X

คนกรุงเทพฯ ไว้วางใจ ‘สื่อข่าวการเมือง’ ระดับปานกลาง

กรุงเทพฯ – โคแฟค ประเทศไทย ร่วมกับ เครือข่ายฯ จัดทำรายงานการสำรวจเชิงปริมาณ เกี่ยวกับทัศนคติ ความคิดเห็น และความไว้วางใจ ของคนกรุงเทพมหานคร ที่มีต่อสื่อมวลชนไทยในการรายงานข่าวการเมืองเป็นครั้งแรก พบว่า คนกรุงเทพฯ ไว้วางใจในกระบวนการและเทคนิคการทำข่าวและวิธีการนำเสนอข่าวมากที่สุด (3.42) ขณะที่ความโปร่งใสและมาตรฐานทางวิชาชีพและจริยธรรมของสื่อน้อยที่สุด (2.91) จากคะแนนเต็ม 5 คะแนน

โดยมีค่าเฉลี่ยของความไว้วางใจโดยรวมอยู่ที่ระดับปานกลาง และเรียงลำดับความไว้วางใจตามดัชนีชี้วัด 8 ตัว จากมากไปหาน้อย ดังนี้
1.กระบวนการและเทคนิคการทำข่าวและวิธีการนำเสนอข่าว Methods (3.42)
2.ความเชี่ยวชาญของผู้สื่อข่าว Journalist expertise (3.38)
3.การสะท้อนเสียงที่หลากหลายในข่าว Diverse voices (3.36)
4.ความเข้าใจสถานการณ์/การลงพื้นที่และอ้างแหล่งข่าวที่รู้จริง Locally sourced (3.27)
5.การอ้างอิงข้อมูลและแหล่งที่มาของข่าว Reference (3.26)
6.การระบุประเภทของข่าว Labels (3.25)
7.การสะท้อนเสียงจากผู้บริโภคสื่อ Actionable feedback (3)
8.ความโปร่งใสและมาตรฐานทางวิชาชีพและจริยธรรมสื่อ Best practices (2.91)

อย่างไรก็ตาม ดัชนีกระบวนการการทำข่าวที่ได้รับคะแนนความไว้วางใจสูงสุด ยังถือว่าอยู่ระดับปานกลาง ผู้ตอบแบบสอบถามที่เป็นเยาวชนเพศชายอายุต่ำกว่า 20 ปี มีแนวโน้มที่จะมีทัศนะในเชิงบวกต่อการทำงานของสื่อฯ โดยมองว่าสื่อฯ มีการพัฒนารูปแบบในการนำเสนอข่าว และรู้ที่มาที่ไปของข่าวที่นำเสนอ (ค่าเฉลี่ย 3.63 และ 3.23 ตามลำดับ)

แต่ในกลุ่มผู้หญิงอายุ 30-45 ปี และจบปริญญาตรี ให้เหตุผลที่ไม่ไว้วางใจสื่อฯ ว่า รูปแบบการนำเสนอของสื่อยังซ้ำกัน คือ อ่านข่าวจากหนังสือพิมพ์ หรือสคริปต์ และไม่ระบุแหล่งที่มาของข่าวชัดเจน

ส่วนดัชนีความโปร่งใสและมาตรฐานทางวิชาชีพและจริยธรรม ของสื่อข่าวการเมือง ที่ได้คะแนนความไว้วางใจน้อยที่สุด แยกย่อยเป็นคุณสมบัติ ดังนี้ นำเสนอข่าวด้วยความน่าเชื่อถือ (3.48) มีจริยธรรมในการนำเสนอข่าว (3.23) นำเสนอข่าวด้วยความถูกต้อง (3.17) ซึ่งอยู่ในระดับปานกลาง ส่วนในเรื่องความซื่อตรงในการนำเสนอข่าว (2.85) ความมีอิสระในการนำเสนอข่าว (1.83) ถือว่าอยู่ในระดับต่ำ โดยให้เหตุผลว่า นำเสนอข่าวเพียงด้านเดียวโดยเฉพาะจากฝ่ายรัฐบาล และถูกแทรกแซงจาก ‘ผู้อิทธิพลในสังคม’ เช่น นักการเมือง ผู้มีชื่อเสียง คนร่ำรวย กลัวผิดกฎหมายควบคุมการนำเสนอข่าว

โดยกลุ่มเยาวชนอายุระหว่าง 15-19 ปี มีแนวโน้มที่จะเชื่อมั่นในการทำงานของสื่อฯ เกือบทุกคุณสมบัติ ส่วนกลุ่มตัวอย่างวัยทำงาน (20-45 ปี) ที่มีการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป มีความคิดเห็นที่ตรงกันข้าม

สำหรับทัศนคติและความไว้วางใจด้านอื่นตามลำดับข้างต้น พบแนวโน้มเช่นเดียวกัน คือ กลุ่มตัวอย่างที่อยู่ในวัยทำงานและมีการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไป มีความไววางใจต่อสื่อมวลชนในการรายงานข่าวการเมืองน้อยกว่ากลุ่มเยาวชน

ส่วนปัจจัยที่ทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจหรือไว้วางใจในระดับต่ำ โดยรวมมาจากการที่สื่อฯ ยังนำเสนอข่าวตามกระแส สร้างภาพ นำเสนอข่าวด้านเดียว ให้น้ำหนักกับรัฐบาลหรือผู้มีอิทธิพล แหล่งข่าวไม่หลากหลาย ใส่ความเห็นของตนเองมากเกินไป และขาดการคัดกรองตรวจสอบซึ่งส่งผลทำให้มีข้อมูลผิดพลาดหรือข้อมูลที่บิดเบือนในข่าว

จากการสำรวจความเห็นยังพบว่า เมื่อประชาชนนึกถึงสื่อมวลชน มักนึกถึงสื่อออนไลน์เป็นหลัก และมองภาพสื่อฯ ไปที่ตัวบุคคล เช่น ผู้ประกาศข่าว หรือผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์ ที่เป็นที่นิยม หรือบุคคลที่เป็นข่าวบ่อย หรืออยู่ในกระแสข่าว

รายงานการสำรวจความเห็นข้างต้น มีวัตถุประสงค์เพื่อต้องการทราบถึงทัศนคติ ความคิดเห็น และความไว้วงใจ ของประชาชนไทยที่มีต่อ ‘สื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการเมือง’ ผลที่ได้จากการวิจัยนี้ จะสามารถนำไปใช้ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาและปรับปรุงศักยภาพของ ‘สื่อมวลชนในการนำเสนอข่าวเกี่ยวกับการเมือง’ เพื่อสร้างบรรทัดฐาน ‘ความเป็นมืออาชีพ’ และยกระดับมาตรฐานความไว้วางใจของสังคมต่อสื่อในอนาคต และเพื่อส่วนเสริมบทบาทสำคัญของสื่อมวลชน ในการลดทอนความขัดแย้งในสังคม

ซึ่งเป็นโครงการหนึ่ง ที่ทางโคแฟคจะทำงานร่วมกับเครือข่าย โดยเฉพาะสื่อมวลชนในอนาคตเพื่อต่อยอดการพัฒนาการศักยภาพสื่อ การรู้เท่าทันสื่อ เพื่อลดการแชร์ข่าวหรือข้อมูลผิดพลาดบิดเบือน และข้อมูลที่สร้างความเกลียดชัง ที่สร้างความแตกแยกและส่งผลกระทบต่อความขัดแย้งทางการเมืองที่มีอยู่ในสังคมปัจจุบัน

ทั้งนี้ โคแฟคได้นำดัชนีชี้วัดความไว้วางใจในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน 8 ตัว The 8 Trust Indicators ที่สำนักข่าวมืออาชีพทั่วโลกใช้เป็นบรรทัดฐานในการทำงาน ภายใต้โครงการ The Trust Project ที่ริเริ่มโดยกลุ่มสื่อมวลชนในสหรัฐอเมริกา มาเป็นข้อมูลพื้นฐานในการจัดทำแบบสำรวจครั้งนี้ โดยสำรวจความคิดเห็นเชิงปริมาณและลงพื้นที่จริง ระหว่างวันที่ 28-31 สิงหาคม 2565 เพื่อสัมภาษณ์ประชาชน 200 ตัวอย่าง ครอบคลุม 15 เขต ในกรุงเทพมหานคร แบ่งตามเพศในสัดส่วนที่เท่า ๆ กัน และครอบคลุม ช่วงอายุ สาขาอาชีพ และสถานะทางเศรษฐกิจ เน้นกลุ่มคนที่มีอุปกรณ์สื่อสารอิเล็คทรอนิกส์ และเป็นผู้สนใจติดตามข้อมูลข่าวสาร บนแพลตฟอร์มที่หลากหลาย สื่อดั้งเดิมและสื่อออนไลน์ อย่างน้อย 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ลักขณา สุริยงค์

ลักขณา สุริยงค์

ทำหน้าที่สื่อมวลชนมาเกือบ 30 ปี ทั้งงานสายข่าวและจัดรายการทีวี-วิทยุมานับไม่ถ้วน "ไม่เป็นกลาง แต่เป็นธรรม พร้อมนำเสนอความจริง"