พ.ต.อ ศักดิ์ชัย เกษโกมล ผกก. สภ. เมืองลพบุรี ร่วมกับชุดงานสืบสวน สภ.เมือง ลพบุรี ได้รับรายงานจากสายลับว่าจะมีนักค้ายาเสพติดผ่านมาตามเส้นทางเลี่ยงเมืองลพบุรี-สิงห์บุรี เส้นทางบ้านท่าแค-โพธิ์ตลาดแก้ว ซึ่งเป็นเส้นทางสำหรับเกษตรกรในพื้นที่ในช่วงเวลาเช้า และเป็นเส้นทางเปลี่ยวสำหรับกลางคืน จึงได้ทำกาดักซุ่ม จนเวลาประมาณ 01.30 น. ได้มีรถกระบะ ยี่ห้อนิสสัน รุ่นนาวาร่า สีขาว หมายเลขทะเบียน 1ฒว-8096 กรุงเทพมหานคร ตามที่สายรายงาน จึงได้ให้สัญญานเรียกให้หยุดเพื่อขอทำการตรวจค้น แต่รถคันดังกล่าวได้เร่งเครื่องขับหลบหนี เจ้าหน้าที่ซึ่งได้วางแผนไว้แล้ว ได้ทำการปิดเส้นทาง และได้ไล่ติดตามอย่างกระชั้นชิด จนจวนตัวคนร้ายจำนวน 2 คน ได้จอดรถ วิ่งหนีฝ่าความมืดลงไปในทุ่งนาของชาวบ้านเจ้าหน้าที่ไล่ติดตามแต่ไร้วี่แวว
ซึ่งจากการตรวจสอบภายในตอนหน้ารถพบว่ามีกระเป๋าแบบผ้าสีดำจำนวน 3 ใบ ภายในบรรจุยาบ้าจำนวนมาก ที่พื้นรถพบรองเท้าของคนร้ายที่หลบหนีจำนวน 2 คู่ ที่ รวมถึงข้าวของเครื่องใช้อีกจำนวนหนึ่ง เจ้าหน้าที่จึงได้นำรถ และยาบ้าทั้งหมดนำไปที่โรงพัก สภ.เมือง ลพบุรี ซึ่งจากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าภายในกระเป๋าสีดำ 2 ใบ มียาบ้าบรรจุอยู่ใบละละ 200,000 เม็ด อีกใบมียาบ้าจำนวน 107,000 เม็ด รวมทั้งสิ้น 507,000 เม็ด
พ.ต.อ.ศักดิ์ชัย เกษโกมล ผกก.สภ.เมือง ลพบุรี จึงได้ประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ภ.จว.ลพบุรี ทำการเก็บดีเอ็นเอ และลายนิ้วมือแฝงภายในรถ และสิ่งของที่เป็นของคนร้าย ซึ่งจากการตรวจสอบหมายเลขทะเบียนรถ เบื้องต้นผู้ที่ครอบครองรถคันดังกล่าวเป็นของบริษัทไฟแนนซ์แห่งหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างตรวจสอบ ติดตามเจ้าของรถ
และเมื่อช่วงบ่าย พล.ต.ต.อำนาจ จันทร์เจริญ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 ซึ่งรับผิดชอบดูแลด้านยาเสพติด ได้เดินทางมาร่วมประชุมชุดงานสืบสวน สภ.เมือง ลพบุรี ซึ่งยาบ้าจำนวน 570,000 เม็ดที่ถูกลำเลียงผ่านเส้นทางเลี่ยงเมืองลพบุรีในครั้งนี้ น่าจะเป็นเครือข่ายใหญ่ ที่ถูกลำเลียง เปลี่ยนรถ เปลี่ยนเส้นทาง มาตลอด รอง ผบช. ภ.1 ได้กล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมที่สามารถจับกุม ยึดยาเสพติดได้เป็นจำนวนมาก ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถจับตัวคนร้ายได้ ซึ่งถือว่าเป็นการปฎิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง จากนั้น รอง ผบช.ภ.1 ได้กำชับ ให้ชุดสืบสวนเร่งไล่ล่าหาตัวคนร้ายที่หลบหนี และผู้ร่วมขบวนการมาให้ได้โดยเร็วที่สุด
