X

ทำอะไรได้บ้าง หลัง ศบค.ปรับพื้นที่โควิด ‘สีเขียว’ ทั้ง 77 จังหวัด ‘สวมหน้ากากฯ เฉพาะ 608 พื้นที่ปิด-แออัด’

กรุงเทพฯ – ที่ประชุม ศบค. มีมติปรับพื้นที่เป็นสีเขียวทุกจังหวัดทั่วประเทศ แนะสวมหน้ากากอนามัยในกลุ่ม 608 และพื้นที่แออัด เลิกวัดอุณหภูมิ สถานบันเทิง-ดื่มในร้าน เปิดบริการตามกฎหมายกำหนด พร้อมเร่งฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ครอบคลุมไม่น้อยกว่า 60 % 

วันที่ 17 มิถุนายน 2565 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ครั้งที่ 9/2565

นายกรัฐมนตรีกล่าวแนะนำและต้อนรับ นายชัชชาติ สิทธิพันธ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา ที่เข้าร่วมประชุม ศบค. เป็นครั้งแรก และว่า วันนี้ สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศดีขึ้นตามลำดับ จากตัวชี้วัดคือจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ ผู้ป่วยปอดอักเสบ ใส่ท่อช่วยหายใจ และเสียชีวิต ลดลงอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นตัวเลขที่ต่ำแต่ก็ยังไม่น่าพอใจ จนกว่าจะไม่มีผู้เสียชีวิต ซึ่งได้พยายามกวดขันในระดับพื้นที่ โดยเฉพาะมาตรการเรื่องการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น ที่จะต้องเป็นไปตามที่ประมาณการไว้คือ 60 % ขึ้นไป ซึ่งขอให้เร่งรัดดำเนินการให้มากยิ่งขึ้น โดยขอฝากกระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยาด้วย อย่างไรก็ตาม ได้มีการผ่อนคลายมาตรการให้หลายพื้นที่สามารถดำเนินกิจการ กิจกรรมได้มากขึ้น ขอย้ำเตือนให้ทุกคนยังคงต้องดูแลตนเอง ปฏิบัติตามมาตรการของสาธารณสุข 2U (Universal Prevention และ Universal Vaccination) อย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของตนเอง

สำหรับมติ ที่ประชุม ศบค. ที่สำคัญ มีดังนี้
การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์ทั่วราชอาณาจักร พร้อมเห็นชอบ (ร่าง) ข้อเสนอเพื่อผ่อนคลายมาตรการป้องกันควบคุมโรคในประเทศ มีผลนับตั้งแต่ประกาศราชกิจจานุเบกษา/มีผลได้ทันที ดังนี้

1.ปรับระดับพื้นที่สถานการณ์เป็นระดับเฝ้าระวัง (สีเขียว) ทั้งประเทศ ยกเลิกการกำหนดพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว
2.มาตรการการใส่หน้ากากอนามัย ควรสวมหน้ากาก และให้สวมหน้ากากตลอดเวลาเมื่ออยู่ในที่แออัด สถานที่ปิด หรือมีการอยู่ใกล้ชิดกับคนจำนวนมาก
3.การบริโภคสุราหรือแอลกอฮอล์ในร้านอาหารในพื้นที่เฝ้าระวังสูง และพื้นที่เฝ้าระวัง ให้เปิดบริการได้ตามปกติ โดยต้องปฏิบัติมาตรการป้องกันโรค รวมทั้งกฎหมาย กฎ หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง
4.สถานประกอบการประเภทสถานบันเทิง ฯลฯ เปิดให้บริการและให้ผู้รับบริการดื่มแอลกอฮอล์ได้ในพื้นที่เฝ้าระวัง โดยเปิดให้บริการตามกฎหมายเดิมกำหนด
5.การเคลื่อนย้ายแรงงานต่างด้าว ให้การดำเนินการเป็นไปตามปกติ
6.การคัดกรองอุณหภมิ ไม่มีความจำเป็นต้องคัดกรองอุณหภูมิในอาคารสถานที่ (อาจให้มีการคัดกรองในสถานที่เสี่ยงหรือพื้นที่ระบาด)
7.การเว้นระยะห่าง แนะนำให้เว้นระยะห่างตามความเหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงต่อการแพร่โรค
8.มาตรการการรวมกลุ่ม ตรวจคัดกรอง ATK กรณีเป็นผู้ป่วยสงสัยที่มีอาการทางเดินหายใจ หากมีการรวมกลุ่มมากกว่า 2,000 คน ขอให้แจ้งทางคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด/กทม.ทราบ เพื่อเฝ้าระวังการระบาด

ศบค. เห็นชอบข้อเสนอเพื่อ ผ่อนคลายมาตรการป้องกันควบคุมโรค สำหรับการเดินทางเข้าประเทศ ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2565 ดังนี้
1.การยกเว้นการลงทะเบียน Thailand Pass หรือ CoE ของคนต่างชาติ โดยขอให้สำแดงเอกสารวัคซีนหรือผลการตรวจหาเชื้อแบบต่าง ๆ โดยให้มีการสุ่มตรวจเอกสาร ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ
2.ยกเลิกมาตรการคัดกรองอุณหภูมิ ณ ช่องทางเข้าออกระหว่างประเทศ
3.ยกเลิกการกำหนดเงินประกัน (ส่งเสริมการซื้อประกัน)

ศบค. ยังเห็นชอบ (ร่าง) ข้อเสนอเพื่อผ่อนคลายมาตรการสังคม ชุมชน และองค์กร เปลี่ยนผ่านสู่ระยะโรคประจำถิ่น (Post-pandemic) ดังนี้
1.สำหรับกลุ่มเฉพาะ • กลุ่ม 608 ที่ไม่ได้รับวัคซีนครบตามเกณฑ์ ควรสวมหน้ากาก เมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่น • ผู้ติดเชื้อ /ผู้สัมผัส เสี่ยงสูง ให้สวมหน้ากากตลอดเวลา เมื่อจำเป็นต้องอยู่ร่วมกับบุคคลอื่น
2.สำหรับประชาชนทั่วไป / ผู้ใช้บริการ
1.สถานที่ภายนอกอาคาร ที่โล่งแจ้ง ให้สวมหน้ากาก เมื่ออยู่ร่วมกับบุคคลอื่น โดยไม่สามารถเว้นระยะห่าง มีความแออัด มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก หรือ มีการระบายอากาศไม่ดี เช่น ขนส่งสาธารณะ ตลาด สนามกีฬาหรือสถานที่แสดงดนตรีที่มีผู้ชม ฯลฯ
2.สถานที่ภายในอาคาร ให้สวมหน้ากาก โดยสามารถถอดหน้ากาก กรณีอยู่คนเดียว แต่หากอยู่ร่วมกับบุคคลอื่นที่ไม่ได้อาศัยอยู่ที่พำนักเดียวกันต้องสามารถเว้นระยะห่างได้ ไม่รวมกลุ่มแออัด และอยู่ในที่ระบายอากาศได้ดี ส่วนกรณีมีกิจกรรมที่จำเป็นต้องถอดหน้ากาก เช่น รับประทานอาหาร ออกกำลังกาย บริการบริเวณใบหน้า ศิลปะการแสดง ฯลฯ

ทั้งนี้ ให้ดำเนินการด้วยความระมัดระวัง เมื่อกิจกรรมนั้นเสร็จสิ้น ควรสวมหน้ากากทันที

อย่างไรก็ตาม มาตรการที่ ศบค.เห็นชอบในวันนี้ จะนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะจัดทำรายละเอียดออกเป็นข้อกำหนด ประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

ลักขณา สุริยงค์

ลักขณา สุริยงค์

ทำหน้าที่สื่อมวลชนมาเกือบ 30 ปี ทั้งงานสายข่าวและจัดรายการทีวี-วิทยุมานับไม่ถ้วน "ไม่เป็นกลาง แต่เป็นธรรม พร้อมนำเสนอความจริง"