!คดีแปลก หนุ่มเจ้าของรถทัวร์ท่องเที่ยว เข้าแจ้งความถูกคนร้ายลักขโมยกุญแจหลบหนีหายไป

นครศรีธรรมราช:  คดีแปลก หนุ่มเจ้าของรถทัวร์ท่องเที่ยวเข้าแจ้งความตำรวจ ถูกคนร้ายขโมยกุญแจรถทัวร์ขณะเสียบไว้ที่รถกลางดึก พบกล้องวงจรปิดจับหน้าคนร้ายไว้ได้ แถมยังถ่ายเซลฟี่หน้ารถทัวร์ก่อนลงมือ คาดคู่แข่งธุรกิจทัวร์หรือพยายามลักทรัพย์นายพงศกร ทิพยศุภลักษณ์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 186/19 ซอยท่าเรือ15 หมู่ 10 ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โชเฟอร์และเจ้าของรถทัวร์ท่องเที่ยว ยี่ห้อสแกนเนีย สีชมพูขาว ทะเบียน 30-2286 กระบี่ ได้เดินทางเข้าแจ้งความกับ ร.ต.อ.อดุลย์ ชูเสน รอง สว.(สอบสวน) สภ.ชะเมา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราชว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.45 น.ของวันที่ 21สิงหาคมที่ผ่านมา หลังจากที่ตนได้นำรถทัวร์มาจอดที่บริเวณริมถนนสายนครศรีธรรมราช-สงขลา หน้าปั๊ม ปตท.สี่แยกหัวถนน หมู่ 10 ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อเตรียมตัวรอรับลูกค้าจาก สนง.พื้นที่การศึกษานครศรีธรรมราช เขต 1 เพื่อเดินทางไปทัศนศึกษาดูงานในพื้นที่ภาคกลาง กทม.,สุพรรณบุรี,กาญจนบุรีและประจวบคีรีขันธ์ ในเช้าวันเดียวกัน โดยมีกำหนดเดินทางไปศึกษาดูงานระหว่างวันที่ 21-24 ส.ค.2562 หลังจากที่ตนได้จอดรถทัวร์ทิ้งไว้นั้น ตนได้เข้าไปนอนพักผ่อนยังห้องพักรายวันที่อยู่ใกล้กัน แต่มีเพื่อนคนขับอีกคนนอนเฝ้ารถอยู่บริเวณด้านหลังเบาะคนขับ จนกระทั่ง ในเวลา 06.00 น.วันเดียวกัน ซึ่งเป็นเวลาที่จะต้องออกเดินทาง ปรากฏว่าเมื่อขึ้นไปนั่งตรงเบาะที่นั่งคนขับกลับพบว่ากุญแจรถที่เสียบคาไว้หายไป จึงไปตามช่างกุญแจมาทำการต่อสายตรงให้ก่อนชั่วคราว เพื่อไปรับลูกค้าให้ทันตามกำหนดเวลาที่นัดหมายไว้ ภายหลังจากเดินทางกลับมาจากศึกษาดูงานครบ 4 วัน จึงย้อนกลับมายังจุดที่เกิดเหตุ จึงขอดูภาพจากกล้องวงจรปิดจากร้านเซเว่นอีเลฟเว่นภายในปั๊ม ปตท.ชะเมา พบชายต้องสงสัยเป็นชายฉกรรจ์อายุประมาณ 35-40 ปี สูงประมาณ 165-170 ซม. นุ่งกางเกงยีนส์ สวมเสื้อยืดไว้ในและทับด้วยเสื้อลายสก๊อต ได้มาเดินวนเวียนอยู่หน้าร้านเซเว่นอยู่หลายนาที ก่อนเดินไปยืนหน้ารถทัวร์ แล้วทำทียืนโทรศัพท์พร้อมนำโทรศัพท์มือถือถ่ายภาพเซลฟี่ตนเองกับหน้ารถทัวร์ก่อนเดินไปเปิดประตูรถแล้วลงมือถอดกุญแจรถทัวร์ออกและปิดประตูเดินหายไปทางด้านหลังรถอย่างรวดเร็ว จึงนำหลักฐานทั้งหมดเข้าแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ชะเมา เพื่อดำเนินการติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีนายพงศกร กล่าวเพิ่มเติมว่าคดีนี้เป็นคดีที่แปลกมากตนยังมีความรู้สึกงงๆ อยู่ว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร ตนไม่เคยมีเรื่องโกรธแค้นบาดหมางกับใครมาก่อน จึงไม่ทราบมูลเหตุของการลักขโมยกุญแจในครั้งนี้ แต่สันนิษฐานไว้ 2 ประเด็นคือประเด็นเรื่องคู่แข่งทางธุรกิจรถทัวร์นำเที่ยวที่อาจไม่พึงพอใจตนที่ได้รับเหมางานทัวร์นำเที่ยวครั้งนี้มาได้จึงพยายามหาเรื่องกลั่นแกล้งส่งคนมาลักถอดกุญแจรถทัวร์เพื่อไม่ให้ตนสามารถนำรถทัวร์ไปรับลูกค้าตามระยะเวลาที่กำหนดได้ หวังเพื่อให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียง หรือคนร้ายอาจจะหวังมาลักทรัพย์ภายในรถทัวร์ซึ่งมีทั้งคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คและทรัพย์สินอื่นหลายรายการ โดยคาดว่าคนร้ายได้เห็นว่าภายในรถมีคนนอนอยู่ จึงเปลี่ยนใจทำทีเป็นถอดกุญแจแทนก็ได้ แต่โชคดีที่ตนหาช่างกุญแจมาทำการต่อสายตรงจนสามารถวิ่งรถได้ชั่วคราว และได้สั่งทำกุญแจใหม่ ในราคาเกือบ 2 หมื่นบาท ตนจึงอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีให้ได้โดยเร็วที่สุด