อุบเงียบ!! “แก๊สคลอรีน”ระเบิด เจ็บนับสิบ นอภ.เร่งอพยพชาวบ้าน เตรียมสแกนพื้นที่

นครศรีธรรมราช:อุบเงียบ!! “แก๊สคลอรีน”ในท่อประปาระเบิด มีคนเจ็บนับสิบ เข้าพักรักษาตัว นอภ.เร่งอพยพชาวบ้าน เตรียมสแกนพื้นที่ขนอมสั่งการห้ามเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด

วันที่ 21 ธันวาคม 2561 ได้มีเพจ “กลุ่มคนเสียงใต้” โพสต์ข้อความ เมื่อเวลา 16.00น.โดยประมาณของวันพฤหัสบดีที่ 20 ธ.ค.61 ได้เกิดเหตุระเบิดเกิดขึ้นที่บริเวณท่อส่ง”ก๊าซคลอรีนหรือคลอไรด์”ในพื้นที่อ่าวท้องโหนด ม.ที่ 3 ต.ท้องเนียน อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ส่งผลให้มีกลุ่มก๊าซที่เป็นอันตรายได้รั่วไหลแพร่กระจายออกไปเป็นวงกว้าง จนมีผู้ที่ได้รับอันตรายจากการสูดดมล้มป่วยลงอย่างกระทันหัน ถูกหามนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อเข้าพักรักษาอย่างเร่งด่วนหลายราย

การรายงานดังกล่าว เป็นการรายงานให้ผู้บังคับบัญชาจากหน่วยงานต้นสังกัด เพื่อแจ้งให้ทราบจาก จนท.ที่เกี่ยวข้อง ในรายงานระบุว่ามีผู้ป่วยเข้าทำการแอดมิดพักรักษาตัว 6 ราย จากผู้ป่วย 7 ราย และมีนายอำเภอเข้าเยี่ยมอาการผู้ป่วยที่ รพ.แล้ว พร้อมสั่งการอพยพเคลื่อนย้ายชาวบ้าน บริเวณที่เกิดเหตุออกจากในพื้นที่อันตรายทันที และใช้พื้นที่ รพ.ขนอม เป็นที่พักชั่วคราว กว่า 10 หลังคาเรือน พร้อมทั้งประสานไปยังหน่วยงาน ของ ปตท. ขนอม ลง พื้นที่ตรวจสอบระงับเหตุ

ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง สภ.ขนอม และ รพ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ได้รับคำตอบว่ามีเหตุที่เกิดขึ้นจริง แต่ทุกอย่างเข้าสู่ภาวะปกติ แต่ไม่บอกว่าสาเหตุเกิดจากอะไร และผู้ได้รับบาดเจ็บเกิดจากสาเหตุใด

อย่างไรก็ตามได้สอบถามชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง เปิดเผยว่า มีเหตุท่อประปาระเบิดจริง โดย จนท.แจ้งว่า เป็นแก๊สคลอรีนที่อยู่ภายในท่อประปาเกิดระเบิดขึ้น อาจจะเกิดจากรอยต่อเชื่อมระหว่างท่อ จึงทำให้แก๊ซภายในถูกอัดแน่นและระเบิดออกมา และ มีการอพยพชาวบ้านในพื้นที่ออกอย่างรวดเร็ว พร้อมสั่งห้ามผู้ไม่เกี่ยวข้องเข้าในพื้นที่

แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่า โครงการวางท่อประปาส่งน้ำจาก เขื่อนเชี่ยวหลาน อ.พุนพิน ไปยัง อ.เกาะสมุย โดยผ่านมาทาง อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ใข้งบกว่า 2,000 ล้านบาท เป็นความร่วมมทอระหว่าง กปภ.และ อปท.ในพื้นที่ ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในปี 6

เท่าที่สำรวจวันนี้ท่อประปาต่อที่ขนอม แต่ยังไม่ได้เดินจากพุนพิน การอัดแก๊สคลอรีนในในท่อประปา ชาวบ้านก็ยังไม่เข้าใจจะอัดไปเพื่ออะไร ทุกหน่วยงานต้องออกมาชี้แจง อย่างไรก็ตามในบริเวณที่เกิดเหตุได้มีการกั้นเชือกห้ามเข้า ทำให้ชาวบ้านที่ต้องใช้เส้นทางดังกล่าวไม่สามารถสัญจรไปมาสำหรับความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป