X

สมุทรสาครหารือสะพานกลับรถถล่ม วิศวกรรมสถานฯ เข้าตรวจสอบแล้ว

สมุทรสาคร – รองผู้ว่าฯ ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แก้ปัญหาเหตุสะพานกลับรถถล่ม ด้านวิศวกรรมสถานฯ ชี้โครงสร้างโดยรวมยังแข็งแรง

จากเหตุการณ์แผ่นปูนขอบทางบนสะพานกลับรถ ถ.พระราม 2 กม.34 ช่องทางหลัก ขาเข้ากรุงเทพฯ บริเวณหน้าโรงพยาบาลวิภาราม ต.บางกระเจ้า อ.เมืองฯ จ.สมุทรสาคร ที่อยู่ระหว่างการปิดซ่อมบำรุง พังถล่มลงมาทับรถยนต์ที่สัญจรอยู่ด้านล่าง ทำให้มีรถยนต์ได้รับความเสียหาย เหตุเกิดเมื่อเวลา 20.30 น. ของวันที่ 31 ก.ค. ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 2 คน คือ น.ส.สุวรรณี รักท้วม อายุ 40 ปี ชาวแขวงบางขุนเทียน เขตจอมทอง กรุงเทพฯ ซึ่งนั่งอยู่ภายในรถยนต์เชฟโรเลต สีบรอนด์เงิน ทะเบียน ชธ 6271 กรุงเทพมหานคร เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ กับนายชาญ ชาวทอง อายุ 48 ปี ชาว ต.ห้วยไผ่ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี คนงานก่อสร้างที่หล่นลงมาบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในห้องฉุกเฉิน โรงพยาบาลสมุทรสาคร และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน คือ น.ส.ลัคขณา จงศิริโรจน์กุล คนขับรถยนต์ และนายฉัตรชัย ศิริมาศ คนงานก่อสร้าง ขณะนี้กลับบ้านได้แล้ว

ความคืบหน้าล่าสุดหลังเกิดเหตุ เมื่อวันที่ 1 ส.ค. 2565 เวลา 10.00 น. ห้องประชุมท่าฉลอม (501) ศาลากลางจังหวัดสมุทรสาคร นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร เป็นประธานในการประชุมเตรียมความพร้อมป้องกันและแก้ไขปัญหาจากเหตุการณ์แผ่นปูนสะพานกลับรถหล่นทับรถยนต์ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ศูนย์สร้างและบูรณะสะพานที่ 3 (ปทุมธานี) กรมทางหลวง, แขวงทางหลวงสมุทรสาคร, ตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรสาคร ฯลฯ ซึ่งในที่ประชุมได้ร่วมหารือในเบื้องต้น ให้แก้ไขบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัดที่มีปริมาณรถติดสะสมประมาณ 6-7 กม. และให้กรมทางหลวงเร่งวิเคราะห์สภาพสะพานโดยเร่งด่วนว่าเสียหายมากน้อยเพียงใด และมีความปลอดภัย สามารถเปิดถนนช่องทางหลักให้รถได้สัญจรได้หรือไม่ หากพบว่าสะพานมีความชำรุดมากและเสี่ยงอันตรายจนไม่สามารถเปิดช่องทางหลักได้ ขอให้เปิดช่องทางพิเศษ (Reverse Lane) โดยด่วนเพื่อบรรเทาการจราจรติดขัด และขอให้กรมทางหลวงให้ทำป้ายประชาสัมพันธ์เส้นทางการจราจรให้ประชาชนทราบเป็นระยะ

ขณะเดียวกันที่บริเวณจุดเกิดเหตุ ได้มีญาติของนายชาญ ชาวทอง คนงานก่อสร้างที่เสียชีวิต นำข้าวของมาเซ่นไหว้และประกอบพิธีเชิญดวงวิญญาณ โดยมีมารดาของนายชาญ ทำพิธีด้วยตัวเองพร้อมญาติอีก 2 คน และจะนำศพของนายชาญไปบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด ต.ห้วยไผ่ อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี บรรยากาศเป็นไปอย่างเศร้าสลด โดยมารดาของนายชาญกล่าวสั้น ๆ ว่ายังไม่มีอะไรจะให้คำตอบ เนื่องด้วยว่ายังเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเรื่องเมื่อคืนนี้ ส่วนเรื่องฟ้องร้องได้ตอบสั้น ๆ ว่ายังไม่ได้คิด ต้องทำพิธีณาปนกิจศพลูกชายให้เรียบร้อยก่อน หลังจากนั้นญาติของ น.ส.สุวรรณี รักท้วม ก็ได้นิมนต์พระสงฆ์มาทำพิธีเชิญดวงวิญญาณของผู้เสียชีวิตเช่นกัน ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย

ต่อมาเมื่อเวลา 12.00 น. น.ส.ปรียานันท์ ลิขิตศานต์ ผู้ตรวจราชการกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย น.ส.สุวดี ทวีสุข สวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดสมุทรสาคร และคณะ ก็ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณสะพานกลับรถดังกล่าว โดย น.ส.ปรียานันท์ เผยว่า ตอนนี้ทางสำนักงานประกันสังคมได้ตรวจสอบสิทธิสำหรับผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทั้งหมด ส่วนทางกระทรวงแรงงาน โดยทีมเฉพาะกิจกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน ที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน แต่งตั้งขึ้น ตอนนี้จะเข้ามาสอบสวนว่าเกิดอะไรขึ้น และดูแลให้ปฏิบัติตามกฎหมายความปลอดภัย ซึ่งมี พ.ร.บ.ความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554 กับกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องในการควบคุมดูแล

จากนั้นเมื่อเวลา 14.00 น. วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) โดย รศ.ศิริวัฒน์ ไชยชนะ อุปนายกฯ และคณะ ลงพื้นที่ตรวจสอบสภาพของสะพานกลับรถ โดยเปิดเผยว่า สะพานกลับรถแห่งนี้ เป็นการบูรณะซ่อมเสริมสะพานที่ดำเนินการใช้งานมากว่า 30 ปีแล้ว ก็ย่อมมีความเสื่อมโทรมและเกิดรอยร้าวไปตามสภาพ อีกทั้งจุดดังกล่าวยังเคยเกิดไฟไหม้รถบรรทุกน้ำมันด้วย ฉะนั้นความร้อนเนื่องจากไฟไหม้รถ อาจมีผลกระทบต่อพวกคอนกรีตและเหล็กเสริมได้ด้วย แต่จากการตรวจสอบในช่วงขณะนั้น พบว่ายังคงสามารถใช้งานได้ตามปกติ กระทั่งมาถึงกำนดระยะเวลาที่จะต้องทำการซ่อมแซมด้วยวิธีการรื้อผิวคอนกรีตออก แล้วซ่อมแซมเหล็กเสริมใหม่และเทคอนกรีตใหม่ตามกระบวนการและขั้นตอนทางวิศวกรรม แต่บังเอิญว่ามาทำตัวนี้พอเอาพื้นออกฝั่งโน้นก็ยังอยู่ดี ส่วนฝั่งที่เกิดเหตุนี้แรก ๆ ก็ยังดีอยู่และกำลังเตรียมการเทปูน ก็เกิดปัญหานี้ขึ้น ซึ่งโดยภาพรวมรับรองว่ายังปลอดภัยอยู่ แต่ประเด็นตรงนี้คาดว่าขาดเสถียรภาพนิดหน่อยเผอิญไม่คาดคิดว่ามันจะแผ่นปูนขอบทางจะพลิกเทลงมา ซึ่งถ้าไม่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นก็เทปูนคอนกรีตกลับเข้าไปพอคอนกรีตแข็งตัวก็จบแล้ว

รศ.ศิริวัฒน์ กล่าวอีกว่า ในเรื่องการเปิดใช้ช่องทางหลักขาเข้ากรุงเทพฯ ตอนนี้ผู้ปฏิบัติงานกำลังเร่งที่จะเชื่อมฝั่งโน้น ซึ่งตนได้แนะนำให้กรมทางเขาได้เชื่อมเหล็กยึดโยงมากับตัวคานข้างในเพื่อให้เกิดความปลอดภัย เมื่อเชื่อมยึดเสร็จแล้วก็จะประชาสัมพันธ์ว่าดำเนินการแล้ว จากนั้นก็จะเปิดเส้นทางให้รถก็สามารถวิ่งได้ตามปกติ  พร้อมกันนี้จะให้มีป้ายขอให้ผู้ใช้ยานพาหนะลดความเร็วลงเพื่อลดแรงสั่นสะเทือน ส่วนปัญหานี้จะเกิดขึ้นอีกหรือไม่นั้น ตนคงไม่สามารถยืนยันได้ เพราะอุบัติเหตุไม่มีใครคาดการณ์ล่วงหน้าได้ แต่เชื่อได้ว่าทั้งผู้ควบคุมงานและผู้ปฏิบัติงานไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับผู้ใช้รถใช้ถนนอย่างแน่นอน ขณะที่จากการตรวจสอบโครงสร้างทั้งหมดแล้ว ยืนยันได้ว่า โครงสร้างทั้งสะพานยังมั่นคงแข็งแรงดี ไม่จำเป็นต้องรื้อถอนเพื่อสร้างใหม่ สามารถใช้การปรับปรุงซ่อมแซมตามแผนเดิมได้

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน

กิตติกร นาคทอง

กิตติกร นาคทอง

กิตติกร นาคทอง จบการศึกษารัฐศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปัจจุบันเป็นผู้สื่อข่าวเว็บไซต์สาครออนไลน์ จังหวัดสมุทรสาคร เน้นนำเสนอความเคลื่อนไหวในท้องถิ่น และการพัฒนาเมืองในจังหวัดสมุทรสาครเป็นหลัก