พายุฝน “คาจิกิ” ยังตกกระหน่ำตลอดทั้งวันในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดพนังกั้นลำน้ำปาวบริเวณตำบลห้วยโพธิ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ขาดกว่า 2 เมตร ทำให้มวลน้ำไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่กาฬสินธุ์เป็นบริเวณกว้าง ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในเมืองกาฬสินธุ์บ้านเรือนประชาชนในเขตเทศบาลยังถูกน้ำท่วมขังและมีระดับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ระบบสาธารณูปโภค ไฟฟ้าและประปายังใช้การไม่ได้ หลังฝนตกหนัก อ่างห้วยสีทนระบายน้ำ และลำปาวหนุนสูง
เมื่อเวลา 10.30 น.วันที่ 3 กันยายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณพนังกั้นลำน้ำชีท้ายบ้านดอนปอแดง ม.7 ต.ห้วยโพธิ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ นายเอกพงษ์ ศรีโคตร นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลห้วยโพธิ์ พร้อมเจ้าหน้าที่ และชาวบ้านได้เข้าตรวจสอบและช่วยกันนำกระสอบทรายเข้าอุดรอยขาดของพนังกั้นน้ำ หลังระดับลำน้ำปาวหนุนสูง ทำให้พนังกั้นน้ำขาดยาวกว่า 2 เมตร ส่งผลให้น้ำไหลทะลักเข้าท่วมพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะนาข้าวของประชาชนในพื้นที่ ต.ห้วยโพธิ์หลายร้อยไร่ในหลายหมู่บ้าน และกำลังขยายวงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่และชาวบ้านได้พยายามเร่งอุดรอยขาดตั้งแต่ช่วงเช้าด้วยความยากลำบาก เนื่องจากเครื่องจักรไม่สามารถเข้าไปถึง ประกอบกับมีฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งใช้เวลานานหลายชั่วโมงจึงสามรถอุดรอยรั่วได้ในระดับหนึ่ง แต่น้ำยังคงไหลเข้ามาในพื้นที่อยู่ ซึ่งคาดว่าจะสามารถซ่อมเสร็จภายในวันนี้
ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ หลังจากได้รับอิทธิพลจากพายุคาจิกิ ล่าสุดระดับน้ำที่ท่วมขังบ้านเรือนประชาชนภายในเขตเทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ทั้ง 21 ชุมชน กว่า 1,500 หลังคาเรือน ระดับน้ำได้กลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีกจนเอ่อเข้ามาถึงถนนอนรรคนาค ซึ่งใกล้เข้าสู่เขตเศรษฐกิจเมืองกาฬสินธุ์มากขึ้น และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากเมื่อวานนี้ (2 กันยายน 2562)ระดับน้ำลดลง ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องปิดเส้นทางจราจรถนนสายดังกล่าวตั้งแต่สามแยกโรงมวยเก่าไปจนถึงสามแยกโรงงิ้ว เนื่องจากน้ำท่วมรถไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ โดยบ้านเรือนตามชุมชนต่างๆที่ถูกน้ำท่วมขัง และบ้านเรือนประชาชนที่ถูกน้ำท่วม ใน ต.หลุบ อ.เมืองกาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่ต้องตัดระบบไฟฟ้า และประปาบางจุด ทำให้ระบบสาธารณูปโภคไม่สามารถใช้งานได้ แต่เจ้าหน้าที่ได้มีการเตรียมสถานที่พักพิงชั่วคราวและเป็นจุดอำนวยการช่วยเหลือไว้ที่วัดหอไตร และวัดสว่างคงคา ซึ่งมีประชาชนเข้ามาพักอาศัยบางส่วนเท่านั้น เนื่องจากส่วนใหญ่ยังอาศัยอยู่ที่บ้านของตนเอง เพื่อเฝ้าดูแลบ้าน แม้ไม่มีไฟฟ้าใช้ก็ตาม แต่เจ้าหน้าที่ก็ได้นำข้าว เครื่องอุปโภค บริโภคเข้าไปแจกจ่ายจนถึงบ้าน
