กรุงเทพฯ – บอร์ด ป.ป.ส. ผ่านร่างประกาศคลายล็อกกัญชา พ้นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ยกเว้นสารสกัด THC กว่า 0.2% นายอนุทิน ชาญวีรกูล ขอบคุณทุกฝ่าย ให้รอ 120 วัน หลังประกาศราชกิจจาฯ ได้จดแจ้งปลูกตามบ้านเรือนได้ แต่ขอเคารพกฎหมาย
วันที่ 25 มกราคม 2565 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการยาเสพติดแห่งชาติ ที่มี นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เพื่อพิจารณาประกาศกระทรวงสาธารณสุขให้ กัญชา กัญชง พ้นจากยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ว่า คณะกรรมการยาเสพติด มีมติเห็นชอบกับร่างฯ ที่คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดเสนอ โดยระบุชื่อยาเสพติดที่ยังคงอยู่ในประเภท 5 ประกอบด้วย พืชฝิ่น เห็ดขี้ควาย และสารสกัดจากกัญชา กัญชง ที่มีค่าทีเอชซี (THC) เกินกว่า 0.2% เท่ากับจากนี้ ‘กัญชาจะไม่เป็นยาเสพติด’ แต่สารสกัดที่มี THC เกิน 0.2% ยังเป็นยาเสพติดอยู่
ถ้าจะปลดล็อกส่วนสกัดของกัญชา จำเป็นต้องออกข้อกำหนดควบคุม และให้เกิดความมั่น ใจว่า จะนำมาใช้ทางการแพทย์ การศึกษาวิจัย อุตสาหกรรม และการใช้ทางสุขภาพ หรือผลิตภัณฑ์อาหาร ไม่ใช่นำไปใช้ทางที่ผิด เช่น การเสพเพื่อให้มีฤทธิ์ต่อจิตประสาท ซึ่งวันที่ 26 ม.ค.นี้ พรรคภูมิใจจะยื่น ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ. … ต่อสภาผู้แทนราษฎร
นายอนุทิน ย้ำว่า การประชุมวันนี้ คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน และประเทศเป็นหลัก ทุกหน่วยงานเห็นพ้องต้องกัน และจะเร่งให้กฎหมายนี้มีผลบังคับใช้ ขั้นตอนต่อไป เลขาธิการ ป.ป.ส. จะนำผลการประชุมไปประมวล แล้วยืนยันผลกลับมา ส่งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขลงนาม เพื่อถอนกัญชาออกจากยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ก่อนประกาศในราชกิจจานุเบกษา โดยจะมีผลหลังประกาศในราชกิจจาฯ แล้ว 120 วัน
เรื่องนี้ ถือเป็นเรื่องดี เพราะเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาล ที่จะสนับสนุนพืชกัญชง กัญชา เพื่อใช้ทางการแพทย์ การวิจัยและการศึกษา อีกทั้งยังเป็นไปตามข้อสั่งการของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ให้เร่งการนำพืชกัญชามาใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชน สำหรับข้อห่วงใยจากนานาชาติ ก็มีคำอธิบายอยู่แล้ว เพราะนำมาใช้ทางการแพทย์ ดังนั้นกระทรวงการต่างประเทศจะต้องแจ้งไปยังทูตไทยในแต่ละประเทศ ให้ชี้แจงผู้ที่สงสัยต่อไป
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณพี่น้องคนไทย ที่สนับสนุน จนทำเรื่องใหญ่สำเร็จแล้ว จากนี้ จะมีการออกกรอบมาดูแลการปลูก การใช้ ซึ่งจะไม่ยุ่งยากวุ่นวายเหมือนที่ผ่านมา โดยประชาชนทั่วไปจะสามารถปลูกกัญชา เพื่อนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์แก่ตัวเองได้ แต่ต้องรอให้กฎหมายมีผลบังคับใช้ก่อน จากนี้ คณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ต้องไปหาแนวทางเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในการใช้กัญชา และไม่ให้เกิดการตีความ จะมีากรกำหนดทิศทางการใช้กัญชา การปลูกตามบ้าน จะทำได้ด้วยการจดแจ้ง เป็นการแจ้งเพื่อทราบ ไม่ใช่การอนุญาต จะไม่มีการขัดขวาง ขอเพียงอย่านำไปใช้ในทางที่ผิด และต้องปลูกตามจำนวนที่กำหนด แล้วไม่นำไปสกัดเพื่อใช้ในทางอุตสาหกรรม หากจะสกัดเป็นน้ำมันต้องขออนุญาต
เมื่อถามถึงความมั่นใจในการควบคุมการใช้กัญชา นายอนุทิน กล่าวว่า ประชาชนต้องเคารพกฎหมาย เราไม่อยากจะบังคับหรือลงโทษตามกฎหมาย แต่หากประชาชนไม่เคารพกฎหมาย ก็ไม่มีทางเลือก เพราะทำมาให้ถึงขนาดนี้แล้ว ขอให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากกัญชา ไม่ใช่ใช้โทษจากกัญชา
