กรุงเทพฯ – ผู้ว่า กทม. ออกประกาศ ลอยกระทงปีนี้ ห้ามจุดพลุ-โคมลอย ป้องกันอันตราย ฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำทั้งปรับ พร้อมกำหนดแผนป้องกันอันตราย
วันที่ 3 พฤศจิกายน 2564 พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ระบุว่า วันลอยกระทงปีนี้ ตรงกับวันศุกร์ที่ 19 พฤศจิกายน 2564 คาดว่าจะมีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเดินทางไปท่องเที่ยวงานลอยกระทงในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ โดยเฉพาะท่าเทียบเรือโดยสารริมแม่น้ำเจ้าพระยา หากไม่ระมัดระวังอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุจากการเดินทางท่องเที่ยวทั้งทางบกและทางน้ำได้ อาทิ ท่าเทียบเรือพัง โป๊ะล่ม ตลอดจนการเล่นดอกไม้เพลิงหรือปล่อยโคมลอยเกินขอบเขต อาจก่อให้เกิดอัคคีภัยในอาคารบ้านเรือน หรือสร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
กทม. มีความห่วงใย จึงออกประกาศกรุงเทพมหานคร เรื่อง ‘มาตรการป้องกันอันตรายจากการจุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกัน ในช่วงวันลอยกระทง ประจำปี 2564’ ขอความร่วมมือผู้ผลิต สะสม จำหน่าย ผู้เล่นดอกไม้เพลิงและโคมลอย ตลอดจนประชาชนทั่วไปในพื้นที่เขต กทม. ห้ามไม่ให้จุดและปล่อยบั้งไฟ พลุ ตะไล โคมลอย โคมไฟ โคมควัน หรือวัตถุอื่นใดที่คล้ายคลึงกันขึ้นไปสู่อากาศ เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากผู้อำนวยการเขตพื้นที่นั้น
หากฝ่าฝืนต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
พร้อมทั้งห้ามจำหน่ายและห้ามเล่นประทัดจีนทุกชนิด ประทัดรูปทรงกลม ประทัดรูปไข่ ประทัดรูปสามเหลี่ยม และไดนาไมท์ หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 6 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ สำหรับผู้ผลิตสะสมและจำหน่ายดอกไม้เพลิงจะต้องได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ตามที่กฎหมายกำหนด และจะต้องปฏิบัติตามมาตรการประกาศกรมอนามัยเรื่องข้อปฏิบัติการควบคุมป้องกันอันตรายจากการผลิต การสะสม การขนส่ง และการจำหน่ายดอกไม้เพลิงอย่างเคร่งครัด หากฝ่าฝืนจะถูกจะถูกดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายเช่นเดียวกัน
กรุงเทพมหานคร ยังกำหนดแผนป้องกันอันตรายจากดอกไม้เพลิง และการเล่นโคมลอยไว้แล้ว โดยจัดตั้งชุดเฉพาะกิจ ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการตรวจสอบ ตรวจตรา สถานประกอบการผลิต สะสม และจำหน่ายดอกไม้เพลิงอย่างเข้มงวด ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป รวมทั้งจัดกำลังเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ตามสถานที่ต่างๆ ในช่วงวันลอยกระทง เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อยและปลอดภัยสูงสุดแก่ประชาชน
