X

วันเด็ก ‘นายกฯ’ ขอให้ ‘เด็ก-เยาวชน’ รักษาความดี เป็นพลเมืองมีคุณภาพ

กรุงเทพฯ – นายกรัฐมนตรี เปิดงานวันเด็กแห่งชาติ 2566 พร้อมพบปะเด็ก-เยาวชน ที่กระทรวงศึกษาธิการและทำเนียบรัฐบาล ขอให้เป็นพลเมืองที่มีคุณภาพของสังคม ชุมชน และประเทศชาติ ย้ำทุกฝ่ายช่วยกันดูแลไม่เกิดการบุลลี่ในสถานศึกษา

วันที่ 14 มกราคม 2566 เวลา 08.30 น. พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2566 กระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 68 ภายใต้แนวคิด ‘Children’s Day เด็กดี วิถีไทย’ เพื่อส่งต่อความสุขควบคู่กับการเปิดประสบการณ์ใหม่ให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ และลงมือปฏิบัติ ผ่านกิจกรรมที่เสริมสร้างเด็กและเยาวชนให้เป็นพลเมืองที่ดี พร้อมเรียนรู้วิถีไทยด้วยความสุข ความสนุกแบบเต็มอิ่ม ตามคำขวัญวันเด็กประจำปี 2566 คือ ‘รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่ความดี’ ที่นายกรัฐมนตรีมอบให้เด็กและเยาวชนในปีนี้ โดยมี นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมด้วย คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ คณะผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเด็กและเยาวชน ร่วมงานจำนวนมาก

นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า เป็นโอกาสดีที่ได้มาพบกับลูกหลานไทยซึ่งเป็นอนาคตของชาติ ได้เห็นรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ได้ทำกิจกรรมร่วมกันอย่างมีความสุขกับเพื่อน ๆ และเป็นกิจกรรมร่วมกันของครอบครัว ทั้งที่นี่และทั่วประเทศ ได้พร้อมใจกันจัดงานขึ้นเพื่อให้ความรู้นอกตำรา นอกห้องเรียน เสริมประสบการณ์ใหม่ ๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและเป็นความทรงจำดี ๆ ความประทับใจในวัยเด็ก ที่ผู้ใหญ่จัดให้ทุกปี

สำหรับคำขวัญวันเด็กแห่งชาติปีนี้ ที่มอบให้เด็กและเยาวชน คือ ‘รู้หน้าที่ มีวินัย ใฝ่ความดี’ มุ่งหมายเพื่อให้เด็กและเยาวชน ได้ตระหนักรู้ถึงบทบาทหน้าที่ของตน รวมทั้งความคาดหวังของสังคมที่มีต่ออนาคตของชาติ รวมไปถึงครู อาจารย์ และผู้ปกครอง ที่มีส่วนสำคัญในการปลูกฝังอุปนิสัย ทัศนคติและปัญญา ให้เป็นเกราะคุ้มกันลูกหลานของเรา ให้รอดพ้นจากสิ่งผิด ความเชื่อผิด ๆ และแนวคิดที่เป็นมลพิษในสังคมออนไลน์ต่าง ๆ

นอกจากหน้าที่และวินัยที่เป็นรากฐานในการดำเนินชีวิตแล้ว เด็กทุกคนยังต้องใฝ่ในความดี คิดดี พูดดี ทำดี โดยการประพฤติตัวเป็นลูกที่ดี ด้วยการเชื่อฟังพ่อแม่ ช่วยทำงานบ้าน เป็นลูกศิษย์ที่ดี ด้วยการเชื่อฟังครูอาจารย์ และตั้งใจศึกษาเล่าเรียน รวมทั้งเป็นเพื่อนที่ดี ด้วยการชักชวนกันทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ทั้งต่อตนเองและสังคม ซึ่งจะนำไปสู่การเป็นพลเมืองที่ดีของสังคมในที่สุด รวมไปถึงขอให้ครู อาจารย์ และทุกฝ่ายช่วยกันดูแลไม่ให้เกิดการบูลลี่ในโรงเรียนและสถานศึกษาขึ้น ขอให้ทุกคนอยู่ร่วมกันด้วยความรักความสามัคคี ทำในสิ่งที่ดีและถูกต้องเพื่อให้สังคมและประเทศเกิดความสงบสุข

ต่อมา เวลา 09.45 น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทำเนียบรัฐบาล นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในพิธีเปิดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2566 ทำเนียบรัฐบาล โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีหลายกระทรวง เข้าร่วม

นายกรัฐมนตรีให้โอวาทตอนหนึ่ง ถึงการใฝ่ความดี คือ การฝึกให้คิดดี คิดบวก คิดเพื่อประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าประโยชน์ส่วนตัว การปฏิบัติตนภายใต้คุณธรรมความดีงาม จะเป็นเกราะป้องกันภัยให้ทุกคนมีกรอบในการประพฤติปฏิบัติแต่สิ่งที่ดีงาม และเป็นภูมิคุ้มกันที่เข้มแข็งของเยาวชน ให้เติบโตเป็นทรัพยากรบุคคลอันมีค่าของแผ่นดินต่อไป และเป็นผู้ใหญ่ที่ดี มีคุณภาพ ขอให้เด็ก ๆ เยาวชนทุกคน ตั้งมั่นในความดี มีสติปัญญาที่เข้มแข็ง เป็นผู้โอบอ้อมอารีและเมตตาเอื้อเฟื้อ เพื่อสังคมไทยในวันข้างหน้าจะเป็นสังคมที่น่าอยู่ มีแต่รอยยิ้ม และมีความสุข

รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาเยาวชนในทุกมิติ และพัฒนาคนทุกช่วงวัย เพื่อให้มีความพร้อมในทุกด้านทั้งร่างกาย สติปัญญา ความดีงาม และคุณธรรม ตลอดจนมีศักยภาพในด้านต่าง ๆ เพื่อสร้างโอกาสให้เยาวชนไทยมีพลังอำนาจและขีดความสามารถทัดเทียมนานาชาติได้ โดยได้ส่งเสริมในเรื่องความเป็นไทย ใจรักชาติ และพลังอำนาจของเด็กไทย

พลเอกประยุทธ์ ยังเน้นย้ำเรื่องความเป็นไทย ใจรักชาติ ที่ถือเป็นพลังอำนาจอันทรงคุณค่าที่สุดของเด็กไทย ประเทศไทยมีประวัติศาสตร์มายาวนาน มีเอกลักษณ์วัฒนธรรมที่โดดเด่นเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ และเป็นมรดกล้ำค่าที่สืบสานมาจากอดีต หากเด็กและเยาวชนไทยตระหนักถึงคุณค่าของความเป็นไทย จะเป็นพลังยิ่งใหญ่ที่สามารถนำไปสร้างสรรค์ ขับเคลื่อนทั้งภาคเศรษฐกิจและสังคม เกิดเป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ส่งผลให้ประเทศไทยพัฒนาก้าวไกลอย่างมีเอกลักษณ์โดดเด่นในเวทีโลก เพราะประเทศไทยมีสิ่งดี ๆ มากมายที่บรรพบุรุษได้ถ่ายทอดไว้ อีกทั้งยังมี Soft Power ซึ่งเป็นพลังอำนาจไม่มีชาติใดทัดเทียมได้ ทั้งด้านอาหาร ภาพยนตร์ เทศกาลรื่นเริง แฟชั่น และศิลปะการต่อสู้ หรือที่เรียกว่า 5F ได้แก่ Food Film Festival Fashion Fighting ขอให้ทุกคนตระหนักในคุณค่าควบคู่กับการสร้างเสริมพลังอำนาจในด้านต่าง ๆ โดยเฉพาะด้านเทคโนโลยีวิทยาการสมัยใหม่ ตลอดจนใส่ใจสิ่งแวดล้อม

นายกรัฐมนตรีแสดงความมั่นใจว่า แรงขับเคลื่อนของพลังและความสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่ จะทรงพลังมากยิ่งขึ้น หากไม่ลืมแรงผลักดันที่เกิดจากประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เอกลักษณ์ อัตลักษณ์ และภูมิปัญญา ซึ่งเป็นมรดกล้ำค่าที่สืบสานมาจากอดีต มีความโดดเด่นและเป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ ด้วยพลังของคนรุ่นใหม่ บวกกับความเป็นไทย ใจรักชาติ ถือเป็นพลังอำนาจที่ทรงคุณค่าที่สุดของเด็กไทย ขอเพียงทุกคนเข้าใจถึงรากเหง้า ความเป็นมา และตระหนักถึงคุณค่าของภูมิปัญญาและสมบัติของชาติ ก็จะสามารถนำไปสร้างสรรค์เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมให้เกิดเป็นเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ ซึ่งเป็นกลไกที่จะช่วยพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้าและเป็นที่ประจักษ์ในเวทีโลก

นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวถึงความรอบรู้และความเท่าทันนวัตกรรมและเทคโนโลยี รวมทั้งความตระหนักและใส่ใจในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัจจุบันทั่วโลกต่างให้ความสำคัญกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ หรือ Climate Change ทุกคนต้องมีความรับผิดชอบต่อโลกใบนี้ในฐานะพลเมืองโลกที่ดี ด้วยการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจก เพื่อลดผลกระทบจากสภาวะของโลกร้อนที่จะส่งผลกระทบต่อลูกหลานโดยตรงในภายภาคหน้า เพื่อส่งต่อโลกที่สะอาดให้แก่คนรุ่นหลังต่อไป

รัฐบาลให้ความสำคัญกับการพัฒนาอย่างยั่งยืน และมุ่งส่งเสริมขับเคลื่อนเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และเศรษฐกิจสีเขียว (BCG Model) ซึ่งเด็กและเยาวชนทุกคน มีบทบาทสำคัญในการช่วยผลักดันให้เกิดการพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืนในระยะยาว

นายกรัฐมนตรี ยังเข้าร่วมกิจกรรม เสวนา ‘บทบาทเยาวชนในการพัฒนาประเทศ’ พร้อมพบปะกับเด็กและเยาวชน ที่รอนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี ภายในห้องทำงาน ซึ่งถือเป็นไฮไลต์สำคัญของงานวันเด็กในทุก ๆ ปี การฝึกผู้ประกาศรุ่นจิ๋วในห้องแถลงข่าว การเยี่ยมชมกิจกรรมของหน่วยราชการ หน่วยงาน และบริษัทเอกชนต่าง ๆ ที่ร่วมกันจัดงาน ที่ทำเนียบรัฐบาล อาทิ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย การขับเคลื่อน BCG ของกลุ่ม ปตท. กิจกรรม Kid’s Kitchen ของกลุ่ม GC กิจกรรมของสมาคมต่อต้านภัยพิบัติ ฯลฯ

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ลักขณา สุริยงค์

ลักขณา สุริยงค์

ทำหน้าที่สื่อมวลชนมาเกือบ 30 ปี ทั้งงานสายข่าวและจัดรายการทีวี-วิทยุมานับไม่ถ้วน "ไม่เป็นกลาง แต่เป็นธรรม พร้อมนำเสนอความจริง"