แนะคนไทยในมาเลเซีย ติดต่อขอความช่วยเหลือจากสถานทูต​ / สถานกงสุลได้โดยตรง

กรุงเทพฯ – โฆษก ศบค. แจ้งคนไทยที่ยังอยู่ในมาเลเซีย ติดต่อสถานทูต​ / สถานกงสุล ส่งถุงยังชีพให้ได้ เผย ตม.ด่านสะเดาที่ติดเชื้อ ต้องกักตัวกลุ่มเสี่ยงถึง 142 คน

วันที่ 23 เมษายน 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายแพทย์ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ชี้แจงถึงการปิดด่านสะเดา จ.สงขลา เนื่องจากมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ขณะกลับไปเยี่ยมญาติ และต้องกักตัวเจ้าหน้าที่ประจำด่านว่า มีการกักตัวผู้ที่เข้าข่ายเป็นกลุ่มเสี่ยงระดับความเสี่ยงสูง 49 คน และกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อในระดับต่ำอีก 93 คน รวม 142 คน ส่วนใหญ่เป็นคนใกล้ชิดกับผู้ป่วยติดเชื้อ ซึ่งบัญชาการทหารสูงสุด สั่งปิดด่านสะเดา 7 วัน ให้เข้า-ออกทางด่านปาดังเบซาร์แทน เพื่อทำความสะอาด ฆ่าเชื้อโรค เตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดทำการใหม่ สร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนที่เดินทางสัญจรไป-มา

ทั้งนี้ ไทยและมาเลเซียทำงานร่วมกัน เพื่อส่งผู้เดินทางจากมาเลเซีย กลับเข้าประเทศไทย โดยเข้าสู่กระบวนการกักกัน ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวนกว่า 1,600 คน ซึ่งภาครัฐให้การดูแลอย่างดีและยังไม่พบผู้ป่วย อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ต้องการเดินทางกลับประเทศ จำเป็นต้องมีใบรับรองแพทย์ และลงทะเบียนกับกระทรวงการต่างประเทศ เพื่อที่จะได้เตรียมพื้นที่สำหรับการกักกันโดยรัฐ (State Quarantine) ให้เพียงพอแก่ทุกคน

โฆษก ศบค. กล่าวด้วยว่า จากข้อมูลของกระทรวงการต่างประเทศ พบว่ายังมีคนไทยอีกมากที่อยู่ในประเทศมาเลเซีย กระจายอยู่ในหลายรัฐ สามารถติดต่อสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลโดยตรง ซึ่งจะส่งสิ่งของจำเป็น หรือถุงยังชีพไปให้ รวมทั้งยังมีอาสาสมัครที่พร้อมให้การช่วยเหลือ สำหรับผู้อาศัยอยู่แบบผิดกฎหมายนั้น อยู่ระหว่างเจรจากับมาเลเซียเพื่อที่จะช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาต่อไป