X

ตำรวจภูธรภาค1 แถลงจับกุมแก๊งโจรปล้นทรัพย์ผ่าตู้เซฟมูลค่ากว่า 2 ล้านมีอดีตตำรวจร่วมด้วย

วันที่ 10 ม.ค. 2562 พล.ต.ต.ธนายุตม์  วุฒิจรัสธำรง  รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค1  พร้อมคณะ  ร่วมแถลงข่าวการจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายคดีปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืน ในเขตพื้นที่ สภ.หางน้ำสาคร  อ.มโนรมย์  จังหวัดชัยนาท เมื่อกลางดึกของวันที่ 11 ธ.ค. 2561 ที่ผ่านมา    เหตุเกิด บ้านเลขที่85/9 ม.5 ต.อู่ตะเภา อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ซึ่งเป็นบ้านของ นางละไม ทับฤทธิ์ อายุ 68 ปี ได้ทรัพย์สินเป็นสร้อยคอทองคำ หนัก 4 บาท พร้อมพระเครื่องชนิดต่างๆ ได้แก่ หลวงปู่ทวดเนื้อโลหะ 1 องค์ พระเครื่องท่ากระดานเนื้อโลหะ 1 องค์ พระเครื่องพระอาจารย์ฟั่นเนื้อโลหะ 2 องค์ พระเครื่องหลวงพ่อธรรมจักรเนื้อโลหะ 1 องค์ พระเครื่องนางพญาเนื้อดินจำนวน 2 องค์ ทั้งยังที มีดหมอหลวงพ่อเดิม 2เล่ม พระรูปหล่อหลวงพ่อพรหม 1 องค์ เหรียญหล่อหลวงพ่อพรหม 1 องค์  ตีเป็นมูลค่ากว่า 2 ล้านบาทโดยคนร้ายมีพฤติการณ์บุกเข้าปล้นในเวลากลางคืน และมีคนร้ายไม่น้อยกว่า 6 คน บางส่วนสวมหน้ากากอนามัย และสวมหมวกไอ้โม่ง เพื่อปิดบังใบหน้า งัดกระจกหน้าต่างบานเกร็ดเข้ามาในบ้านผู้เสียหาย ซึ่งผู้เสียหายและหลานกำลังพักผ่อนอยู่ โดยใช้อาวุธปืนข่มขู่ไม่ให้ผู้เสียหายขัดขืน โดยมัดมือมัดเท้าทั้งนางละไมและหลาน พร้อมปลดแหวนทองออกจากนิ้ว จากนั้นก็ขึ้นไปบนชั้นสองของบ้านที่เกิดเหตุงัดตู้เซฟพร้อมรื้อค้นเอาทรัพย์สินของผู้เสียหาย จากนั้นจึงพากันหลบหนีไปโดยใช้รถยนต์เป็นพาหนะ

ของกลางที่ตำรวจยึดไว้ได้
ผู้ต้องหาชี้ทางเข้าไปก่อเหตุบริเวณหน้าต่างหลังบ้าน

 

 

ทางเจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนสอบสวนจนทราบว่ากลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าวประกอบด้วย นานธนิตพงศ์ บารมีธีระภัสร์ อายุ 43 ปี ชาว กทม. , นายธนเดช แจ้งกระจ่าง อายุ 48 ปี ชาว จ.สมุทรปราการ, นายบรรพต ฟักเจริญอายุ 35 ปี ชาว กทม. นายไวพจน์ ทวีพูน อายุ 49 ปี ชาว จ.สระบุรี และเป็นอดีตตำรวจ  จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับต่อศาลจังหวัดชัยนาท เพื่อทำการจับกุม   จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนติดตามจับกุมจนกระทั่งจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 4 ได้ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล แต่มีเพียงนายไวพจน์ เพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยอมรับว่าเป็นคนลงมือจริง แต่คนอื่นๆ ไม่ให้การยอมรับสารภาพ

เจ้าของบ้านชี้จุดวางตู้เซฟ

จากการสอบถามผู้ต้องหาให้การรับว่าได้ร่วมกันปล้นทรัพย์ตามวันเวลาดังกล่าวจริง โดยก่อนก่อเหตุผู้ต้องหาได้ข้อมูลว่า บ้านที่ก่อเหตุหลังดังกล่าวว่ามีทรัพย์สินเก็บไว้ในตู้เซฟภายในบ้านจำนวนมาก และบ้านหลังดังกล่าวมีเพียงผู้หญิงแก่และเด็กพักอาศัยอยู่ กลุ่มคนร้ายจึงได้เดินทางดูลาดเลา และเส้นทางเข้าออกและหลบหนีก่อนก่อเหตุหลายครั้ง จนแน่ใจแล้วจึงได้เข้ามาก่อเหตุในครั้งนี้ เมื่อได้ทรัพย์สินแล้วพากันหลบหนี จากนั้นได้นำทรัพย์สินที่ปล้นไปขายให้กับ นายเกรียงศักดิ์ และนายคมเพชร์     ทางเจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน  สภ.หางน้ำสาคร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทำแผนมัดมือ มัดเท้าเจ้าของบ้าน

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน