นครฯ – จับแล้ว! หนุ่มแค้นแฟนสาวหลอกเอาเงินแล้วหนีไปมีใหม่ จุดไฟเผารถคาปั๊ม

นครศรีธรรมราช : ตำรวจ สภ.เมือง นำหมายศาลเข้าจับกุม ผู้ต้องหาราดน้ำมันจุดไฟเผารถรั้วบรรทุกแตงโมของอดีตแฟนสาว แม่ค้าผลไม้ คาปั๊มน้ำมันเมืองคอน สารภาพทำไปเพราะความแค้นถูกหลอกแล้วแอบไปมีคนใหม่

วันที่ 28 เมษายน 2564 ความคืบหน้าคดีที่ นายสุชาติ สุขสกุล และนางสาวภัทราภรณ์ คงสีดี สองสามี-ภรรยา เข้าแจ้งความต่อตำรวจ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ให้ดำเนินคดีคนร้ายเป็นชายราดน้ำมันก่อนก่อเหตุเผารถกระบะรั้ว (รถเสริมโครงเหล็ก) บรรทุกแตงโม หวังเอาชีวิตทั้งคู่ที่กำลังพักผ่อนอยู่ในรถ เหตุเกิดภายในปั๊มน้ำมันเอสโซ่ ต.นาเคียน อ.เมืองนครศรีธรรมราช เช้ามืด วันที่ 17 เมษายน 2564 แต่คดีไม่คืบหน้า กระทั่งต้องร้องเรียนต่อสื่อมวลชนและโซเชียลมีเดีย ซึ่งหลังร้องเรียนได้เพียงวันเดียว

ล่าสุด วันนี้ (28 เม.ย.64) พ.ต.อ.มนเทียร เบ้าทอง ผู้กำกับการ สภ.เมืองนครศรีธรรมราช สั่งการให้กำลังตำรวจชุดสืบสวน นำหมายจับของศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เลขที่ 132/2564 ลงวันที่ 27 เมษายน 2564 ไปจับกุม นายนิวัติ หรือเอ็ม จันทร์แก้ว อายุ 32 ปี ผู้ต้องหา ซึ่งเป็นอดีตสามีของนางสาวภัทราภรณ์ ขณะนายนิวัติ ยืนอยู่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 3/6 หมู่ 1 ต.นาสาร อ.พระพรหม จ.นครศรีธรรมราช ฐาน ‘พยายามฆ่าผู้อื่นและวางเพลิงเผาทรัพย์’

เบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา และยอมรับว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง แต่ไม่เคยถูกดำเนินคดีมาก่อน อ้างว่าสาเหตุมาจากโกรธแค้นอดีตภรรยา ที่หลอกลวงเอาเงินไปจนหมดตัว แล้วหนีไปมีสามีใหม่ จึงมาดักเผารถล้างแค้นดังกล่าว ตำรวจจึงจัดทำบันทึกการจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยผู้เสียหาย คือ อดีตภรรยาพร้อมสามีใหม่ชี้ตัวยืนยัน

จากนั้น ตำรวจสอบปากคำผู้ต้องหา ก่อนนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ภายในปั๊มน้ำมันจุดเกิดเหตุ ในช่วงบ่าย โดยมี พ.ต.อ.มนเทียร เบ้าทอง ผกก.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นำกำลังชุดสืบสวนควบคุมตัว นายนิวัติ จันทร์แก้ว ไปด้วยตัวเอง

นายนิวัติ ให้ความร่วมมือ ด้วยการเข้าชี้จุดที่เกิดเหตุ ตั้งแต่จุดซื้อน้ำมัน จุดมาซุ่มซ่อนตัว ก่อนเข้าก่อเหตุใช้น้ำมันราดรถกระบะและจุดไฟเผา

อย่างไรก็ตาม นายนิวัติ ผู้ต้องหายังอ้างว่า หลังเกิดเหตุได้จ่ายเงินให้ทั้งสองไปถึง 5 หมื่นบาท เพื่อชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ขอให้สื่อช่วยทวงถามถึงเงินจำนวนดังกล่าวด้วย

ขอบคุณภาพจากเพจ สถานีตำรวจภูธรเมืองนครศรีธรรมราช

อ่านข่าวก่อนหน้านี้ได้ที่ลิงก์ด้านล่าง