นนทบุรี – กรมควบคุมโรค แถลง ผู้ต้องขังชายแรกรับ ติดโควิด 1 คน มีผู้สัมผัสเสี่ยงสูงในครอบครัว 5 คน พร้อมแยกผู้ต้องขังสัมผัสใกล้ชิด 34 คน ไปยังโรงพยาบาลราชทัณฑ์
วันที่ 3 กันยายน 2563 นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค นำผู้เกี่ยวข้องแถลง กรณีกรมราชทัณฑ์ตรวจพบผู้ต้องขังชาย 1 คน ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะกักกันแรกรับ ที่ทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลาง (บางเขน) โดยรับตัวเข้าเรือนจำ วันที่ 26 ส.ค. และตรวจพบติดเชื้อ วันที่ 2 ก.ย.
แพทย์หญิงวลัยรัตน์ ไชยฟู ผู้อำนวยการกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค ระบุว่า รับทราบรายงาน ผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 วันที่ 2 ก.ย.ที่ผ่านมา จากการตรวจที่เกิดขึ้นเป็นประจำในเรือนจำ ผู้ต้องขังรายนี้เป็นผู้ต้องขังแรกรับ อยู่ระหว่างแยกกักก่อนเข้าแดนปกติ ผลตรวจสอบยืนยันทางห้องปฏิบัติการ 2 แห่ง พบติดเชื้อโควิด-19 จริง จึงส่งทีมลงสอบสวน ผู้ป่วยรายนี้มีอาการเมื่อ 29 ส.ค. ด้วยอาการไข้ มีเสมหะ อาการไม่ค่อยชัดเจน วันที่ 2 ก.ย. จึงเก็บเชื้อทางโพรงจมูก ผลพบเชื้อ นับย้อนไป 14 วัน พบประวัติเบื้องต้นอยู่กับครอบครัว ที่คอนโดมิเนียมบ้านสวนธน พุทธบูชา บางมด ในครอบครัวมีผู้สัมผัสความเสี่ยงสูง 5 คนน ซึ่งได้แยกกักกัน ผู้ป่วยทำงานเป็นดีเจ ในร้าน 3 วัน 2 คืน อยู่ที่สาขาพระราม 3 และพระราม 5
ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิด ระหว่างนำตัวขึ้นศาล มีประมาณ 20 คน ทั้งทนายความ เจ้าหน้าที่เรือนจำ นักโทษผู้ร่วมตัดสินคดี และนักโทษร่วมรถโดยสาร สำหรับในเรือนจำมีการแยกกักขังแรกรับ 34 ราย ตรวจทั้งหมดแล้วไม่พบเชื้อ ส่วนผู้เสี่ยงต่ำ เป็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ 2 ราย
ข่าวน่าสนใจ:
ด้านนายแพทย์วีระกิตต์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า กรมราชทัณฑ์ดูแลผู้ต้องขังกว่า 3 แสนคน รายนี้ถือเป็นรายที่ 2 ที่พบติดเชื้อ การตรวจพบครั้งนี้เป็นไปตามมาตรการที่กรมราชทัณฑ์กำหนดให้ ผู้ต้องขังทุกรายต้องแยกกักกันไว้ทั้งหมด 14 วัน โดยมีเทคนิดการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมตรวจด้วย อย่างไรก็ตาม การที่มีผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อทั้งเรือนจำ เพราะมีการแบ่งแยกผู้ต้องขังอย่างชัดเจน ทั้งนี้ ผู้ป่วยรายนี้ไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ อยู่แต่ในเมืองไทย เมื่อตรวจพบเชื้อจึงส่งตัวไปยังอาคารแยกเดี่ยว ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และย้ายผู้ต้องขังที่สัมผัสใกล้ชิดทั้ง 34 คน ไปยังโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ระหว่างรอผลตรวจยืนยันซ้ำ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: