X

‘อนุทิน’ เล็งเสนอขยายเกณฑ์ผู้สูงอายุ 70 ปี เป็นวาระแห่งชาติ ประกาศปี 2566 เป็นปี ‘สุขภาพสูงวัยไทย’

กรุงเทพฯ – กระทรวงสาธารณสุข ประกาศ ปี 2566 เป็นปีแห่งสุขภาพสูงวัยไทย จัดบริการดูแลสุขภาพและแจกของขวัญปีใหม่ผู้สูงอายุทั่วประเทศ ทั้งคัดกรองสุขภาพ มอบแว่นสายตา ผ้าอ้อม ฟันและรากฟันเทียม

วันที่ 26 ธันวาคม 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข, นายแพทย์จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และนายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมอนามัย แถลงข่าว ประกาศนโยบายของขวัญปีใหม่กระทรวงสาธารณสุข ปี 2566 ปีแห่งสุขภาพสูงวัยไทย

นายอนุทิน ระบุว่า ปี 2566 ประเทศไทยจะเป็นสังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ กระทรวงสาธารณสุข ในฐานะองค์กรหลักด้านสุขภาพของประเทศ จึงประกาศให้ปี 2566 เป็นปีแห่ง ‘สุขภาพสูงวัยไทย’ เพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลอย่างเป็นระบบและทั่วถึง พร้อมมอบบริการและวัสดุอุปกรณ์เพื่อการดูแลสุขภาพแก่ผู้สูงอายุ เป็นของขวัญปีใหม่ตลอดปี 2566 ประกอบด้วย

การคัดกรองสุขภาพผู้สูงอายุ การจัดบริการคลินิกผู้สูงอายุในโรงพยาบาลทุกระดับ การมอบวัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นแก่การใช้ชีวิตของผู้สูงอายุ ได้แก่ แว่นสายตา 5 แสนชิ้น ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ 5 ล้านชิ้น ฟันเทียมและรากฟันเทียม 36,000 ราย โดยมีหน่วยบริการและเจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ดำเนินการส่งมอบของขวัญดังกล่าวแก่ผู้สูงอายุทั่วประเทศ

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ปัจจุบัน ไทยมีผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ประมาณ 12.5 ล้านคน คิดเป็น 19% ของประชากรไทย ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถ้าปรับช่วงอายุของผู้สูงอายุใหม่ ยืดออกไปซัก 10 ปี เช่น จากช่วงอายุ 50-60 ปี เป็น 60-70 ปี เพราะปัจจุบันคนอายุ 60-70 ปี ยังเป็นช่วงอายุที่มีความสามารถ แข็งแรง มีความพร้อมที่จะดำรงชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดผลผลิตต่าง ๆ ได้ การจะขยับอายุผู้สูงอายุคงต้องเป็นวาระแห่งชาติ ไม่ใช่เรื่องของ สธ.อย่างเดียว ต้องขอความร่วมมือและหารือหน่วยงานอื่น ๆ และต้องได้รับความเห็นชอบ อย่างเรื่องการเกษียณอายุทำงาน 60 ปี ก็ต้องมองทั้งส่วนของราชการและเอกชนด้วย แต่สิ่งที่ สธ.ทำได้ คือ วางแผนให้คนอายุ 60 ปีขึ้นไป แม้สูงวัยแต่ใจยังวัยรุ่น ฟิต มีคุณภาพชีวิตที่ดี ไม่เป็นปัญหากับประเทศ และอยู่ได้โดยไม่เป็นภาระ ถ้าขยายวัยผู้สูงอายุได้ จะช่วยลดจำนวนผู้สูงอายุลงได้ และการบริหารจัดการต่าง ๆ ก็จะดีขึ้น

ด้านนายแพทย์โอภาส ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และเจ้าหน้าที่สาธารณสุข ดำเนินการคัดกรองความถดถอย 9 ด้าน ด้วย Blue Book Application ครอบคลุมผู้สูงอายุอย่างน้อย 10 ล้านคน และส่งต่อผู้สูงอายุที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเข้ารับบริการในโรงพยาบาลทุกระดับที่มีคลินิกผู้สูงอายุรองรับการให้บริการ รวมทั้งให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขประเมินความจำเป็นในการใช้วัสดุอุปกรณ์เพื่อการดูแลสุขภาพและจัดหาอุปกรณ์ดังกล่าวเพื่อให้ผู้สูงอายุได้รับการดูแลอย่างทั่วถึงทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

ส่วนนายแพทย์จเด็จ เลขาธิการ สปสช. กล่าวว่า สปสช.เตรียมความพร้อมสิทธิประโยชน์มอบให้ผู้สูงอายุในปี 2566 ประกอบด้วย แว่นสายตา ผ้าอ้อมผู้ใหญ่ แผ่นรองซับ แผ่นเสริมซึมซับการขับถ่าย ฟันเทียมและรากฟันเทียม โดยสนับสนุนงบประมาณภายใต้กองทุนต่าง ๆ นอกจากนี้ ผู้สูงอายุที่ต้องการการดูแลสุขภาพยังมีสิทธิการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาล ทั้งแบบผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยใน กับโรงพยาบาลคู่สัญญาของ สํานักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติทุกแห่ง อาทิ การฉีดวัคซีนป้องกันคอตีบและบาดทะยักทุก 10 ปี การประเมินความสามารถในการทํากิจวัตรประจําวัน การตรวจเลือดเพื่อคัดกรองโรคเบาหวาน และการคัดกรองโรคซึมเศร้า เป็นต้น รวมถึงผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ยังมีสิทธิได้รับการดูแลในชุมชนจากกองทุนระบบการดูแลระยะยาว สิทธิประโยชน์เพื่อการส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคสำหรับผู้สูงอายุซึ่งดำเนินการในทุกพื้นที่ ช่วยให้ผู้สูงอายุมีสุขภาพที่แข็งแรง มีชีวิตยืนยาว และมีคุณภาพชีวิตที่ดี

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ลักขณา สุริยงค์

ลักขณา สุริยงค์

ทำหน้าที่สื่อมวลชนมาเกือบ 30 ปี ทั้งงานสายข่าวและจัดรายการทีวี-วิทยุมานับไม่ถ้วน "ไม่เป็นกลาง แต่เป็นธรรม พร้อมนำเสนอความจริง"