‘ภูมิธรรม’ สั่งพาณิชย์ เกาะติดสงคราม”อิหร่าน-อิสราเอล” เตรียมรับมือหากกระทบส่งออก

กรุงเทพฯ : ‘ภูมิธรรม เวชยชัย ‘ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งพาณิชย์ เกาะติดสงคราม “อิหร่าน-อิสราเอล” ใกล้ชิด เตรียมพร้อมรับมือหากไทยกระทบส่งออก

วันที่ 15 เมษายน 2567 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงสถานการณ์การสู้รบกันระหว่าง อิสราเอลกับอิหร่าน ซึ่งจาการที่อิหร่านได้เริ่มปฏิบัติการโจมตีทางอากาศช่วงผ่านมา โดยได้ยิงโดรนไปยังพื้นที่เป้าหมายในประเทศอิสราเอล ในด้านผลกระทบการค้าระหว่างประเทศ ตนเองได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า และทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในต่างประเทศ ทำการประเมินสถานการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อการค้าของไทย ซึ่งล่าสุด ได้รับรายงานจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ถึงสถานการณ์ปัจจุบันในอิหร่าน ที่ให้ประชาชนต้องติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด โรงเรียนยังไม่ถูกสั่งปิด และประชาชนเริ่มมีความวิตกกังวลกับสถานการณ์ที่จะตามมา

ทั้งนี้ สำหรับผลกระทบการค้าไทย-อิหร่าน เบื้องต้นยังไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ เนื่องจากพื้นที่เกิดเหตุอยู่ที่อิสราเอล คาดการณ์ว่า สถานการณ์การสู้รบน่าจะไม่ยืดเยื้อ ถ้าอิสราเอลไม่โต้กลับ โดยทางอิหร่านได้ประกาศหยุดโจมตี ยกเว้นถูกอิสราเอลตอบโต้ และได้ให้ติดตามสถานการณ์ที่ช่องแคบฮอร์มุส ในอิหร่าน ซึ่งเป็นช่องแคบที่สำคัญในการเดินเรือเพื่อส่งออกสินค้าสำคัญของประเทศ ที่ส่งออกน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเกือบทั้งหมดในตะวันออกกลาง ทั้งซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิหร่าน กาตาร์ และคูเวต

ทั้งนี้ช่องแคบฮอร์มุส ถูกใช้เป็นช่องทางขนส่งน้ำมัน ถึงวันละ 21 ล้านบาร์เรล หรือคิดเป็น 21% ของปริมาณการขนส่งน้ำมันทั่วโลก ในแต่ละวัน
หากไม่สามารถขนส่งผ่านจุดดังกล่าวแม้เพียงชั่วคราว อาจนำไปสู่ความล่าช้าในการจัดหาน้ำมัน และทำให้ต้นทุนการขนส่งสูงขึ้น จะส่งผลให้ราคาพลังงานโลกเพิ่มสูงขึ้นได้ นอกจากนี้ยังได้สั่งการเพิ่มเติมว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้น อาจจะมีผลกระทบต่อการค้าไทยกับประเทศอื่น ๆ หรือไม่ เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจส่งผลต่อโลก จะได้เตรียมมาตรการรับมือ และแก้ไขปัญหาได้อย่างทันท่วงที ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทยในภาพรวม