กรุงเทพฯ – อดีตผู้สมัคร ส.ส.พปชร.ถ่ายภาพร่วม ผู้กองธรรมนัส ชื่นมื่น เคลียร์ใจ ปม ค่าใช้จ่าย สยบจบปัญหา แต่ไร้คนออกมาแฉ ดร.คมเดช ถูกลอยแพ แถมปั้นข่าวบิดเบือน
วันที่ 30 พฤษภาคม 2566 จากข่าวและภาพที่ได้มีการเผยแพร่ผ่านสื่อต่าง ๆ ถึงกรณี ที่เหล่าอดีตผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ จากหลายจังหวัด ทั้งภาคเหนือ อีสาน ใต้ พากันเดินทางมารวมตัว เพื่อต้องการเข้าพบผู้ใหญ่ในพรรคฯ เรียกร้องให้จ่ายเงินค่าใช้จ่ายในการหาเสียงเลือกตั้งตามที่ได้ตกลงกันไว้ แต่กลับลอยแพผู้สมัคร ไม่ดูแลรับผิดชอบค่าใช้จ่ายนั้น จนเดือดร้อน ต้องเป็นหนี้กู้เงิน ขายทรัพย์สิน หรือแม้แต่กระทั่งวัวที่เลี้ยงไว้เป็นฟาร์ม ๆ ตามที่ ดร.คมเดช มัชฌิมวงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส. เขต 7 จ.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ ทนไม่ไหว ต้องตั้งโต๊ะแถลงข่าวกับสื่อมวลชนเพียงลำพัง เนื่องจาก กลุ่มอดีตผู้สมัครที่เดินทางมากันทั้งหมด ไม่ต้องการให้ข่าวถูกเผยแพร่ออกไป คิดเพียงว่าอาจจะไม่เป็นผลดี และจะไม่ได้เงิน
กระแสข่าวดังกล่าวส่งผลกระทบต่อพรรคพลังประชารัฐเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะความน่าเชื่อถือของหัวหน้าพรรค คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จนกระทั่งภาพพร้อมข่าวที่ถูกปล่อยออกมาให้สื่อมวลชนนำไปเสนอ คือ ภาพที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ว่าที่ ส.ส.จ.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับอดีตผู้สมัครทั้งชาย-หญิงกว่า 20 คน นั่งถ่ายภาพหมู่ร่วมกันด้วยความชื่นมื่น ภายในห้องอาหารของ โรงแรม มิโด ย่านประดิพัทธ์ เพื่อให้สื่อมวลชนได้นำไปเผยแพร่ ว่า ‘ผู้กองธรรมนัส’ ได้สวมบทบาทเป็นกาวใจ พูดคุยกับกลุ่มอดีตผู้สมัคร ส.ส.พปชร.ทั้งหมด ที่รวมตัวเคลื่อนไหวเรียกร้องความเป็นธรรม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ยืนยันว่าทุกคนเข้าใจกันดี พร้อมจับมือร่วมทำงานกับพรรคฯ ต่อไป และยังคงเชื่อมั่นเคารพรัก ‘ลุงป้อม’ เหมือนเดิม
ทั้งนี้ตามข่าว ระบุว่า ปัญหาเกิดจากการประสานงาน เข้าใจกันคลาดเคลื่อนในพื้นที่ เรื่องการปฎิบัติงานต่าง ๆ ซึ่งจากนี้จะได้ร่วมกันดำเนินการแก้ปัญหาต่อไป และหลังการพูดคุย กลุ่มพี่น้องอดีตผู้สมัคร ส.ส. ทุกคนยืนยันยังเคารพ รัก และเชื่อมั่นในตัวท่าน พลเอกประวิตร อย่างเหนียวแน่น และพร้อมจะทำงานกับพรรคเพื่อช่วยเหลือพ่อแม่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ต่อไปในทุกเรื่องที่สามารถทำได้ อีกทั้งทุกคนจะไปทำความเข้าใจกับอดีตผู้สมัคร ส.ส.คนอื่น ๆ ที่ไม่ได้มาพูดคุยด้วย เพื่อให้เข้าใจว่าพรรค จะดำเนินการแก้ปัญหา และให้ความเป็นธรรมอย่างแน่นอน
ในข่าวได้อ้างถึง ดร.คมเดช มัชฌิมวงศ์ อดีตผู้สมัคร ส.ส. เขต 7 จ.นครศรีธรรมราช ผู้ที่ออกมานั่งฉายเดี่ยวแฉพฤติกรรม ‘เสธ. ต.’ ต่อสื่อมวลชน ให้พรรคได้ทราบ พร้อมเรียกร้องความยุติธรรมให้กับตนเองและกลุ่มเพื่อน ว่า ได้เข้าพบพูดคุยทำความเข้าใจกับ ร.อ.นัส พร้อมกับคนอื่น ๆ จนเข้าใจกันดีแล้วนั้น ไม่เป็นความจริง เนื่องจาก หลังการแถลงข่าว ดร.คมเดช ได้เดินทางออกมาจาก รร.มิโด ในทันที และไม่มีการติดต่อให้กลับไปเจรจาพูดคุยตามที่ปรากฏในข่าวแต่อย่างใด โดยมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายตามที่สื่อต่าง ๆ นำเสนอออกมานั้น จะเห็นได้ว่าไม่มี ดร.คมเดชปรากฏอยู่เลยในทุกภาพ
กระทั่ง เช้าวันต่อมา (29 พ.ค.66) มีรายงานว่า ร.อ.ธรรมนัส ได้โทรศัพท์สายตรงหา ดร.คมเดช เป็นการส่วนตัว เพื่อขอร้องให้ใจเย็น ๆ รอตนเองกลับมาพูดคุยด้วยในช่วงบ่าย หลังเสร็จสิ้นภารกิจที่จังหวัดกำแพงเพชร พร้อมขอร้องว่าอย่าทำให้พรรคเสียหาย แล้วจะให้นักข่าวประจำพรรคโทรมาพูดคุย จึงเป็นที่มาของภาพ และข่าวที่แจกไปยังสื่อสำนักต่าง ๆ ซึ่งสาระสำคัญบางส่วนไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะประเด็นที่อ้างว่า ดร.คมเดช อยู่ร่วมพูดคุยทำความเข้าใจกับ ร.อ.ธรรมนัส แล้วในคืนวันที่ 28 พ.ค.
ทั้ง ๆ ที่ความเป็นจริงแล้ว ดร.คมเดช เพิ่งได้พบ ร.อ.ธรรมนัส เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 29 พ.ค. ที่ร้านกาแฟภายในสโมสรกองทัพบก วิภาวดีรังสิต ซึ่งผลการเจรจาพูดคุยนั้นยังไม่สามารถหาข้อสรุป เรื่องการช่วยเหลือเยียวยาอดีตผู้สมัคร ส.ส.ทั้งหมดได้ โดย ร.อ.ธรรมนัส รับปากเพียงว่า “จะกลับไปหารือกันในที่ประชุมพรรคก่อน ขอเวลาประมาณ 2-3 วัน จะให้คำตอบ สัญญาว่าจะดูแลให้ เป็นสิ่งที่พรรคจะต้องแก้ไข และรับผิดชอบ”
สำหรับ ‘เสธ.ต.’ บุคคลที่ถูกแฉนี้ มีรายงานว่าถูกเรียกตัวกลับเข้ากรม กองแล้ว ขณะเดียวกัน หลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ทราบเรื่อง ก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก จึงสั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาข้อเท็จจริง ว่ามีการเบิกจ่ายงบประมาณอย่างไร มีการอมเงินตัดท่อน้ำเลี้ยงผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค หรือไม่ รวมถึงให้ ร.อ.ธรรมนัส เข้ามาเป็นกาวใจประสานทำความเข้าใจเพื่อหาข้อยุติ ไม่ให้ภาพลักษณ์ของพรรค และ พล.อ.ประวิตร เสียหายขาดความน่าเชื่อถือไปมากกว่านี้
และสิ่งนี้เอง อาจทำให้พรรคพลังประชารัฐไม่บรรลุผลสำเร็จ ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายเอาไว้ในพื้นที่ภาคใต้ เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งนี้ ปพชร.ไม่ได้ที่นั่ง ส.ส.ใหม่ แถมยังเสียเก้าอี้เก่าไปอีกด้วย โดยเฉพาะ จ.นครศรีธรรมราช ต้องเสียเก้าอี้ไปถึง 4 ที่นั่ง และยังมีกระแสข่าวลือกันหึ่ง ถึง อดีต ส.ส.ของพรรค รายหนึ่ง หอบเงินมากกว่า 20 ล้านบาท ไปซื้อที่ดินในช่วงก่อนโค้งสุดท้ายของการหาเสียง เพราะเห็นว่าคงไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งที่มีเงินทุนหนากว่า ช่วงชิงพื้นที่ไปได้อย่างราบคาบ
