กรรมการสุขภาพแห่งชาติ หนุนคนไทยเพิ่ม ‘กิจกรรมทางกาย ทำให้สุขภาพแข็งแรง’

กรุงเทพฯ – ที่ประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ สนับสนุนแผนส่งเสริมกิจกรรมทางกายในคนไทยทุกช่วงวัย เน้นภาครัฐ-เอกชน ร่วมบูรณาการ หวังลดการเจ็บป่วยจากโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ทำทันที ทำทุกคน ไม่รอรณรงค์ จ.เลย นำหน้าส่งเสริมออกกำลังกายต่อเนื่อง 6 เดือน พร้อมเห็นชอบชง 4 มติ เข้า ครม.

วันที่ 24 มกราคม 2563 ที่ทำเนียบรัฐบาล ดร.สาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (คสช.) ครั้งที่ 1/2563 ซึ่งที่ประชุมรับทราบความก้าวหน้า การขับเคลื่อนมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ เมื่อปี 2560 เรื่องส่งเสริมให้คนไทยทุกช่วงวัย มีกิจกรรมทางกายเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ยังเห็นชอบ 4 มติสำคัญ ที่ได้จากการประชุมครั้งที่ 12 เมื่อเดือนธันวาคม 2562 ด้วย

ดร.สาธิต ระบุว่า มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ปี 2560 เรื่องการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย เกิดจากฉันทมติของผู้แทนภาคส่วนต่าง ๆ ทั่วประเทศ เป็นรากฐานสำคัญที่นำไปสู่การมีแผนระดับชาติ คือ แผนการส่งเสริมกิจกรรมทางกาย พ.ศ.2561-2573 มีเป้าหมายทำให้คนไทยสุขภาพแข็งแรง ลดค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ในปีนี้ กระทรวงสาธารณสุขเตรียมผลักดันเรื่องนี้เต็มที่ผ่าน ‘โครงการก้าวท้าใจ’ ที่จะเน้นรณรงค์ ผู้ที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย เริ่มต้นจากบุคลากรในกระทรวง เป้าหมายซีซั่นแรก 4 แสนคน ขณะนี้มีคนสมัครแล้วราว 1.3 แสนคน ทุกคนจะดาวน์โหลดแอปพลิเคชันเพื่อบันทึกการใช้กำลังกายแล้วแข่งขันกัน ทำให้เรื่องการออกกำลังกายน่าตื่นเต้นขึ้น

ทั้งนี้ หลายหน่วยงานนำเรื่องนี้ไปบูรณาการ สู่แผนงานของตนเอง เช่น กระทรวงมหาดไทยมีนโยบาย 1 อำเภอ 1 สวนสาธารณะให้ชุมชน และสนับสนุนให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กจัดสร้างสนามเด็กเล่น องค์กรวิชาชีพสถาปนิกเอง ก็มาร่วมพัฒนาคู่มือการออกแบบผังเมือง ที่จะส่งเสริมกิจกรรมทางกาย เพื่อให้ท้องถิ่นนำไปใช้ได้จริง ทำให้ปีที่ผ่านมา มีแผนงานเกี่ยวกับกิจกรรมทางกายราว 700 แผนงาน ขณะที่สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย มีบทบาทขับเคลื่อนนโยบาย Sport Economy ส่งเสริมธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับ active lifestyle ในสถานประกอบการ

ดร.สาธิต ปิตุเตชะ ยังยกตัวอย่างกิจกรรมการของ จ.เลย ที่มีโครงการ ‘เลยขยับเท่ากับแสน’ ตั้งเป้าให้ประชากรออกกำลังกายลดน้ำหนักให้ได้รวมกัน 100,000 ก.ก. เบื้องต้น กลุ่มเป้าหมาย 50,000 คน ตลอด 6 เดือน พบว่า ผู้มีน้ำหนักเกิน หรือ BMI 23 ขึ้นไป มีอยู่ราว 23,000 คนหรือเกือบครึ่งหนึ่ง เมื่อจบโครงการสามารถลดน้ำหนักได้รวมกัน 35,717 ก.ก. คิดเป็นประมาณร้อยละ 35 ของน้ำหนักเป้าหมายรวมแต่เริ่มแรก นับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และทำให้ท้องถิ่นอื่น ๆ เริ่มตื่นตัว

ด้าน นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ เลขาธิการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ เปิดเผยว่า นอกเหนือจากสนับสนุนแผนส่งเสริมกิจกรรมทางกายในคนไทยทุกช่วงวัยแล้ว ที่ประชุม คสช.ยังติดตามความก้าวหน้า มติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติมติอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมรับทราบมติสมัชชาสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 12 เมื่อ ธ.ค.2562 ซึ่งมีมติสำคัญ 4 เรื่อง ซึ่งจะนำมติทั้ง 4 เข้าสู่การพิจารณาเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี เพื่อมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการต่อไป