมาย อัตราดอกเบี้ยที่คิดไว้ต้องชัดเจน จะเรียกทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้มาคุย
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ จะมีการแถลงภาพรวมของปัญหาหนี้ ทั้งหนี้ในและนอกระบบอีกครั้ง ยืนยันจะทำให้โครงการนี้ เพื่อปลดปล่อยประชาชน ออกจากหนี้นอกระบบ นับจากบัดนี้เป็นต้นไป
