นครฯ – เคาท์ดาวน์เมืองคอนคึกคัก ร้านชำขายดี แต่เจ้าของร้านบ่นเสียดาย (มีคลิป)

นครศรีธรรมราช : เจ้าของร้านชำคาดการณ์ผิด ไม่นึกว่าของจะขายดีช่วงปีใหม่ บ่นเสียดายไม่ได้ตุนสินค้า

นางประภาวดี พัตราพล อายุ 52 ปี เจ้าของ ‘ร้านสุขใจ’ ขายของชำ ตั้งอยู่เลขที่ 56/4 หมู่ 2 ต.นาเรียง อ.นาเรียง จ.นครศรีธรรมราช กล่าวเสียดายที่คาดการณ์ผิดพลาดอย่างมาก ว่าปีใหม่ 2565 นี้ คงไม่มีอะไรที่หวือหวาคึกคักอย่างที่เคย ๆ เป็นมา ผู้คนคงไม่มาก การค้าขายก็คงไม่ดีนัก น่าจะเหมือน ๆ เดิม ตามสภาพเหตุการณ์ที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในจังหวัด ที่มียอดผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งสูงขึ้นต่อเนื่อง จนมาติดอันดับต้น ๆของประเทศ

ทำให้ที่ผ่านมา ธุรกิจการค้าขายของตนเองซบเซาไม่ดีเรื่อยมาตลอด และคิดว่าปีใหม่ปีนี้คงไม่แตกต่างไปจากวันอื่น ๆ จึงไม่คิดที่จะซื้อสินค้าขายดี จำพวกเครื่องดื่มต่าง ๆ , น้ำอัดลม , เหล้า เบียร์ , ขนม , ของทานเล่น , น้ำแข็ง , ดอกไม้ไฟ , ประทัด เป็นต้น มากักตุนเอาไว้ เพราะเกรงว่าจะขายไม่ได้ เงินทุนจะจม แต่ความเป็นจริงที่เกิดขึ้นกลับสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ที่ผ่านมา ของกลับขายดีเป็นเทน้ำเทท่า จนสินค้าหมดเกลี้ยง บางตัวก็เหลือน้อยลงจนไม่เพียงพอต่อความต้องการ ตลอดทั้งวันจนถึงค่ำมีลูกค้าเข้ามาใช้บริการอย่างไม่ขาดสาย กระทั่งไม่มีเวลาพักทานอาหารเลยด้วยซ้ำ และคงคิดว่าจะปิดให้บริการหลังจากผ่านพ้นกิจกรรมเคาท์ดาวน์ หรือจนกว่าสินค้าทุกอย่างจะหมด รายได้จากปกติวันละหลักพัน 3-5 พันบาท เป็นหลักหมื่น วันนี้วันเดียว 3 หมื่นบาท

“รู้สึกเสียดายเป็นอย่างมาก ไม่นึกเลยว่าปีนี้ของจะขายดี ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ เลยไม่คิดกักตุนซื้อของมาไว้ จำใจที่จะต้องขายเท่าที่มี เพราะจะปิดร้านเพื่อไปซื้อของมาเพิ่มก็นึกเสียดายรายได้ในส่วนนั้น ก็เอาเท่าที่ได้ คงเป็นเพราะที่ผ่านมาทุกคนรู้สึกอัดอั้นอยู่กับความเครียดมานาน ประกอบกับทางจังหวัดได้ประกาศให้มีการจัดกิจกรรมเคาท์ดาวน์ได้ แต่ต้องเป็นไปตามมาตรการ เลยส่งผลให้ทุกคนรู้สึกผ่อนคลาย และอยากสนุกสนานนั่งสังสรรค์กัน แต่ก็อดนึกเป็นห่วงอนาคตหลังจากนี้ไม่ได้ว่า สถานการณ์จะแย่ลงหรือไม่ แต่ก็ภาวนาขอให้ดีขึ้น ๆ ทุกอย่างจะได้กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่หากเป็นไปในทางตรงกันข้าม อนาคตก็ไม่รู้จะอยู่ได้หรือไม่ เพราะที่ผ่านมาก็นานแรมปีแล้วที่ต้องเผชิญอยู่กับปัญหา ต้องคอยประคับประคองร้านเพื่อให้สามารถอยู่รอดให้ได้ จากยอดขายที่ได้รับหลักหมื่นในแต่ละวัน กลับมาลดลงมากเหลือเพียงแค่หลักพันเท่านั้น อีกทั้งโครงการของรัฐบาล ‘คนละครึ่ง’ ก็คิดหนักอยากจะยกเลิกเพราะไม่คุ้มค่า กำไรน้อย ภาษีแพง ได้เงินช้า แต่ก็กังวลว่าหากยกเลิกไป จะแย่กว่าเก่า ไม่มีไว้ก็ไม่ได้ เพราะลูกค้าส่วนใหญ่เข้าร่วมโครงการกัน ก็ได้แต่คาดหวังว่าอีกไม่นานสถานการณ์คงจะดีขึ้น เศรษฐกิจก็คงจะดีตาม” นางประภาวดี กล่าว