X

‘นายกฯ’ สั่งสอบ-เอาผิด ปม ‘ดาราสาวชาวไต้หวัน’ แฉ ถูก ตร.ไถเงิน ขณะ 7 ตร.ห้วยขวาง ปฏิเสธ

กรุงเทพฯ – นครบาล สอบตำรวจ สน.ห้วยขวาง ยืนกรานไม่ได้ไถเงินดาราสาวไต้หวัน แค่โต้เถียง หลังนายกรัฐมนตรี สั่งตรวจสอบทุกกระบวนการ ถ้าผิดจริงให้ดำเนินคดีทั้งอาญาและวินัยทันที 

วันที่ 26 มกราคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนาsยกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ระบุว่า พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม รับทราบกรณีนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกเงิน ซึ่งได้สั่งการไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งติดตามและตรวจสอบกรณีดังกล่าวอย่างรอบคอบในทุกขั้นตอน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว

ซึ่งขณะนี้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบข้อมูลการเดินทางของนักท่องเที่ยวเบื้องต้นแล้ว อยู่ระหว่างการประสานงานกับผู้ที่เกี่ยวข้องในเหตุการณ์ และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ทั้งกองบัญชาการตำรวจนครบาล กองบังคับการตำรวจจราจร และสถานีตำรวจนครบาล เน้นไปยังจุดที่มีคนชาวต่างชาติพักอาศัยและเป็นสถานที่ท่องเที่ยว อาทิ ทองหล่อ ห้วยขวาง ลุมพินี ซึ่งมีการตั้งด่าน ทั้งความมั่นคงและตรวจวัดแอลกอฮอล์ เพื่อตรวจสอบและให้ข้อมูลเพิ่มเติมต่อไป ทั้งนี้ หากพบการกระทำความผิดจริง สามารถดำเนินคดีอาญากับเจ้าหน้าที่ได้ทันที โดยไม่ต้องรอผู้เสียหายเข้ามาร้องทุกข์แจ้งความ

“นายกรัฐมนตรีสั่งการเน้นย้ำให้มีการตรวจสอบโดยละเอียดในทุกขั้นตอนอย่างโปร่งใส ซึ่งหากพบเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกระทำความผิดจริง จะต้องดำเนินคดีและลงโทษทางวินัยไม่มีข้อยกเว้น พร้อมกำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทุกหน่วย เจ้าหน้าที่ทุกระดับ ยึดมั่นการปฏิบัติงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รับผิดชอบ ยึดตามกฎระเบียบ และหลักเกณฑ์ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยว ไม่ทำให้เสียบรรยากาศการท่องเที่ยว และชื่อเสียงการเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของไทย” นายอนุชา กล่าว

ตำรวจ สน.ห้วยขวาง 7 นาย ยืนยัน ไม่ได้เรียกรับเงิน แค่ขอดูพาสปอร์ต แต่เจ้าตัวอยู่ในลักษณะมึนเมาเมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่สถานีตำรวจนครบาลห้วยขวาง พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เรียกประชุมและสอบถาม กรณีตำรวจ สน.ห้วยขวาง ถูกกล่าวหาเรียกรับผลประโยชน์จากดารานักแสดงสาวชาวไต้หวัน ขณะเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยช่วงต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยเธอโพสต์ลงอินสตาแกรม ระบุว่า ถูกตำรวจไทยไถเงิน 27,000 บาท

โดยตำรวจชุดปฏิบัติการป้องกันปราบปราม สน.ห้วยขวาง 7 นาย ที่ปฏิบัติหน้าที่ตามวัน-เวลาที่ถูกกล่าวอ้าง ให้ข้อมูล ยืนยันไม่มีการเรียกรับเงินนักท่องเที่ยวชาวไต้หวัน แต่ยอมรับว่า มีการโต้เถียง เนื่องจากขอเรียกตรวจสอบพาสปอร์ต (หนังสือเดินทาง) แต่นักท่องเที่ยวชาวไต้หวันคนดังกล่าว มีอาการมึนเมาและอ้างว่าไม่ได้พกพาหนังสือเดินทางติดตัวมาด้วย แต่สามารถให้เพื่อนนำมาให้ตำรวจตรวจสอบได้ อีกทั้งยังพบบุหรี่ไฟฟ้าที่ตัวนักท่องเที่ยว ซึ่งยอมรับว่าไม่ได้จับปรับ เพียงแต่ชี้แจงไปว่างเป็นสิ่งผิดกฎหมายของประเทศไทย

อย่างไรก็ตาม จากการสื่อสารและภาษาที่ไม่เข้าใจกัน เพราะตำรวจใช้ภาษาอังกฤษ แต่นักท่องเที่ยวรายนี้ใช้ภาษาจีน ประกอบกับเป็นช่วงใกล้เวลายกเลิกจุดตรวจ ว.43 เคลื่อนที่ป้องกันเหตุอาชญากรรม จึงอนุญาตให้นักท่องเที่ยวคนดังกล่าวเดินทางกลับไปได้ หลังหัวหน้าชุดจุดตรวจประเมินแล้วว่า ไม่น่าจะเป็นบุคคลที่เป็นภัยหรือเป็นอันตราย

พล.ต.ต.สำเริง สวนทอง ยอมรับว่า การจะเชิญตัวนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันคนนี้มาให้ข้อมูลคงเป็นไปได้ยาก เพราะขณะนี้ไม่ได้อยู่ในประเทศไทยแล้ว แต่เบื้องต้นทราบว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อกรอกข้อมูลข้อเท็จจริงนี้แล้ว ขณะเดียวกัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานกล้องวงจรปิดในจุดต่าง ๆ เพื่อมาหักล้าง และยืนยันว่า ตำรวจไม่ได้มีพฤติกรรมเรียกรับผลประโยชน์ ตามที่นักท่องเที่ยวรายนี้กล่าวอ้าง

ทั้งนี้ ในส่วนของการพิจารณาในฐานะที่ตำรวจไทย ถูกกล่าวหา เสื่อมเสียชื่อเสียง หรือไม่ คงเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาระดับสูง หรือ ฝ่ายกฎหมายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่พิจารณาดำเนินคดีย้อนหลังได้หรือไม่

พร้อมยอมรับว่า เหตุการณ์นี้สร้างความเสื่อมเสีย และในฐานะผู้บังคับบัญชาได้ให้กำลังใจนายตำรวจชั้นผู้น้อยระดับปฏิบัติการ ไม่ให้เสียขวัญและกำลังใจไปกว่านี้ เหตุการณ์นี้คงไม่สามารถตอบได้ว่า มีเจตนาต้องการลดความน่าเชื่อถือต่อการท่องเที่ยวของประเทศไทยหรือไม่ และเป็นหน้าที่ของผู้บังคับบัญชาระดับสูง หรือ ฝ่ายกฎหมาย ของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จะพิจารณาว่า จะดำเนินคดีย้อนหลังได้หรือไม่

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ลักขณา สุริยงค์

ลักขณา สุริยงค์

ทำหน้าที่สื่อมวลชนมาเกือบ 30 ปี ทั้งงานสายข่าวและจัดรายการทีวี-วิทยุมานับไม่ถ้วน "ไม่เป็นกลาง แต่เป็นธรรม พร้อมนำเสนอความจริง"