กรุงเทพฯ – นายกรัฐมนตรี ย้ำสุขภาพของประชาชนเป็นสิ่งสำคัญ จะไม่ให้แรงกดดันมาทำให้ต้องผ่อนปรนมาตรการ ขณะนี้กระทรวงต่าง ๆ เร่งทำงานตามงบประมาณที่มีอยู่ ขออย่ามองเพียงการแจกเงินเยียวยาอย่างเดียว
วันที่ 21 เม.ย.2563 พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงข้อเรียกร้องการผ่อนปรนมาตรการต่าง ๆ ในช่วงที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มดีขึ้นว่า ต้องทำด้วยความระมัดระวัง โดยใช้ข้อมูลด้านสาธารณสุข รวมทั้งมีมาตรการรองรับที่เหมาะสมเพียงพอ อย่างไรก็ตาม จะไม่ผ่อนปรนมาตรการเพราะแรงกดดัน แต่ต้องเป็นไปตามข้อเท็จจริง ผู้ประกอบการต้องเสนอมาตรการรองรับ เช่น การจัดสถานที่ การคัดกรองโรค จำกัดจำนวนคน รวมทั้งมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม หรือ Social Distancing หากมาตรการไม่เหมาะสมก็ยังให้เปิดบริการไม่ได้ แม้รัฐบาลจะทราบปัญหาของประชาชน แต่เห็นความสำคัญด้านสุขภาพของประชาชนเป็นหลัก ถ้าไม่รอบคอบหรือผ่อนปรนมาตรการ เพราะแรงกดดันแล้ว อาจทำให้การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กลับมารุนแรง เท่ากับการปฏิบัติมาทั้งหมดสูญเปล่า
ส่วนการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันอังคารหน้า (28 เม.ย.63) จะมีการพิจาณา ยืดระยะเวลาการประกาศใช้ พ.ร.ก.ว่าด้วยการบริหารงานในสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เม.ย.63 นี้หรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชน และข้อมูลจากด้านสาธารณสุข เป็นตัวชี้วัด ขณะนี้ยังพบผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉินจำนวนมาก ขณะที่จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องในแต่ละวัน ผู้ป่วยรักษาหายสามารถกลับบ้านได้ก็เพิ่มมากขึ้น หากประชาชนให้ความร่วมมือกันปฏิบัติตามมาตรการของภาครัฐ จะทำให้จำนวนผู้ป่วยติดเชื้อจะลดลงอีก
นายกรัฐมนตรี ย้ำด้วยว่า รัฐบาลมีวัตถุประสงค์สำคัญ เพื่อดูแลประชาชนให้ผ่านพ้นวิกฤตนี้ มาตรการที่มีอยู่ในขณะนี้ครอบคลุมหลายเรื่อง ทั้งการยืดระยะเวลาชำระหนี้ จึงไม่อยากมองเพียงแค่มาตรการแจกเงินเยียวยาเพียงอย่างเดียว ขณะนี้กระทรวงต่าง ๆ ใช้งบประมาณดำเนินงานที่มีอยู่ทำงานอย่างเต็มที่ รวมทั้งให้กระทรวงพลังงาน กระทรวงมหาดไทย และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน ในการออกมาตรการเพื่อลดค่าไฟฟ้าให้แก่ประชาชนทั่วไป ซึ่งต้องรอบคอบ เพราะเป็นการใช้งบประมาณในอนาคตของหน่วยงาน
